บทที่ 7 ซื้อมอเตอร์ไซค์
เช้าวันรุ่งขึ้น
อาลีเปิดท้ายรถขายของให้ชาวบ้านที่มาถามซื้อของใช้ วันนี้เป็นวันที่หกที่ชายหนุ่มมาอยู่ในหมู่บ้านหลี่ผะ แต่เขาดูราวกับเป็นสมาชิกถาวรไปแล้ว ผู้คนเริ่มรู้เวลาว่าต้องมาซื้อของในช่วงเช้า เพราะช่วงสายพ่อค้าหนุ่มจะต้องไปทำขนมเค้กกับลูกสาวคนที่สามของอาฉ่า เขาจะเปิดท้ายรถบรรทุกขายของอีกครั้งในเวลาใกล้เย็น และวันที่เขาเอาขนมเค้กไปขายในเมือง วันรุ่งขึ้นเขาจะมีอาหารสดและอาหารแห้งหลายอย่างมาขายชาวบ้าน
อาลีเงยหน้าขึ้นเมื่อหมี่โตและหมี่รองเดินออกจากบ้านมา
“เธอจะซื้ออะไร” อาลีส่งเสียงถามและยิ้มให้หญิงสาวทั้งสอง เขารู้อยู่แล้วว่าหมี่โตและหมี่รองต้องการอะไร
“ฉันจะซื้อด้ายสีๆ สักสิบม้วนจ้ะ” หมี่โตพูดก่อน
“ฉันจะซื้อลูกปัดสักสิบห่อจ้ะ” หมี่รองบอกเสียงแจ๋ว
“อ้อ ได้สิ รอเดี๋ยวนะครับ”
อาลีตอบแล้วหันตัวไปเปิดลิ้นชักด้านหลัง เขาหยิบกล่องที่มีม้วนเส้นด้ายมากมายออกมาส่งให้หมี่โตเลือก แล้วหันไปหยิบกล่องลูกปัดมาเปิดให้หมี่รองดู
“โอ้โห ลูกปัดสวยๆ ทั้งนั้น” หมี่รองอุทานอย่างดีใจ
หญิงสาวทั้งสองเลือกสิ่งที่ตนต้องการใส่ถุงกระดาษคนละถุงและส่งให้อาลีคิดราคา
“ด้ายสิบม้วนใหญ่ ราคาม้วนละสิบห้าเหรียญทองแดง เธอจ่ายผมมาเจ็ดเหรียญเงินก็พอ ผมลดราราให้สิบเหรียญทองแดงนะ” อาลีมัดปากถุงส่งให้หมี่โต เธอเปิดกระเป๋านับเหรียญส่งให้อาลีอย่างดีใจ
“แล้วลูกปัดของฉันราคาเท่าไรจ๊ะ” หมี่รองชะโงกตัวถาม
อาลีดูลูกปัดที่หมี่รองเลือกไว้หลายชนิดและขนาด เขาดึงถุงกระดาษเล็กๆ ออกมาจากลิ้นชักและจัดลูกปัดเหล่านั้นให้เป็นระเบียบ
“ผมคิดราคารวมทั้งหมดสิบเหรียญเงิน” อาลีมัดปากถุงส่งให้หมี่รอง เธอควักเงินส่งให้อาลีอย่างเต็มใจ
“พวกเราขอบคุณพี่อาลีมากมายเลยนะที่เอารถมาชนต้นลิ้นจี่ของเราและตั้งร้านค้าตรงนี้ ไม่เช่นนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อด้ายกับลูกปัดที่ไหน” หมี่โตพูดซื่อๆ ซึ่งทำให้อาลีหัวเราะออกมา
“ผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาตั้งร้านค้าตรงนี้เลยนะครับ มันเป็นอุบัติเหตุที่ถูกจังหวะจริงๆ ...ผมเองก็ขอขอบใจเธอสองคนมากที่ทำอาหารให้ผมกินและมาช่วยซื้อของ ผมกำลังรวบรวมเงินเตรียมจ่ายเป็นค่าซ่อมรถ ซึ่งค่าซ่อมคงจะสูงมาก อืม เดี๋ยวผมต้องไปดูหมี่สามทำขนมเค้กแล้ว หากอยากได้อะไรเพิ่มก็มาตอนเย็นผมจะเปิดท้ายรถอีกครั้ง”
“ฉันจะรอซื้อขนมเค้กนะจ๊ะ คราวนี้พวกเราจะจ่ายเงิน” หมี่รองบอกชายหนุ่ม
“ตกลงครับ วันนี้หมี่สามจะทำเจ็ดถาด เผื่อขายให้พวกเราหนึ่งถาด ชิ้นละหกเหรียญทองแดงราคาบนดอย อร่อยเหมือนเดิมครับ”
อาลีพูดเสร็จเขาก็เตรียมวัตถุดิบต่างๆ ที่จะนำไปให้หมี่สามทำขนมเค้ก เธอโม่แป้งสาลีไว้ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ถั่วต่างๆ เธอคัดแต่ที่ดีๆ และแกะเปลือกออกอย่างเกลี้ยงเกลา อาฉ่าไปหาฟืนมากองไว้จนเหลือเฟือ มันมากพอที่สุมไฟไปทั้งเดือน ส่วนอาซึก็เริ่มเย็บกระทงมีหูหิ้วอย่างสุดฝีมือ กระทงของเธอทำให้คนที่มองเห็นอยากได้ และพวกเขาก็ต้องซื้อขนมเค้กอย่างน้อยหนึ่งชิ้นจึงจะได้กระทงสวยไป
หมี่โตและหมี่รองเริ่มต้นทำการฝีมือที่บนบ้าน เธอไม่ต้องการให้ย่ามหรือกระเป๋าสตางค์ต้องเปรอะเปื้อนฝุ่นดิน
หมี่เล็กเดินขึ้นลงบันไดเพื่อช่วยทุกคนแล้วแต่จะเรียกใช้ เธอรู้สึกมีความสุขมากที่พี่สาวทั้งสามอยู่กันพร้อมหน้า รวมทั้งอาลีที่เธออยากให้เป็นพี่ชาย ส่วนอาฉ่าเมื่อได้ฟืนมากพอแล้วก็ออกไปหาหญ้าสดให้ม้าและวัวได้กิน
“อีกไม่นานแม่วัวก็จะออกลูกแล้ว ตอนนั้นหมี่สามไม่ต้องเสียเงินซื้อนมจากในเมืองแล้วนะ แม่วัวจะมีนมให้เธอรีดทุกวันนานหลายเดือนเลยละ” อาลีพูดพลางมองแม่วัวที่ยืนท้องโตอยู่ในคอก ส่วนพ่อวัวถูกนำไปผูกไว้ที่หนึ่ง อาฉ่าเตรียมจะฝึกให้มันไถนาข้าวไร่ฤดูกาลหน้า
“เสียดายพี่อาลีจะไม่ได้อยู่กับเรานาน” หมี่สามพูด เธอเหลียวไปมองรถบรรทุกที่ดูเหมือนมันอยากเดินทางต่อจะแย่แล้ว
อาลีพยักหน้า เขาตอบสั้นๆ “พ่อค้ารถเร่ก็ต้องมีชีวิตอย่างนี้แหละ”
หมี่สามเริ่มทำขนมเค้กในช่วงบ่าย อาลีบอกสัดส่วนของวัตถุดิบต่างๆ ให้เธอเข้าใจว่าหากต้องทำขนมเค้กเพิ่ม จะต้องผสมในปริมาณเท่าใด มีวิธีการอย่างไรที่จะอบสองถาดในคราวเดียวโดยที่ขนมเค้กจะสุกพร้อมกัน และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดดิบหรือไหม้ มีเทคนิคหลายอย่างที่หมี่สามต้องจำไว้ อาลีคอยดูอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาด เขาปล่อยให้หมี่สามลงมือทำแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้เกิดความชำนาญ และเพื่อว่าเมื่อเขากลับไปบ้าน เธอจะไม่มีปัญหา
ขนมเค้กอบเสร็จหมดทั้งเจ็ดถาดก่อนถึงเวลาเย็น หมี่สามเก็บขนมเค้กหกถาดไว้ในเตาที่ยังร้อนอยู่และปิดปากเตาอย่างแน่นหนา เธอนำขนมเค้กถาดแรกที่เย็นตัวลงแล้วมาตัดเป็นชิ้นเท่าๆ กันและตักวางลงในกระทงเพื่อเตรียมขาย หมี่โตและหมี่รองลงจากบ้านมาซื้อคนละสองชิ้นเพื่อนำไปกินกับพ่อแม่และเดอเลอ หมี่สามให้เงินหมี่เล็กสิบห้าเหรียญทองแดงและให้ขนมเค้กหนึ่งชิ้นเพื่อเป็นค่าแรงสำหรับการทำงานในวันนี้
ตกตอนเย็นเหล่าชาวบ้านพากันมาซื้อของที่ท้ายรถของอาลี น้องชายและน้องสะใภ้ของอาพีที่กลับจากไร่เข้ามารับเงินค่าแรงจากหมี่โตและหมี่รองคนละสองเหรียญเงิน พวกเขาจะรับจ้างทำไร่ให้บ้านอาฉ่าจนกว่าจะเกี่ยวข้าวเสร็จซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณห้าวัน หลังจากนั้นก็จะถึงฤดูปลูกฝ้าย ผัวเมียทั้งสองบอกอาฉ่าว่าพวกเขายินดีรับจ้างทำไร่ฝ้ายให้ตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว อาฉ่าตอบตกลง เพราะเขาเชื่อว่าหมี่โตและหมี่รองจะมีงานทำไม่ขาดมือหลังจากทำย่ามและกระเป๋าสตางค์ส่งให้นางสาลี่แล้ว
วันรุ่งขึ้นก่อนสว่าง
เจ้าม้าหนุ่มที่แบกบรรทุกขนมเค้กหกถาดก็เดินตามหลังหมี่สามที่เดินจูงมันอย่างกระฉับกระเฉง อาลีและอาฉ่าเดินตามหลังม้าเตี้ยที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี อาลีนำสินค้าแปลกๆ หลายอย่างจากรถบรรทุกใส่กระบุงมาด้วยเพื่อนำไปขายที่ตลาด
เมื่อถึงตลาดอาลีและหมี่สามช่วยกันยกถาดไปวางบนโต๊ะที่หน้าร้าน พวกเขาได้รับแจ้งว่าเจ้าของร้านดังกล่าวกำลังจะกลับจากต่างจังหวัดในวันมะรืนและจะเปิดขายสินค้าของตนตามปกติ หมี่สามต้องไปหาเช่าที่แห่งใหม่ น่าเสียดายที่หมี่สามและอาลีมีลูกค้าประจำรออุดหนุนอยู่นับสิบคน ลูกค้าเหล่านี้คือผู้เคยได้ชิมขนมเค้ก “ลูกสาวอาฉ่า” ซึ่งอาลีเป็นผู้ตั้งชื่อยี่ห้อนี้ให้ โดยอาซึถักด้ายเป็นเกลียวดอกไม้ห้ากลีบอันเป็นสัญลักษณ์พิเศษเย็บติดที่กระทงทุกใบ ทำให้คนซื้อต่างจำได้ถึงเอกลักษณ์ของขนมเค้กยี่ห้อนี้
หญิงสูงอายุคนหนึ่งซึ่งรู้เรื่องที่หมี่สามและอาลีจะขายขนมเค้กที่หน้าร้านแห่งนี้เป็นวันสุดท้าย นางเดินเข้ามาพูดคุยพร้อมกับชี้เข้าไปในซอยด้านซ้าย
“ไปเช่าหน้าบ้านของฉันเอาไหม ฉันเปิดประตูหาโต๊ะให้พวกเธอขายของได้สบาย มันอยู่สุดซอย ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากเท่าไร แต่พวกเธอมีลูกค้าประจำแล้ว พวกเขาต้องตามไปซื้อขนมเค้กแสนอร่อยของพวกเธอแน่นอน ยิ่งถ้าเธอทำขนมเค้กมาขายทุกวัน เธอก็จะยิ่งเป็นที่รู้จัก ใครอยากกินขนมเค้กอร่อยก็ต้องมาซื้อกับพวกเธอ ถ้าสนใจจะไปขายที่หน้าบ้านฉันก็ไปดูด้วยกัน”
หมี่สามและอาลีมองหน้ากัน แล้วอาลีก็ตัดสินใจ
“เดี๋ยวผมจะไปดูทำเลของคุณน้าคนนี้ หมี่สามอยู่คนเดียวได้นะ” อาลีถาม
“ได้จ้ะ เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว” หมี่สามตอบ อาฉ่าเอาม้าไปผูกที่หลังตลาด
อาลีเดินตามหญิงคนนั้นเข้าไปในซอยด้านซ้ายมือ เขามองร้านค้าเล็กๆ สองข้างทางในซอยนั้นซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนหลายครอบครัว บางคนยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรหลังจากทักทายหญิงสูงอายุที่พวกเขารู้จักดี
“หลานชายหรือ ยายเต่า” ชายคนหนึ่งทัก
“ไม่ใช่หรอก พ่อหนุ่มนี่กับพวกเขามาเช่าที่หน้าร้านอาหวังขายขนมเค้กกัน ทีนี้อาหวังจะกลับวันมะรืนแล้ว เขากำลังมองหาที่ใหม่ ฉันก็เลยชวนเขามาเช่าหน้าบ้าน” ยายเต่าอธิบาย
“อ้อ ดีๆ แถวนี้จะได้มีของอร่อยกิน” ชายคนนั้นพูดเป็นเชิงสนับสนุน
อาลีมองไปที่ร้านค้าของครอบครัวหนึ่ง พวกเขาทำแป้งทอดสำหรับกินกับน้ำชา มันเป็นขนมแบบเดียวกับที่ชาวหวุยทำกินเป็นอาหารประจำวัน เขาส่งเสียงทักทายครอบครัวนั้นเป็นภาษาหวุย ซึ่งได้รับเสียงตอบมาด้วยภาษาเดียวกัน
“ถ้าเธอมาขายของตรงนี้ เธอต้องมีเพื่อนเยอะแยะ คนที่อยู่ห้องแถวซอยนี้เป็นคนหวุยหลายบ้าน อาหารการกินไม่ต้องลำบาก บ้านหลังที่อยู่หน้าปากซอยทำหมี่ผัดขายทุกเย็น หมี่ผัดของเขาไม่ใส่เนื้อสัตว์ ใส่แต่ผักกับผลไม้แห้ง” ยายเต่าบอก พลางเหลียวหลังไปชี้บ้านหลังแรกที่พวกเขาเดินผ่านมา
อาลีเดินตามนางเต่าไปจนสุดซอย บ้านเก่าหลังหนึ่งตั้งอยู่หลังกำแพงเก่ามีลวดลายเป็นรูปเถาไม้เลื้อยพันเกี่ยวไปตามความยาว มีซุ้มใหญ่ที่ประตูหน้า มันเคยเป็นซุ้มประตูและกำแพงที่สวยงามมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว
“ฉันอยู่คนเดียว ผัวฉันถูกโจรฆ่าตายไปหลายปีแล้ว ฉันมีลูกสามคน ลูกสาวคนโตแต่งงานไปแล้วทั้งสองคน พวกเขาย้ายออกไปอยู่กับครอบครัวสามีที่ต่างจังหวัดนานๆ จะกลับมาเยี่ยมฉันสักที ลูกชายสุดท้องป่วยตายไปเมื่อต้นปีนี้เอง เสียดายที่เขาไม่มีลูกเมีย ลูกสาวพากันบอกให้ฉันขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่กับพวกเขา แต่ฉันกลัวว่าถ้าขายบ้านแบ่งเงินให้เขาสองคนไปแล้ว ฉันจะกลายเป็นขอทาน ”
นางเต่าพูดพลางหัวเราะขื่นในคอ นางยกพวงกุญแจที่ห้อยเอวไว้ไขประตูใต้ซุ้มใหญ่ให้เปิดออก อาลีมองลานที่ปูด้วยแผ่นหินหน้าบ้าน มันกว้างขวางและร่มเย็นด้วยต้นไม้สูง เขาหันกลับไปสังเกตถนนที่ทอดตรงมายังบ้านสุดซอยหลังนี้ ปากซอยคือย่านตลาดเช้า ผู้คนสามารถเดินเข้าออกอย่างสบาย
“ฉันจะให้พวกเธอเช่าพื้นที่ใต้ซุ้มนี้ขายขนมเค้กทุกเช้าจนกว่าจะขายหมด จ่ายค่าเช่าให้ฉันวันละสองเหรียญเงินก็พอ ฉันมีโต๊ะหลายตัวให้เธอวางถาด มีราวให้แขวนผ้าแพรสวยๆ มีที่ผูกม้าด้วย อีตาคนนั้นจะได้ไม่ต้องเอาม้าไปผูกไกลๆ ลานบ้านนี้แต่ก่อนเอาไว้จอดรถบรรทุกของผัวฉัน พอเขาตายแล้วฉันก็ต้องขายรถคันนั้นไป”
อาลีมองไปที่ตัวบ้านเก่าซึ่งเคยมีร่องรอยของการอยู่อาศัยแบบครอบครัว นางเต่ามองตามสายตาของเขา นางเล่าให้เขาฟังว่า
“เมื่อก่อนตอนที่ผัวฉันยังเป็นหนุ่ม เขาเอาของบรรทุกหลังม้ายี่สิบตัวไปค้าขายที่ต่างเมือง เขาหาเงินได้เยอะเพราะความขยัน พอแต่งงานแล้วเขาก็ยังไปค้าขายอยู่ แต่เปลี่ยนจากม้าเป็นรถบรรทุก เขาขับตระเวนไปเรื่อย ซื้อของแปลกๆ มาขายจนฉันกับเขามีลูกด้วยกันสามคน
“วันหนึ่งผัวฉันเพิ่งกลับมาจากค้าขายทางไกล เขาเอาเงินมากมายมาเก็บไว้ในบ้าน ตกดึกมีโจรสามคนเข้ามาปล้น มันเอามีดจี้คอลูกสาวเราไว้แล้วบอกให้ผัวฉันเอาเงินให้พวกมัน ผัวฉันลนลานเอาเงินให้พวกโจร แต่แอบขยักไว้ถุงหนึ่งเพราะความเสียดาย โจรคนหนึ่งมองเห็นว่ายังมีถุงเงินเหลืออยู่ที่ก้นหีบ มันเอามีดฟันคอผัวฉันจนนอนตายจมกองเลือด
“พอพวกโจรไปแล้วพวกเราก็รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ออกตามจับ แต่เธอคงรู้นะว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมักจะจับโจรไม่เคยได้ แถมเจ้าหน้าที่บางคนยังรับสินบนจากพวกโจร”
“ครับ” อาลีพยักหน้า นางเต่าเล่าต่อ
“หลังจากทำศพผัวแล้ว ฉันก็เลี้ยงลูกสามคนโดยเอาสินค้าในโกดังมาวางขายที่หน้าบ้าน ใต้ซุ้มประตูนี่แหละ แล้วก็ทำอาหารขาย พวกเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องมาช่วยกันอุดหนุน ฉันก็พออยู่ไปได้ จนวันหนึ่งลูกสาวฉันทั้งสองคนเกิดไปรู้จักผู้ชายจนถึงกับผูกสมัครรักใคร่ เป็นพ่อค้าคนหนึ่ง อีกคนเป็นทหาร อยู่ต่างเมืองทั้งคู่ ฉันห้ามลูกสาวว่าอย่าเอาเลยผู้ชายที่เราไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า แต่เขาสองคนก็ดื้อรั้น ในที่สุดฉันก็ต้องยอมให้พวกเขาแต่งงานและย้ายไปอยู่กับผัว ตอนนี้มีลูกมีเต้าแล้วก็ไม่เคยมาเยี่ยมหาฉันอีกเลย
“ปีที่แล้วลูกชายฉันซึ่งเพิ่งอายุยี่สิบสองและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยฉันขายของก็ป่วยเป็นไข้ เขาตายไปเมื่อต้นปีนี้เอง หลังงานศพฉันก็อยู่คนเดียวเรื่อยมา ฉันมีอะไรก็ขายออกไปหมดเพื่อเลี้ยงตัว เมื่อก่อนห้องแถวด้านซ้ายนั่นก็ของฉันนะ แต่ฉันขายให้เพื่อนบ้านตอนที่ลูกชายป่วย เสียค่ายามากมายแต่ก็เอาชีวิตเขาไว้ไม่ได้”
“อ้อ ครับ” อาลีฟังนางเต่าเล่าเรื่องของนาง ซุ้มประตูแห่งนี้ช่างถูกใจเขา มันมีหลังคายื่นยาวกันแดดกันฝนได้
“เธอลองปรึกษาเด็กคนนั้นกับพ่อเขาดูก่อนก็ได้ว่าเขาอยากมาเช่าพื้นที่ตรงนี้ไหม ฉันเชื่อว่าพวกเธอจะขายดี เธอเอาป้ายมาติดที่หน้าปากซอยก็ได้ คนเขาก็บอกต่อๆ กันไปเอง” นางเต่ามองออกว่าอาลีและหมี่สามไม่ใช่พี่น้องกัน เธอถามอาลีว่า “เธอกับเด็กสาวคนนั้นไปรู้จักกันได้อย่างไร”
อาลีเล่าให้นางเต่าฟังถึงเรื่องที่เขาขับรถบรรทุกข้ามชายแดนมาขายของที่หมู่บ้านบนดอยต่างๆ จนกระทั่งรถของเขาเบรกแตกและพุ่งเข้าชนต้นลิ้นจี่หน้าบ้านอาฉ่าที่หมู่บ้านหลี่ผะ จากนั้นเขาก็ได้รู้จักอาฉ่า อาซึ และลูกสาวทั้งห้า หมี่สามสนใจทำขนมเค้กและมีความพยายามในการฝึกหัดทำจนสามารถนำออกขายได้ที่บนดอย จากนั้นพวกเขาทั้งสามและเจ้าม้าหนุ่มก็เอาขนมเค้กลงจากดอยมาขายที่ตลาด
“ผมกำลังรอช่างที่อู่ซ่อมรถน่ะครับ เขาติดป้ายว่าปิดสิบห้าวันเพราะมีคนตาย ต้องจัดงานศพ” อาลีบอกนางเต่า
“เอ๊ะ ใช่อู่ที่ถนนรอบนอกไหม” นางเต่าถามขึ้น
“ครับ มันอยู่ด้านทิศเหนือก่อนถึงตลาด อีกสามวันเขาจึงจะเปิดทำงานครับ”
“อู่นั้นน่ะเป็นของนายเจียนเปา เขาเป็นเพื่อนสนิทสามีฉัน ออกตระเวนค้าขายด้วยกันตั้งแต่ยังหนุ่ม เขานอนป่วยติดเตียงมานาน ลูกชายทั้งสองของเจียนเปาเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์ เก่งเชียวละ ซ่อมรถได้ทุกชนิด ฉันกับพวกเขานับถือกันเหมือนญาติ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ!”
“วันพรุ่งนี้พวกเขาจะทำพิธีฝังศพ ฉันต้องไปร่วมด้วยตามธรรมเนียม หากเจอสองหนุ่มนั่นฉันจะบอกพวกเขาให้ขึ้นไปซ่อมรถบรรทุกของเธอที่บนดอยอีกสองวันข้างหน้าก็แล้วกัน พวกเขาจะไม่ปฏิเสธที่ฉันขอเพราะพวกเขาขัดฉันไม่ได้”
“โอ้ ขอบคุณครับ” อาลียิ้มอย่างดีใจ เขาอธิบายเส้นทางไปหมู่บ้านหลี่ผะให้นางเต่ารับรู้เพื่อที่นางจะได้ไปบอกสองพี่น้องให้ขึ้นไปช่วยซ่อมรถบรรทุก
“เขียนแผนที่ให้ฉันเก็บไว้สักแผ่น ฉันจะได้ให้ชิงเป้าและปิงเปาดู” ชิงเป้าและปิงเปาคือชื่อของช่างซ่อมรถทั้งสองหนุ่ม นางเต่าเดินเข้าบ้านไปหยิบกระดาษกับดินสอมาให้อาลีวาดแผนที่ทางไปหมู่บ้าน
“วันมะรืนนี้พวกเธอจะเอาขนมเค้กมาขายอีกทีใช่ไหม” นางเต่าถามเมื่อพับแผนที่เก็บใส่กระเป๋าเสื้อนอกแล้ว
อาลีตอบว่า “ถ้าช่างซ่อมรถจะไปที่ดอยวันมะรืนนี้ หมี่สามกับพ่อเขาก็คงมากันสองคนครับ ผมจะรอพบช่างอยู่ที่บนดอย เดี๋ยวผมจะไปบอกทั้งสองว่าเราจะมาเช่าซุ้มหน้าบ้านคุณน้า พอขายของเสร็จผมจะพาพวกเขามาคุยที่นี่นะครับ”
“อ้อ ดี ฉันจะรอนะ”
อาลีเดินออกจากซอยกลับไปที่หน้าร้านของอาหวัง เขาเห็นอาฉ่าและหมี่สามช่วยกันขายขนมเค้กด้วยสีหน้าเบิกบาน มีคนมายืนรอซื้อหลายคน อาลียิ้มกับภาพที่เห็น
อาฉ่าเงยหน้าเห็นอาลี เขากวักมือให้อาลีมาเอาเงินส่วนที่เป็นของเขา
“เอ้า นี่ ของเธอ ฉันขายไปแล้วสองถาด” อาฉ่าส่งเงินเหรียญทองแดงมากมายให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” อาลีตอบแล้วเก็บเงินใส่กระเป๋า มีลูกค้าต้องการดูผ้าไหมที่อาลีแขวนไว้ อาลีรีบดึงผ้าผืนนั้นลงจากราวและส่งให้ลูกค้าชม เขาอธิบายให้ลูกค้ารับรู้ว่ามันเป็นผ้าไหมทอจากมือของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกล เขามีเพียงผืนเดียวและนำออกมาขายเพราะต้องใช้เงินเพื่อซ่อมรถ ลูกค้าคนนั้นพอใจผ้าไหมผืนนั้นและพอใจในความสุภาพของอาลี เขาซื้อผ้าไหมผืนนั้นไปในราคาห้าสิบเหรียญเงิน
อาลีบอกเล่าให้อาฉ่าและหมี่สามรับรู้ว่าเขาตกลงไปเช่าลานใต้ซุ้มหน้าบ้านของยายเต่าแทนร้านแห่งนี้ เขาจะพาคนทั้งสองไปดูเมื่อขายของเสร็จแล้ว หมี่สามและอาฉ่ากล่าวขอบคุณเขาที่เป็นธุระให้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ขนมเค้กทั้งหกถาดก็ขายหมดเกลี้ยง มีลูกค้าสั่งซื้อล่วงหน้าหลายคน โดยพวกเขาบอกว่าวันมะรืนนี้จะมารอ
“วันมะรืนนี้ เราจะย้ายไปขายในซอยด้านซ้ายมือนะครับ บ้านหลังสุดท้าย” อาลีบอกคนเหล่านั้น
“อ๋อ บ้านยายเต่านั่นหรือ” หญิงคนหนึ่งเลิกคิ้ว
“ครับ”
“ก็ดีเหมือนกันจะได้เดินออกกำลังไปด้วย ในซอยนั้นมีบ้านโบราณสวยงามหลายหลัง บ้านยายเต่าแต่ก่อนก็สวยดี ตอนหลังพอผัวแกตาย แกไม่มีกำลังดูแลก็ปล่อยไว้จนเก่าโทรม ลูกสาวสองคนแต่งงานไปกับคนเมืองเหนือไม่เคยกลับมาดูแลแม่ ลูกชายแกก็เป็นฝีที่ปอดตายปีที่แล้ว แกเอาเงินไปรักษาลูกจนหมดตัว”
หญิงอีกคนเอ่ยปากเล่าความเป็นเป็นของนางเต่า ซึ่งเป็นเรื่องที่อาลีรับฟังเรื่องดังกล่าวจากปากของนางมาแล้ว
เมื่อเก็บของเสร็จ
อาลีนำเงินค่าเช่าหน้าร้านไปจ่ายให้ญาติของอาหวัง ซึ่งคนทั้งสองพูดจาปราศรัยกันด้วยดี จากนั้นอาฉ่าก็เดินไปเอาเจ้าม้าหนุ่มที่ผูกไว้มาบรรทุกของ อาลีเดินนำอาฉ่าและหมี่สามเดินเข้าซอยไปที่บ้านนางเต่าอีกครั้ง สองพ่อลูกต่างพอใจทำเลที่หน้าบ้านแห่งนี้ แม้จะมีความกังวลเล็กน้อยว่าขนมเค้กอาจจะขายไม่หมดเพราะไม่มีคนเดินผ่าน
“อย่างไรก็ต้องลองดู” หมี่สามคิดอยู่ในใจ
นางเต่ากวักมือเรียกคนทั้งสามให้เข้าไปในบ้าน นางชี้ให้พวกเขาดูรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งซึ่งมีกระบะพ่วงข้าง มันจอดนิ่งสงบอยู่ริมกำแพง
“พวกเธอสนใจจะซื้อไว้ไหม มันเป็นรถของลูกชายฉัน เขาใช้ขับขี่ซื้อของมาให้ฉันขาย พอเขาตายฉันก็เก็บมันไว้ ใครมาขอซื้อฉันก็ไม่ขาย...” นางเต่าพูด แล้วเสียงนางก็ขาดห้วงไปด้วยความสะเทือนใจ
อาฉ่ามองรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นแล้วมองหมี่สาม หากหมี่สามต้องการทำขนมเค้กขายให้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวและคุ้มทุน เธอจะต้องทำขนมเค้กลงมาขายในเมืองทุกเช้า ซึ่งการเดินจูงม้าลงมาจากดอยโดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงและเดินกลับอีกสองชั่วโมงนั้นเป็นไปไม่ได้ เธอจึงต้องเข้าเมืองวันเว้นวันอย่างนี้
อาลีมองตามสายตาอาฉ่า เขารู้ว่าอาฉ่าคิดอะไร
“รถคันนี้ยังใช้งานได้ไหมครับคุณป้า” อาลีถามนางเต่า
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ จอดทิ้งไว้อย่างนี้เกือบจะหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ลูกชายฉันตาย ฉันมานึกเสียดายว่ามันควรจะได้ใช้ประโยชน์” นางเต่าบอกพลางใช้นิ้วลูบเบาะรถอย่างผูกพัน
หมี่สามมองรถมอเตอร์ไซค์ที่มีกระบะพ่วงข้าง เธอไม่เคยมีความคิดเรื่องที่ว่าเธอจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ คนในหมู่บ้านหลี่ผะไม่เคยมีใครขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ อย่าว่าแต่เด็กสาววัยย่างสิบห้าอย่างเธอเลย
“เจ๊จะขายเท่าไรรถมอเตอร์ไซค์คันนี้” อาฉ่าถามเสียงเบา มอเตอร์ไซค์มีกระบะพ่วงข้างคันนี้ยังอยู่ในสภาพดี เขารู้ว่ามันจะต้องมีราคาแพง
“สี่ร้อยเหรียญเงินขาดตัว” นางเต่าเตรียมคำตอบไว้แล้ว “ตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ นี่ราคาหนึ่งพันสองร้อยเหรียญเชียวนา แกน่าจะซื้อให้ลูกสาวแกขี่เอาขนมเค้กลงมาจากดอย เขาจะได้ขายทุกวัน อีกอย่างนะ ขายวันละหกถาดนี่ไม่ค่อยได้กำไรมากนัก แถมต้องแบ่งกำไรกันหลายคนก็แทบไม่ได้อะไรเลย ฉันคนเคยค้าขายนี่ฉันมองออก แถมยังต้องจูงม้าลงจากดอยมาตั้งแต่มืดมาสว่างเอาที่นี่ หากมีมอเตอร์ไซค์ก็ใช้เวลาสั้นลงในการเดินทางไปกลับ แถมกระบะข้างยังบรรทุกขนมเค้กถาดใหญ่ได้ถึงยี่สิบถาดเลยทีเดียว”
สิ่งที่นางเต่าพูดนั้นตรงใจหมี่สาม อาลีเองก็คิดเช่นนั้น เพราะการเข้าเมืองสามครั้งที่ผ่านมาหากไม่นับรวมผ้าแพรและผ้าไหมที่เขาขายได้ราคาสูง มันเป็นเรื่องไม่คุ้มเอาเสียเลยที่เอาขนมเค้กหกถาดบรรทุกหลังม้าเดินลงมาขายในเมือง ราคาขายชิ้นละสิบเหรียญทองแดง ตกถาดละสิบเหรียญเงิน ต้นทุนแต่ละถาดรวมทั้งค่ากระทง ค่าแรงของทุกคนและเจ้าม้าหนุ่ม เมื่อหักออกแล้วก็แทบไม่เหลืออะไร ดังนั้นการเพิ่มปริมาณขนมเค้กที่จะเอามาขายในเมืองนั้นเป็นทางหนึ่งที่จะได้กำไรเพิ่ม รวมทั้งจะต้องนำลงจากดอยมาขายในเมืองทุกวัน
“หากเราซื้อเป็นเงินผ่อนได้ไหมจ๊ะ” หมี่สามตัดสินใจถามนางเต่า
“ก็น่าจะได้นะ” นางเต่ามองหมี่สามและมองอาฉ่า นางสังเกตว่าอาฉ่าทำท่าเหมือนจะตกลงหากว่าเป็นการซื้อขายเงินผ่อน
หมี่สามใช้ความคิดอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินนางเต่าพูด วันข้างหน้าเมื่ออาลีกลับไปบ้านของเขาแล้ว เธอจะต้องทำขนมเค้กคนเดียวและต้องช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด
“คุณป้าจะให้ฉันจ่ายเป็นรายวันไหมจ๊ะ” หมี่สามถาม ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความมุ่งมั่น
“เอาไว้วันไหนเธอตกลงจะซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้ เธอเอาเงินห้าสิบเหรียญเงินมาวางมัดจำ แล้วเธอก็เอารถไปใช้ได้เลย โดยที่ทุกวันเธอต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ตรงนี้วันละสองเหรียญเงินและค่าผ่อนรถอีกหนึ่งเหรียญเงิน เพียงปีเดียวเธอก็จะได้เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนี้” นางเต่าพูดอธิบาย
อาลีและอาฉ่าพยักหน้าพร้อมกัน หมี่สามถามนางเต่าด้วยน้ำเสียงซื่อๆ
“คุณป้าไม่กลัวพวกฉันจะโกงหรือจ๊ะ ฉันอาจจ่ายมัดจำและขโมยรถคุณป้าไปขาย”
“พวกเธอไม่ใช่หัวขโมย ฉันมองคนออก ฉันเดินมาดูพวกเธอขายของทุกครั้ง และเห็นพวกเธอมีน้ำอดน้ำทนกันดี คนแบบนี้ไม่มีขี้โกงใครหรอก และอีกอย่าง ฉันมีที่อยู่ที่หมู่บ้านของพวกเธอไว้แล้ว หากมีปัญหาอะไรฉันตามจับเธอได้แน่ๆ ” นางเต่าชูแผนที่ที่อาลีเขียนไว้ให้นางเพื่อนำทางช่างซ่อมรถ
เมื่อตกลงกันได้ คนทั้งสามก็ลานางเต่า พวกเขาเดินหาสิ่งของจำเป็นสำหรับการทำขนมเค้ก อาลีซื้อของสดและของแห้งหลายอย่างบรรทุกหลังเจ้าม้ากลับขึ้นดอย