หลอกล่อ

1147 คำ
เสียงเปิดประตูห้องทำเอาคนขวัญอ่อนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หันไปมองร่างสูงที่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาคมกริบมองใบหน้าซีดเซียวรวมถึงเสื้อผ้าที่คนตรงหน้าสวมใส่ สองเท้าก้าวเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งเงียบมองมาทางเขาอยู่ “ไข้ลดแล้วเหรอ” เขายื่นฝ่ามือออกมาหมายจะแตะหน้าผากเธอ แต่กลับถูกมือเล็กปัดออกอย่างไม่สนใจไยดี ไมค์อมยิ้มขำเมื่อเห็นคนตรงหน้ามีแรงพอจะแผลงฤทธิ์อีกครั้ง “ฉันอยากกลับบ้าน นายเก็บกระเป๋าสะพายของฉันไปหรือเปล่า” “กระเป๋า? ” คิ้มเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม “กระเป๋าสะพายหนังสีดำ” เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หูหนวก แค่แสร้งถามออกมาเท่านั้นเอง นรินกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ขณะร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ มองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมลงมาถึงกลางอกเผยให้เห็นแผลงอกกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น กางเกงยีนสีดำเข้ารูป แล้วยังกลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูกเธอ ยิ่งได้กลิ่นนานเข้าก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกมอมเมาด้วยกลิ่นหอมล้ำลึกนั้น นอกจากใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งแล้วแต่ก็คงเป็นดวงตาคมเข้มสีเทาอมเขียวที่ทำให้นรินเผลอใจเต้นโดยไม่รู้ตัว พอสังเกตดีๆ ก็เห็นรอยแผลตรงหางคิ้วและมุมปากที่ยังสดใหม่อยู่ “จ้องอะไร? ตะลึงในความหล่อของฉันหรือไง” มุมปากหนาหยักยิ้มขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นคนตรงหน้าจ้องมองไม่ละสายตา “หลงตัวเองชะมัด” ริมฝีปากเล็กบ่นอุบอิบ นรินก้มหน้าลงมองฝ่ามือเพื่อหลบสายตาเขา ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด รู้สึกเหมือนจะตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว “กระเป๋าเธออยู่ในตู้ตรงนั้น จะเปิดมันตรงใช้กุญแจ เธอยังกลับไม่ได้ถ้าฉันไม่อนุญาต” สายตาคมกริบมองอีกฝ่ายเขม็ง “ทำไมต้องรอให้นายอนุญาตด้วย ฉันจะกลับ!!” นรินปรายตาร่างสูงด้วยความไม่พอใจ “นริน นักศึกษาปีสองมหาลัยXXX” “นี่นายแอบดูของในกระเป๋าฉันเหรอ นิสัยไม่ดีแล้วยังไร้มารยาทอีก” “ไม่ได้แอบดู แค่หยิบมันออกมาดูเฉยๆ ” “ฉันชื่อไมค์” “…” “ไม่เห็นอยากรู้จักเลยสักนิด” ริมฝีปากเล็กพึมพำเบาๆ ลุกขึ้นเดินตรงไปยังโต๊ะตรงมุมห้อง ลิ้นชักถูกล็อกไว้ มองหาจนทั่วก็ไม่เจอกุญแจสักดอกเดียวถึงหันกลับมาถามคนด้านหลัง “กุญแจ” ไมค์ล้วงหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงโยนให้อีกฝ่ายรับไว้ พอได้กุญแจนรินก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ รีบกุลีกุจอเปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าสะพายออกมาถือไว้ เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เท้าเล็กที่กำลังก้าวออกไปชะงักอยู่กับที่ “จะไปไหน” “ก็กลับไง เอ่อ นายสบายใจได้เรื่องเมื่อคืนฉันจะไม่เอาไปบอกใครทั้งนั้น มือถือของฉันนายก็ทำมันพังไปแล้วนี่ ก็ถือว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน ส่วนเรื่องอื่นก็ช่างมันเถอะ ฉันลืมไปหมดแล้ว นายก็ไม่ต้องสนใจหรอก” อะไรที่เสียไปแล้วก็เสียไป ตอนนี้แค่อยากกลับไปใช้ชีวิตปกติของตัวเองเหมือนเดิมและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายตรงหน้าอีกก็เป็นพอ “หึ ลืมได้ง่ายดายขนาดนั้นจริงเหรอ” ไมค์เหยียดยิ้มหยันออกมา ไม่อยากเชื่อหูว่าจะได้ยินคำพูดไม่ยี่หระใดใดของคนที่เพิ่งเสียครั้งแรกให้เขาไป จบเรื่องง่ายๆ แบบนี้เขาก็น่าจะพอใจ แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เรื่องแย่ๆ ที่ไม่อยากจดจำใครจะไม่อยากลืมกัน” ริมฝีปากเล็กพูดสวนออกมาทันควัน นรินจ้องตาตอบร่างสูงอย่างไม่สะทกสะท้านไร้ซึ่งอาการหวาดกลัวใดใด ใบหน้าหล่อเรียบตึงขึ้นมาทันที รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายท้าทายอยู่กลายๆ นรินที่คาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ออกว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่ก็ทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม มองสบตาคนที่นั่งไขว่ห้างทำตัวสบายๆ บนโซฟาตัวยาว รอยยิ้มร้ายๆ นั่นทำเอาขนอ่อนบนตัวเธอลุกเกรียว ไม่เข้าใจว่ากำลังรีรออะไรอยู่ รอให้เขาอนุญาตงั้นเหรอ? “นริน” “มานี่สิ” ฝ่ามือหนาตบบนเบาะข้างกายเบาๆ เธอไม่ได้สนใจท่าทางเหมือนหมาหยอกไก่แบบนั้น พอก้าวเท้าออกไปแค่ครึ่งก้าวก็ได้ยินเสียงของหนักๆ กระแทกกับโต๊ะเสียงดังลั่น “ฉันอนุญาตให้ออกไป? อย่าดื้อได้ไหม คิดว่าเพ้นท์เฮ้าส์นี่เข้าออกง่ายขนาดนั้นเลย ถึงออกไปได้…คิดว่าฉันจะหาตัวเธอไม่เจอหรือไง นริน” “ทำแบบนี้ไปทำไม จบเรื่องง่ายๆ แบบนี้นายก็น่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ” นรินหันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจเลยสักนิด “ฉันบอกว่าโอเคเหรอ พูดเองเออเองทั้งนั้น” “ต้องการอะไรกันแน่” “มานี่สิ” ริมฝีปากหนาพูดย้ำคำเดิม ไม่คิดว่าเรื่องมันจะยุ่งยากถึงเพียงนี้ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอกันแน่ สัญชาตญาณร้องเตือนว่าผู้ชายคนนี้เป็นตัวอันตราย เธอทำงานในผับในบาร์มานานเคยพบเจอคนหลากหลายประเภท ย่อมรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนประเภทที่ไม่ควรไปต่อกรหรือมีเรื่องด้วยถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างปกติสุข “…” สองเท้าก้าวเข้าไปหาอย่างระมัดระวังก่อนหย่อนตัวลงนั่งตามที่อีกฝ่ายต้องการ “เด็กดี” นรินไม่ชอบใจเลยสักนิดกับคำพูดหยอกเย้าแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจออกมา เธออยากออกไปจากห้องนี้เร็วๆ ถ้าลองพูดดีๆ ด้วยบางทีเขาอาจปล่อยเธอไปก็ได้ ไม่ใช่ไม่โกรธหรือให้อภัยให้คนสารเลวตรงหน้า แต่คิดว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเธอยังไม่หลุดพ้นออกจากที่นี่เสียที ดวงตาคมเป็นประกายวาววับราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องมองดูเหยื่อของมัน นรินรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกเขามองไม่ละสายตา ฝ่ามือหนาเลื่อนมาสัมผัสหน้าผาก ลูบไล้พวงแก้มเรื่อยลงมาถึงลำคอระหงก่อนวนกลับไปหยุดตรงริมฝีปากเล็กสีแดงสด ปลายนิ้วสากบดคลึงริมฝีปากบนล่างหนักเบาสลับกันไปมา สัมผัสนั้นสร้างความรู้สึกปั่นป่วนใจให้กับนรินอย่างบอกไม่ถูก เธอขยับตัวออกห่างอัตโนมัติ เงยหน้าขึ้นสบตาตอบเขาอย่างงุนงงไม่เข้าใจ “ไข้ลดแล้วแต่ตัวเธอก็ยังร้อนอยู่นะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม