วิศวะขย้ำรัก
(Engineer'nTaboo)
EPISODE9
[บันทึกพิเศษ : ซิน]
ความรู้สึกหนักอึ้งหลังจากปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ที่ข้างเตียงมีเสาน้ำเกลือที่หมดไปค่อนกระปุกแล้ว ทำให้ฉันเดาว่าที่นี่คงจะเป็นห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัยสินะ
“เป็นไง” ขณะนั้นคนที่เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก็เอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบและใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้แมสก์สีดำ โดดเด่นที่เส้นผมสีแดงเพลิงสะดุดตากว่าใคร ๆ ทำให้ฉันขยับยิ้มน้อย ๆ
“พี่น่ะเอง หนูมาอยู่นี่ได้ไงคะ” ฉันเอ่ยถาม และเห็นเขามองมายังฉันนิ่ง แม้ไม่ได้ถอดแมสก์ก็พอจะเดาได้ว่าสีหน้าของเขาตอนนี้มันเฉยชาแค่ไหน
“เธอไม่สบายจนเป็นลมไป พี่เลยพามาห้องพยาบาล” เขาตอบมา ทว่าสายตากลับมองฉันราวคนมีคำถามในใจ
“ขอบคุณพี่มากนะคะ อ่า...พี่ชื่อพันไมล์ใช่ไหม หนูชื่อซินนะ ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ หนูเพิ่งเข้ามาอยู่ที่เขต MDL ไม่นาน ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่เลยค่ะ” ฉันบอกเขา เพราะอยากจะลองพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับเขาดู จะได้คลายบรรยากาศอึมครึมรอบ ๆ ตัวลงบ้าง
“พี่...พี่มีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมถึงมองหน้าหนูแบบนั้น” ขนาดฉันพูดไปยืนยาว พี่เขากลับไม่หือไม่อือเลยแฮะ แปลกคนจริง ๆ
“ถ้าเธอไม่สบาย เธอแจ้งลากับทางมหา’ ลัยได้ ทำไมเธอยังมารับน้องอีก” เขาเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันได้แต่ยิ้มแหยออกมา อดไม่ได้ที่จะยกมือมาเกาข้างแก้มเบา ๆ
“หนูอยากเก็บความทรงจำน่ะค่ะ หนูไม่เคยเข้ามาอยู่ในเมือง เลยคิดว่าถ้าเข้าเรียนที่ MDL ได้ หนูก็อยากจะเก็บความทรงจำช่วงวัยรุ่นไว้ค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องหาที่พัก หาสายรถ การสมัครสอบ แล้วก็เรื่องรับน้องคณะด้วย พอได้ยินพี่ ๆ เขาพูดว่าที่นี่มีระบบพี่น้องบัดดี้ หนูก็ยิ่งอยากร่วมกิจกรรมเลยค่ะ ตอนที่จับฉลากได้หนูตื่นเต้นมาก เดินตามหาพี่ตามคำใบ้ไปทั่ว แต่มันกดดันตรงที่พี่ ๆ เขาบอกว่าถ้าหาไม่เจอจะโดนทำความสะอาดโรงยิม ตอนหนูเดินผ่านโรงยิมที่นี่ หนูงี้ถึงกับต้องรีบทีเดียว เพราะโรงยิมมันใหญ่มาก คิดว่าจะต้องหาพี่ให้เจอให้ได้...แล้วหนูก็เจอพี่จนได้” ฉันพูดไปเรื่อยเปื่อยและยืดยาว ทว่าพี่เขากลับนั่งฟังฉันโดยไม่พูดอะไร นั่นทำให้ฉันได้แต่หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างอาย ๆ พี่เขาคงจะคิดว่าฉันเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ ที่ตื่นมาแล้วก็เอาแต่พร่ำอะไรเรื่อยเปื่อยให้เขาฟัง
“แล้วตอนนี้เธอเป็นไง ยังเพลียไหม” เขาถามมา ทำให้ฉันขยับยิ้ม
“ก็ดีขึ้นค่ะ รู้สึกสบายตัวขึ้น เอ่อ...ขอโทษนะคะที่หนูป่วย ทำให้พี่ต้องมาเฝ้าแบบนี้” ฉันตอบเขา และไม่ลืมเอ่ยขอโทษ เมื่อเห็นว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ถ้าฉันไม่ป่วยพี่เขาก็คงจะได้กลับบ้านแล้วสินะ
“ยื่นมือเธอมาสิ” เขาพูดขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกงงนิดหน่อย แต่ก็ยื่นมือไปให้เขา และเห็นว่าพี่พันไมล์ล้วงเอาเส้นด้ายสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อช็อป
“คณะเราหลังจากหาพี่บัดดี้เจอ รุ่นพี่จะผูกด้ายสายสิญจน์ที่ข้อมือรับขวัญรุ่นน้อง เธอเป็นน้องบัดดี้ของพี่ ยังไงก็อย่านอกลู่นอกทาง ตั้งใจเรียน...เก็บความทรงจำของเธอให้ดี”
พี่เขาพูดขณะผูกด้ายที่ข้อมือให้ฉัน ทำให้ฉันได้แต่ยิ้มออกมาน้อย ๆ เชื่อว่าที่ MDL จะเป็นที่ดี ๆ ที่หนึ่งที่ฉันจะบันทึกความทรงจำเอาไว้…และพี่พันไมล์ก็เป็นความทรงจำใหม่ที่ฉันจะค่อย ๆ บันทึกไปด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณพี่มากนะคะ” ฉันเอ่ยแล้วมองดูด้ายบนข้อมือ ก่อนจะคิดได้ว่าฉันก็ควรมีของที่ให้พี่เขาเหมือนกัน จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วหยิบเอาข้อมือถักออกมายื่นให้เขา
“อะไร?” พี่เขามองมันแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถามมา
“ข้อมือถักที่หนูทำเองค่ะ มันไม่ใช่ของแพงจนมีค่าราคา พี่จะไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร แต่หนูคิดว่าหนูน่าจะมีอะไรให้พี่ด้วย เส้นนี้หนูถักตั้งแต่ตอนจบม.ปลาย ยังไม่เคยใช้เลยค่ะ ถ้าพี่ไม่รังเกียจ...” ฉันบอกเขา ได้แต่เก้ ๆ กัง ๆ เมื่อพี่เขาทำท่าเหมือนจะไม่อยากได้มันสักเท่าไหร่
“ขอบใจ” ทว่าจู่ ๆ เขาก็รับมันไปแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ทำให้ฉันค่อยโล่งอกหน่อย
“พี่...พูดน้อยจังเนอะ หรือหนูพูดเยอะไปก็ไม่รู้ แต่ถ้าพี่รำคาญหนูจะพูดให้น้อยลงเองค่ะ ที่ทำอยู่เพราะหนูอยากชวนคุยในฐานะที่เราเป็นพี่น้องบัดดี้กัน ถ้าไม่ลองพูดตอนนี้ ต่อไปหนูก็คงจะทำตัวไม่ถูก” ฉันบอกเขา และเห็นว่าเขาเอาแต่นั่งฟังอย่างเดียวเลย แบบนี้ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือว่าเขาไม่อยากเป็นพี่น้องบัดดี้กับฉันเหรอ
“เป็นยังไงบ้างนักศึกษา ดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้นหมอจะเอาน้ำเกลือออกให้ เธอจะได้กลับบ้าน” ขณะนั้นคุณหมอก็เข้ามาเสียก่อน
“ดีขึ้นแล้วค่ะ หนูก็อยากกลับแล้วค่ะ” ฉันบอกไปแบบนั้น และเห็นว่าพี่พันไมล์ลุกออกจากห้องไปทันที ฉันจึงปล่อยให้คุณหมอถอดสายน้ำเกลือให้ ก่อนจะรับยาสองสามตัวที่คุณหมอจัดให้กลับมากินที่หอด้วย
ฉันเดินออกมาจากห้องพยาบาลก็เจอกับพี่พันไมล์ที่ยืนอยู่หน้าตึก พอเห็นฉันเขาก็โยกหัวครั้งหนึ่งเหมือนกับเรียกให้ฉันไปหา
“พี่ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“บ้านเธออยู่ไหน พี่ไปส่ง” เขาว่ามา ทำให้รู้สึกเกรงใจไม่น้อย นี่มันเย็นแล้วด้วยจะรบกวนเขาดีไหมนะ
“หนูไม่รบกวนพี่ดีกว่า พี่อยู่เฝ้าจนเย็นขนาดนี้มันก็ช้าพอแล้ว” ฉันบอกเขา ทำให้พี่พันไมล์คว้าถุงยาในมือฉันไป
“ไปเถอะ มันคงไม่ไกลจนต้องขับรถข้ามคืนมั้ง” เขาว่า ทำให้ฉันได้แต่สาวเท้าตามก้าวยาว ๆ ของเขาไป
“นี่...รถพี่เหรอ” เมื่อมาถึงที่ลานจอด ฉันก็พบว่ารถของเขามันดูหรูมากเลย นี่มันรถสปอร์ตไม่ใช่รึไง แปลว่าบ้านเขาคงรวยมากสินะ แต่จะว่าไปเมื่อเช้าตอนเดินผ่านลานจอด ฉันก็เห็นว่ารถของนักศึกษาที่นี่มีแต่รถราคาแพงทั้งนั้นเลยนี่นา สมแล้วที่เป็นมหา’ ลัยเอกชนอันดับหนึ่งของเขต
“ขึ้นมา” เขาส่งเสียง ทำให้ฉันเข้ามานั่งในรถ ความหรูหราที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ฉันได้แต่นั่งตัวเกร็งไปหมด ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยอย่างสงสัย
“อ๊ะ! พี่จะทำอะไร” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ พี่พันไมล์ก็โน้มตัวมาคร่อมร่างฉัน เขาดึงบางอย่างข้างเบาะออกมาแล้วยกมันให้ฉันดู อ่อ...เข็มขัดนิรภัย
“ถึงพี่จะขับรถไม่เคยพลาด แต่เธอก็ต้องคาดมันไว้” เขาพึมพำแล้วจัดการคาดเข็มขัดให้ฉัน ระยะห่างของเราตอนนี้มันแค่คืบเท่านั้น ใช่...มันใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ มาจากตัวเขาเลยล่ะ กลิ่นหอมแบบนี้ทำให้รู้สึกสบายจัง
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพึมพำบอกเขา เมื่อเขาขยับตัวกลับไป
“ตกลงบ้านเธออยู่ไหน”
“หนูอยู่หอพักรวม MDL ค่ะ ไม่ไกลเท่าไหร่” ฉันตอบ ทำให้เขาสตาร์ทรถแล้วตบเกียร์ออกรถทันที
ระหว่างทางที่พี่พันไมล์ขับรถฉันก็ไม่กล้าชวนเขาคุยอะไรอีก เพราะช่วงนี้จราจรบนท้องถนนค่อนข้างติดขัด กลัวพี่เขาจะไม่มีสมาธิในการขับเลยคิดว่านั่งเงียบ ๆ น่าจะดีกว่า กระทั่งรถของเขาเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดของหอพัก ฉันจึงจัดการปลดเข็มขัดและคว้าถุงยามาถือไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูลงอย่างระวัง เพราะกลัวว่าจะไปทำรถของเขาเสียหายเข้า แต่แทนที่พี่เขาจะกลับไป เขากลับลงมาจากรถแล้วกดล็อคประตูเดินอ้อมมาหาฉันนี่สิ
“พี่จะไปไหนเหรอคะ” ฉันเงยหน้าถามคนที่เป็นเจ้าของความสูงชะลูดราวเสาไฟฟ้าอย่างสงสัย
“ไปส่งเธอ” เขาพึมพำสั้น ๆ
“ที่นี่ไงคะ ถึงหอหนูแล้ว หนูอยู่ชั้นห้าเองค่ะ” ฉันบอกเขา
“ไปส่งเธอที่ห้อง เผื่อเดินแล้วเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาใครจะรู้” เขาว่า ทำให้ฉันได้แต่พูดไม่ออก ความคิดเขามันเดายากจังแฮะ
[จบบันทึกพิเศษ : ซิน]
1 เม้นท์ = 1 กำลังใจในการปั่นนิยายนะฮะ