“ขอบคุณนะคะหมอหมา นิ่มขอตัวก่อนนะคะ นิ่มไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ จัดการได้”
จริงๆ เธอมืดแปดด้าน เพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายเพิ่งโอนให้พ่อแม่ไป ตอนนี้มีติดตัวสองร้อยบาทและติดบัญชีแปดร้อยบาทเอง ตอนนี้ได้แต่เฝ้าหวังให้สิ้นเดือนไวๆ แต่ยังเหลืออีกตั้งสิบวันถึงจะเงินเดือนออก
ต่างคนต่างเดินแยกกันไปคนละทาง เพราะรถจอดคนละโชน นวิยาเดินมาถึงรถพอเสียบกุญแจรถ สตาร์ทรถเท่าไหร่ก็สตาร์ทไม่ติด จนต้องถอดกุญแจออกเพื่อจะไปนั่งรถเมล์ที่หน้าโรงพยาบาลกลับเหมือนทุกครั้งเวลารถมอเตอร์ไซค์เกเรกับตนเอง และก็เป็นแบบนี้ประจำ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกพ้นชั้นใต้ดินลานจอดรถ รถยนต์คันหรูที่ขับผ่านไปก็จอดแล้วเจ้าของรถก็เปิดประตูรถลงมาจากรถ
“หมอหมา” เธอเรียกคนที่ลงจากรถเดินมาหาตัวเอง
“ทำไมยังไม่กลับอีกครับนิ่ม”
“กำลังจะกลับค่ะ พอดีรถนิ่มเสียเลยว่าจะเดินไปขึ้นรถเมล์หน้าโรงพยาบาลค่ะ”
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวหมอไปส่งเอง” เขาเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมชี้มือให้พยาบาลสาวที่สะพายกระเป๋าผ้าไปขึ้นรถตนเอง
“ไม่เป็นไรค่ะหมอหมา นิ่มกลับเองได้ นั่งรถเมล์แค่ป้ายเดียวเองค่ะ”
“พักอยู่ไหนล่ะ ถ้าทางเดียวกันก็กลับกับหมอ” เขาบอกหญิงสาว
“พักที่คอนโด...ค่ะ”
“ทางผ่านหมอกลับบ้านพอดี งั้นไปกลับด้วยกันไม่เสียเวลาหรอก อีกอย่างประหยัดค่ารถเมล์ด้วย หมอไม่คิดค่าน้ำมันหรอกน่า”
“แต่...” เธอยังพูดไม่จบ เสียงทุ้มก็ดังแทรกขึ้น
“ไปเถอะครับ เราใช่คนอื่นที่ไหน เราก็คนทำงานด้วยกันทั้งนั้น”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะหมอหมา”
“ยินดีครับ ไปกันเถอะ” แล้วเขาก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับไปยังรถที่จอดอยู่
นวิยาเดินตามไปเปิดประตูข้างคนขับขึ้นไปนั่งรัดเข็มขัดนิรภัย
“รบกวนหมอหมาด้วยนะคะ”
“ครับ” แล้วทัชชกรก็รัดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับเคลื่อนรถออกไป
บรรยากาศบนรถขณะนั่งออกมาเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอและเสียงเครื่องปรับอากาศในรถทำงาน แต่แล้วเสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ของผู้โดยสารร่วมทางก็สั่นดังขึ้นทำให้เขาหันมามองเจ้าของเครื่องที่กำลังค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าผ้าที่สั่นเตือนดังออกมารับแล้วหันไปมองถนนที่รถติดกันเป็นพรวน
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
นวิยาเห็นว่าเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ของที่บ้านก็รีบกดรับสายทันที
“คะแม่?”
‘นิ่ม พวกเจ้าหนี้มันไม่ยอม มันจะยึดบ้านเราวันนี้ แม่กับพ่อถูกพวกมันโยนออกมาจากบ้านแล้วลูก’ เอื้องบอกลูกสาว
น้ำเสียงร้อนใจของแม่ทำให้เธอน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้งและเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกจากริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่ออีกครั้งจากที่หยุดมันได้แล้วก่อนหน้านี้
“อึก! แม่เอื้องกับพ่อแดงเป็นอะไรไหมคะ พวกเขาทำร้ายพ่อกับแม่ไหมคะ” เธอส่งเสียงสั่นเครือไปในสาย
‘พ่อหัวแตก พวกมันเอาไม้ฟาดทุบหัวพ่อลูก ลูกพอจะหาหยิบยืมมาได้ไหมลูก มาให้พวกมันก่อนสักหมื่น’ เอื้องบอกลูกสาว
“หนูไม่มีแล้วแม่ ตอนนี้มีติดตัวสองร้อยและในบัญชีแปดร้อย และไม่รู้จะอยู่ถึงสิ้นเดือนวันเงินเดือนออกไหมค่ะแม่ บอกเจ้าหนี้ให้รอเงินเดือนออกได้ไหมคะแม่เอื้อง”
‘แม่บอกพวกมันแล้วลูก พวกมันไม่ฟังแม่กับพ่อเลยลูก’
“อึก! แล้วหนูจะทำยังไงแม่ หนูก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมเพื่อนคนไหน เพราะหนูก็ยืมเพื่อนมาเยอะแล้ว อึก! ฮือ” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ
คนที่เงียบตั้งใจขับรถ แต่หูของเขาฟังเธอตลอดและพยายามจับใจความสำคัญ พอรู้แล้วว่าปัญหาอะไรก็เลยเอ่ยแทรกขึ้น
“หมอช่วยนะนิ่ม เป็นหนี้เท่าไหร่เอาที่หมอไปก่อนได้”
นวิยาหันมามองคนที่ขับรถ เขาพูดโดยไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ
“แม่คะ แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวนิ่มโทรไป แม่เอื้องกับพ่อแดงไปอยู่บ้านน้าพิมพ์ก่อนนะคะ เดี๋ยวพวกเจ้าหนี้ทำร้ายเอาค่ะ อึก! ฮือ”
‘ได้ลูก แม่กับพ่อขอโทษนะลูกที่สร้างปัญหาให้ลูก’
“ทำไมแม่พูดแบบนั้นคะ เงินที่เป็นหนี้ก็เป็นเพราะนิ่มอยากเรียนต่อ แม่กับพ่อไม่ต้องคิดมากนะคะ” เธอบอกท่านแล้วกดวางสาย
“หมอหมาจะให้นิ่มยืมเงินเหรอคะ แต่นิ่มไม่มีดอกเบี้ยให้นะคะ” เธอรีบเช็ดน้ำตาทิ้งแล้วกลืนก้อนสะอื้นไว้ในอก
“นิ่มมีดอกเบี้ยให้ฉันอยู่แล้ว” เขารู้ว่าไม่ควรเอาเปรียบและฉวยโอกาสคนกำลังเดือดร้อน แต่ทำยังไงได้เขาก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว เขาเสียเงิน เธอก็ต้องมีสิ่งตอบแทนสิ อีกอย่างสองปีเขาเฝ้าจินตนาการมาตลอดว่าจะได้ลูบไล้ผิวขาวที่ซ่อนในชุดพยาบาลของนวิยา และวันนี้โอกาสมาถึงแล้ว มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไป
“ที่นิ่มเหรอคะ”
“ใช่ เธอมีดอกเบี้ยจ่ายฉันแน่นอน ว่าแต่เป็นหนี้เท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้หมดทั้งต้นทั้งดอก แล้วนิ่มค่อยมาผ่อนกับฉัน ฉันไม่ได้ใจโฉดแบบพวกนั้นหรอกนะ แต่ไม่รู้นิ่มจะตกลงไหม เพราะดอกเบี้ยฉันมันค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนใคร”
คำพูดของนายแพทย์หนุ่มทำให้นวิยาขมวดคิ้ว เขาพูดเหมือนมีอะไรแฝงอยู่ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
“ดอกเบี้ยพิเศษไม่เหมือนใคร คืออะไรคะ นิ่มไม่เข้าใจค่ะ” เธอถามอย่างใสซื่อ อายุยี่สิบห้าปีก็จริง แต่ไม่เคยมีแฟน มีความรัก เพราะชีวิตนี้มีแต่เรียน ทำงานใช้หนี้เท่านั้น จึงไม่เคยคิดเรื่องความรัก