วิศวะขย้ำรัก
(Engineer'nTaboo)
EPISODE8
“สิบสอง...สิบสาม...สิบสี่...” ท่าทางที่นับไปเซไปราวขาจะพันกันของซิน ทำให้ควีนและเฌอปรางได้แต่ลุ้นให้คนที่กำลังก้มปั่นจิ้งหรีดสามารถทำได้ครบยี่สิบครั้งเร็ว ๆ
“ซินเธอไหวไหมอะ” เฌอปรางเอ่ยถาม เธอก้มมองหน้าเพื่อนใหม่ที่มีเม็ดเหงื่อผุดซึมไรผมสีน้ำตาลเข้มแล้วก็ได้แต่ไม่สบายใจ ได้ยินว่าข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน แล้วต้องมาหมุน ๆ แบบนี้อีก รุ่นพี่คนนี้ใจร้ายกับเธอจริง ๆ
“เราไหว แฮ่ก ๆ ใกล้แล้ว” ซินที่หอบแฮ่ก ๆ เพราะรู้สึกว่าร่างกายที่อ่อนเพลียของตัวเองกำลังค่อย ๆ ย้อนกลับมาเล่นงานเธอแล้ว เธอหอบเหนื่อยมากขึ้น รู้สึกในหัวมันหนักไปหมด ทั้ง ๆ ที่เมื่อเช้าก่อนออกมาก็กินยาลดไข้ดักไว้แท้ ๆ
“สิบห้า...สิบหก...สิบเจ็ด...” สาวน้อยเจ้าของร่างเล็ก ๆ ยังคงกัดฟันปั่นจิ้งหรีดต่อไป ก็แค่ยี่สิบครั้งเองถ้าเมื่อวานเธอไม่เกิดเรื่องนั้นจนร่างกายจับไข้และอ่อนแอ สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายอย่างเธอ ปั่นจิ้งหรีดแค่นี้ถือว่าสบายมาก แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็จะไม่ยอมแพ้ และจะไม่ยอมไปทำความสะอาดโรงยิมด้วย พอเสร็จจากนี้แค่ตะโกนบอกทุกคน พี่เขาก็จะเซ็นชื่อให้เธอแล้ว
“สิบแปด...สิบเก้า...ยี่สิบ!” ซินยังคงทำต่อไปจนครบก่อนที่เธอจะยืดตัวเงยหน้าขึ้นมา และพบว่าสายตามันพร่าเบลอไปหมด ร่างทั้งร่างมันเหมือนกำลังเสียศูนย์เลย
หมับ!
“ไหวไหม เธอหน้าซีดแล้วนะ” ควีนที่เข้ามาช่วยพยุงเธอไว้ได้ทัน ทำให้ซินขยับยิ้มแล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าให้ควีน
“เราไหว หนูจะตะโกนแล้วนะ” เธอตอบควีนแล้วหันไปพูดกับรุ่นพี่หนุ่มที่ยืนกอดอกมองเธออยู่เงียบ ๆ
ซินสูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนที่เธอจะยกมือป้องปากตัวเอง และเปล่งเสียงเล็ก ๆ ที่มีออกมาจนสุดเสียง
“พี่ ๆ คะ หนูเป็นน้องบัดดี้ของพี่พันไมล์ค่ะ!” ซินตะโกนขึ้น ทำให้คนที่ลานกิจกรรมหันมามองทางพวกเธอ
“หา! น้องว่าอะไรนะครับ” เตย์ที่พูดผ่านไมค์ลอยส่งเสียงกลับมา นั่นทำให้ซินได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง
“พี่ ๆ คะ หนูเป็นน้องบัดดี้ของพี่พันไมล์ค่ะ!” เธอตะโกนบอกทีมรับน้องสุดเสียงที่มีจนแสบคอ ก่อนจะหอบหายใจแรงเพราะความเหนื่อย
“ฮัลโหล! น้องว่าอะไรนะครับ” แต่ดูเหมือนระยะห่างจากที่เธออยู่กับลานกิจกรรมมันจะไกลเกินกว่าเสียงเธอจะไปถึงสินะ
“ท่าทางฝั่งนั้นจะไม่ได้ยินน้องพูดแฮะ” สีฝุ่นพูดขึ้น
“เหลือไม่ถึงสามนาทีแล้วอะ ทำไงดี” เฌอปรางว่า นั่นทำให้ซินเดินกลับมาหาเจ้าของร่างสูง เธอคว้ามือเขาไว้แน่นก่อนจะรั้งให้เขาวิ่งตามเธอไป นั่นทำให้พันไมล์ตกใจไม่น้อยที่เด็กนี่กล้ากระชากแขนเขา
“ไม่ทันแน่ เราต้องไปใกล้พวกพี่เขามากกว่านี้ค่ะ พี่ตามหนูมาเร็ว!” เธอหันมาบอกขณะจับมือเขาวิ่งไปที่ข้างลานกิจกรรม
“แฮ่ก ๆ” เสียงหอบจนตัวโยนของร่างเล็ก ๆ ที่ลากรุ่นพี่เจ้าของเส้นผมสีแดงเพลิงให้วิ่งมาด้วยกัน ทำให้ทีมรับน้องและน้อง ในลานกิจกรรมต่างมองมาที่ทั้งคู่อย่างให้ความสนใจ
“เฮ้! นั่นซินนี่นา เธอจะทำอะไรน่ะ” ปั้นแป้งสะกิดให้ยูดูเพื่อนใหม่ของพวกเธอ
“เมื่อกี้น้องว่าอะไรนะครับ พวกพี่ฟังไม่ถนัดเลย” นำทัพที่อยู่ด้านหน้าตะโกนถามมา
“หนูจะบอกว่า...พี่ ๆ คะหนูเป็นน้องบัดดี้ของพี่พันไมล์ค่ะ!” ซินตะโกนบอกพวกเขาอีกครั้งอย่างสุดเสียงที่มี
“อ๋อ!” นั่นทำให้ทีมรับน้องต่างพากันร้องอ๋อพร้อมกัน เพราะเข้าใจแล้วว่านั่นคงเป็นเงื่อนไขของรุ่นพี่ปี 3 ที่ให้เธอทำสินะ
“แฮ่ก ๆ พี่เขาได้ยินแล้วค่ะ ตอนนี้พี่เซ็นสมุดให้หนูทีนะคะ” เจ้าของใบหน้าซีดเซียวหันมาบอกเขา พร้อมยื่นสมุดกิจกรรมให้ ทำให้พันไมล์เหลือบสายตามองคนในลานกิจกรรม มาถึงขั้นนี้แล้วไม่เซ็นก็คงไม่ได้สินะ
“พี่ไม่มีปากกา” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ
“นี่ค่ะ พี่เอาของเราไปเซ็นก่อน” เฌอปรางที่เดินตามมายื่นปากกาของเธอให้ สีหน้าเธอบ่งบอกว่าไม่ชอบใจรุ่นพี่คนนี้พอดูเลย ทำแบบนี้มันแกล้งรุ่นน้องเกินไปแล้ว
“จะหมดเวลาแล้วนะครับ น้อง ๆ ที่ยังไม่ได้แลกป้ายแยกออกมาตั้งแถวเลยนะครับจะได้ไปโรงยิมกัน” เตย์ประกาศเร่ง เมื่อเห็นว่าเฮียไมล์ยังลีลาไม่ยอมเซ็นสมุด
ได้ยินแบบนั้นพันไมล์จึงจัดการเซ็นชื่อลงสมุดให้เธอ นั่นทำให้ซินขยับยิ้ม เธอจัดแจงถอดป้ายคล้องคอออกมาเพื่อแลกกับเขา พันไมล์จึงดึงเอาป้ายที่เสียบไว้ที่กระเป๋ากางเกงออกมาแลกกับเธอ
“พี่ชื่อพันไมล์ เป็น...เฮ้ย!” เขากำลังจะพูด ทว่าเจ้าของร่างเล็กที่เอาป้ายชื่อเขาไปคล้องคอ จู่ ๆ ก็ยืนซวนเซแล้วทำท่าจะล้มลงจนเขาต้องเข้าไปคว้าตัวเธอไว้
หมับ!
ชายหนุ่มมองคนที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าสวยซีดเซียวและมีเหงื่อผุดซึมออกมา ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่มก็ซีดเผือดไปหมด เมื่อได้สัมผัสตัวเธอแบบนี้ ก็ทำให้พันไมล์รู้ว่าเธอกำลังตัวร้อน
“ซินเป็นลมไปแล้วอะ” เฌอปรางร้องอย่างตกใจ
“แยกเลย ๆ พาไปให้หมอดูอาการก่อน น้อง ๆ ที่เหลืออยู่ในความสงบนะครับ” เห็นแบบนั้นเตย์จึงประกาศออกไมค์ทันที
“น้อง...แม่ง! ไอ้เบสท์กูจะพาน้องไปห้องพยาบาลก่อน” เขาส่งเสียงเรียกเธอ แต่สาวน้อยก็ไม่มีสติเสียแล้ว จึงช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มท่ามกลางความตกใจของทุกคน พันไมล์หันไปตะโกนบอกบีเบสท์เพื่อให้เพื่อนเคลียร์เรื่องที่ลานกิจกรรมให้ ก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะพาน้องใหม่ตรงไปยังห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัย เพื่อให้คุณหมอประจำห้องพยาบาลดูอาการของเธอ ระหว่างทางก็คอยมองหน้าเธอ ว่าเธอพอจะมีสติบ้างไหม แต่ยัยตัวจิ๋วก็นิ่งไปเลย
“เฮ้! ถ้าเธอป่วยก็อย่ามารับน้องสิวะยัยเด็กนี่” เขาพึมพำอย่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเธอจะไม่สบายขึ้นมาแบบนี้
“นักศึกษาเกิดอะไรขึ้น” คุณหมอประจำห้องพยาบาลเอ่ย ถาม แล้วเปิดผ้าม่านกั้นเตียงให้พันไมล์พาตัวเธอไปนอนลง
“รับน้องแล้วจู่ ๆ ก็ล้มหมดสติครับ” เขาบอก ก่อนจะถอยห่างออกมา เพื่อให้คุณหมอดูอาการของเธอ ผ่านไปครู่หนึ่งคุณหมอก็เดินออกมา
“เธอมีไข้ แล้วก็ท่าทางร่างกายอ่อนเพลียน่าดู เดี๋ยวหมอจะให้น้ำเกลือกับยาลดไข้และเช็ดตัว เธอก็ไปรอข้างนอกก่อนแล้วกัน” คุณหมอว่า ทำให้พันไมล์ได้แต่เหลือบสายตามองร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป
“น้องเป็นไงเฮีย” สีฝุ่นที่ตามมาเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพันไมล์เดินออกมาคนเดียว
“ไม่สบาย” พันไมล์ตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินไปจนสุดทาง กล่องบุหรี่ถูกล้วงออกมาจุดสูบอย่างเซ็ง ๆ ในใจก็ได้แต่คิดว่าหรือเธอจะไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน บนเตียงเลือดออกเสียขนาดนั้นแสดงว่าเขาคงจะเมาจนทำรุนแรงกับเธอไปรึเปล่า แต่ถ้าร่างกายเธอไม่พร้อมก็ไม่น่าจะมารับน้องนี่หว่า กิจกรรมพวกนี้มันลาป่วยกันได้แค่มีเหตุผล
เห็นท่าทางของเฮียที่ดูเหมือนคนมีเรื่องคิดมากในใจ สีฝุ่นก็ได้แต่ตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ
“น้องมันก็ตัวแค่นั้น เฮียไปทำอะไรไว้ไม่พอ วันนี้ยังจะแกล้งเธอต่ออีก เฮียน่าจะลองถามเธอก่อนนะว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเธอจะจับเฮีย เธอคงไม่รีบร้อนหนีออกไปแบบไม่พูดจาอะไรหรอก เอานี่...เผื่อน้องตื่นก็ทำให้มันครบ” สีฝุ่นว่า แล้วยื่นเส้นด้ายสีขาวให้กับพันไมล์
เพราะเขาเมาเหล้าที่ผสมยาของพี่นิวเยียร์ ทำให้รู้สึกเมามากกว่าปกติ เมาจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรกับเธอไปบ้าง การที่เธอหนีไปแบบนั้นมันทำให้เขาไม่สบายใจ เพราะกลัวว่าต่อไปเธอจะเป็นปัญหาให้เขาขึ้นมา
“มึงกลับไปก่อนเถอะ กูจะรอดูที่นี่” พันไมล์เอ่ยเสียงเซ็ง
1 เม้นท์ = 1 กำลังใจในการปั่นนิยายนะฮะ