ชิดชลัยก็ต้องสลัดความคิดออก ทั้งอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แต่จะยอมรับคำของเธอหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายแข็งพอควรและรู้ดีแล้ว เมื่อชิดชลัยมาถึง ดวงตาของธวินดาจ้องมองมา
ชิดชลัยก็รู้สึกไม่ค่อยดี
“ช่อรู้แล้วค่ะ และเข้าใจแล้ว ก็อย่างที่พูดกัน คุณวินดี้ไม่น่าลำบากเรียกตัวช่อมาหรอกค่ะ เพราะยังไงช่อก็จัดการอยู่แล้ว”
ชิดชลัยขึ้นเสียง และแรงพลังของหล่อนนั้น ธวินดารู้สึกคอแข็งในการท้าทาย กล้าปะทะฝีปากกับหล่อน ผู้หญิงเปื้อนคาวอย่างชิดชลัย ซ้ำหล่อนมองถือเอาว่า ผู้หญิงราคาต่ำ ดูเหมือนชิดชลัยจะตีฝีปากกล้าขึ้นมา
“ทำให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วฉันเห็นผลงาน ถึงจะจ่าย”
“ตามที่คุยกันนั่นแหละ จ่ายครึ่งที่เหลือก็ค่อยรับตอนเสร็จ”
ท่าทีไม่สะทกสะท้าน และแรงอยู่ในตัวชิดชลัย วินดี้คงเล่นจนชินบทบาทและ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ คิดเอาเปรียบหล่อน แต่ไม่มีทาง
ฝ่ายธวินดาที่พยายามหาเรื่อง แต่ไว้โอกาสหน้าเถอะ ตอนนี้มองไม่เห็นทาง แต่จะต้องเฉดหัวผู้หญิงคนนี้แน่ ที่กล้าอวดดีกำแหงใส่หล่อน
“แค่นี้ใช่มั๊ยคะ ธุระสำคัญ งั้นช่อขอตัวก่อน”
ชิดชลัยขอตัวทันที ก้าวไปด้วยมาดมั่น ตรงไปที่รถของหล่อน ขับออกไปทันที ท่ามกลางสายตาที่มองไปตามหลังด้วยสายตาแค้นเคือง
“กล้าลองดีกับฉันก็จะได้เห็นได้ร้ายกัน นังดอกงิ้ว”
หล่อนพูดพร้อมกับริมฝีปากเบะออก
“เหนื่อย”
หลังจากขับรถกลับ มาจากบ้านธวินดาด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทั้งหล่อนรู้ดีแล้ว เหมือนธวินดาตั้งใจหาเรื่องและแกล้ง
เสียงตอบของเขา คนที่หล่อนบ่นใส่
“เมื่อย” ชิดชลัยต่อ
มีคำตามมา
“มากไหม ผมช่วยอะไรได้บ้าง”
น้ำเสียงนุ่มของเขานั้นดุจน้ำทิพย์ชโลมใจ ทำให้หล่อนยิ้ม เพิ่งจะเครียด หายเครียดเพราะเขา
“ฉันว่างไงคะ ถึงโทร.มาคุยได้”
“ปกติคุณไม่ว่างอยู่แล้วนี่”
เห็นเขาตอบหล่อนก็รู้สึกว่า เขาน้อยใจอยู่บ้าง
“นั่นน้อยใจอยู่หรือคะ หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย” หล่อนสัพยอกเขา
“อารมณ์ดีจัง”
“แหย่ใส่คุณเนี่ยนะ ว่าชลัยอารมณ์ดี”
“ถามหน่อยไปไหนมา เหมือนไปอาละวาดกับใคร”
“มีค่ะ แต่ฉันโดนอาละวาดใส่มากกว่า”
ชิดชลัยตอบกลับ
เขานั้นพูดให้หล่อนได้ยิน
“เป็นห่วงนะ”
อยากฟังเขามากกว่า มีน้ำเสียงหวานๆ พรมรดหัวใจและใกล้หู
“อยากเห็นหน้า ห่วงมาก เป็นใยด้วย แต่มากกว่าเป็นใยได้ไหม”
“ได้ค่ะ คุณภูอนล”
หล่อนตอบออกไปแบบไม่อิดออด
“ทีนี้จะขออะไรอีก”
“ก็ขอแต่งงาน” เขาเอ่ย คำนี้ไม่เคยกลัว ขอแล้วขอเล่า แต่หล่อนยัง ไม่ให้คำตอบเสียที
“ขออีกแล้ว”
“ก็อยากได้คำตอบ”
“เอาเป็นว่า ตกลงไปแล้วไงคะ ให้มัดจำไว้ด้วย”
“มัดจำแค่จูบ แค่กอดเหรอ มากกว่านั้นได้ไหม”
เขาถามเสียงออกหวานอย่างนั้น เธอสิหวาม หวามใจไปหมดกับคำของเขา
นี่ภูอนลกล้าขอจริงๆ หรือ แล้วหล่อนจะกล้าให้มั๊ย มีคนขอ
“บ้า ขออะไรแบบนี้”
“ไม่บ้าหรอกน่า คนรักกัน ก็พอกล้อมแกล้มเป็นน้ำจิ้มเท่านั้น เติมความหวานให้กับชีวิตในอนาคต”
เขาถามแบบนี้เหมือนปักใจหล่อนนักหนา หล่อนเชื่อแล้ว
“ขอบคุณนะคะสำหรับเสียงหยอด เสียงปลอบ ถึงบ้านแล้วค่ะ”
“เหรอ จ๊ะ งั้นเข้าไปพักผ่อนได้แล้ว”
“คุณก็เหมือนกัน อย่านอนดึกมากนะคะ”
“จ๊ะ ที่รัก” เขาโปรยคำหวานผ่านลมให้หล่อน มันซ่านไปถึงใจคนฟังอย่างชิดชลัยเชียวล่ะ
นังดอกงิ้วหรืออีงิ้ว คำนี้ก็ผ่านโสตประสาทไปหลายครั้ง ยอมรับว่าเจ็บปวด แต่ในความจริงมันเลวร้ายกว่า ชิดชลัยหัวเราะเยาะตัวเอง ทั้งโลกใบนี้ ความเท่าทียมที่ไม่มี ต้องดิ้นรนหา
การเติบโตในสังคม การมีชีวิตในโลกใบนี้แสนทรมาน การเสียชีวิตของพี่สาว ตราบจนบัดนี้ ยังไม่สามารถลากคอเอาคนชั่วเข้าคุกตะรางได้ เอ ประเทศนี้คุกเอาไว้สำหรับขังหมามากกว่าคนชั่ว เพราะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลตั้งหลายปี คดีไม่คืบหน้าเอาเสียเลย
นางกลางงิ้ว” ผู้หญิงที่เล่นเกมใกล้ต้นงิ้วโชว์ชาวบ้าน แต่ไม่ใช่ปีนต้นงิ้ว จุดประสงค์ของผู้ว่าจ้าง หล่อนไม่เคยเปลืองตัว รับงานนั้นแค่ เอามือแตะแขน คล้องแขน ซึ่งตอนนี้ชักเบื่อแล้ว อาจถึงจุดอิ่มตัว มองเห็นบาปที่สร้าง
งานที่หล่อนทำยั่วยุให้คนอื่นแตกแยก ไม่ดีเลย หล่อนกำลังหาทางเลิก ให้คนอื่นมาแทน
แต่ไม่ง่าย ดูเหมือนกนกรัตน์จะไม่ยอมให้หล่อนลงง่าย เพราะหล่อนปั้นทรัพย์ให้ผู้หญิงคนนี้เยอะแล้ว ชิดชลัยกำลังขออิสระ ที่หล่อนยากทำบ้าง อาจจะอยู่เฉย เพระเงินหล่อนมีแล้ว
หากใคจะชวนไปทำงานอย่างอื่นก็น่าสน เพราะหล่อนอยากหนีตัวตนเดิม นางกลางงิ้ว” มาเป็นผู้หญิงลุคใหม่ ใครสนใจอ้าแขนรับหล่อน แต่ขอทำงานนางกลางงิ้ว” ทิ้งทายไว้ก่อน อาจจะเป็นการทิ้งทวนชีวิตแบบนี้
กนกรัตน์เรียกหล่อนไปพบ
"จะรับงานใหม่อีกมั๊ย ของคุณผ่องสุดา"
"แบบไหนคะ"
"เขาต้องการให้เธอไปยั่วแฟนเขา เพราะเขาต้องการออกห่าง เขาไม่เอาผู้หญิงคนนี้ เหมือนเธอต้องเป็นกิ๊กเขาด้วย"
อ้อจะให้หล่อนรับบทแบบเลสเบี้ยนว่างั้นเถอะ
"คุณผ่องสุดากับใครคะ"
"นีรนุชแฟนเขา"
"เพราะ"
"ไม่รู้เหตุผลมาก รู้แต่ว่า เขาจะเลิกจากกัน และไม่เอาผู้หญิงคนนี้ แล้วฉันรับเงินเขามาแล้ว จะจ่ายให้เธอ คิดว่าเธอควรจะรับนะ"
ออกแนวบังคับ ชิดชลัยไม่ทำงานที่ฝืนความรู้สึกของตัวเอง ถ้ามันเกินรับ
"เดี๋ยวสิคะ ขอพิจารณาก่อนค่ะ ว่าเคสนี้ ชลัยควรรับหรือไม่รับดี"
หล่อนเล่นเหลี่ยมกลับ แววตาสู้อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ รู้สึกว่ากำลังจะถูกเอาเปรียบอีก
พักหลังคุณกนกรัตน์หรือพี่นก เริ่มเอาเปรียบจนหล่อนต้องโต้และเถียงกลับไปบ้าง ไม่งั้นหล่อนจะไม่รับงาน
กนกรัตน์รู้เหมือนกันเริ่มคอแข็ง และเสียงแข็งกระด้างตาม
"ฉันต้องการได้คำตอบเร็วๆ เพราะรับเงินเขามาแล้ว ควรตัดสินใจนะ ไม่งั้นก็ให้คนอื่นทำ"
ดูเหมือนกนกรัตน์ขู่หล่อน
“ให้คนอื่นทำเถอะค่ะ คงจะดี งั้นช่อขอตัวนะคะ”
หล่อนจากไปทันที ไม่อยากเสวนากับกนกรัตน์ต่อ รู้ว่ากนกรัตน์เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิมที่เคยรู้จัก ความเป็นพี่น้อง สนิทสนมกันคงหมดสิ้นไปด้วย
มาเจอเขา เพราะคิดถึง นัดมาเจอด้วย อยากให้เขายิ้มมากกว่า เวลายิ้มเขาดูสดใส มีเสน่ห์มากกว่า ที่ภูอนลต้องคร่ำเคร่งกับงาน
"คุณยังเครียดเหมือนเดิมค่ะอนล"
เมื่อนัดกันมาข้างนอก ทานอาหารที่เป็นส่วนตัวในร้านอาหารหรู ที่ไม่บ่อยครั้ง
ส่วนมากจะเลือกร้านอาหารแบบบ้านสวนธรรมดา เรียบ แต่คราวนี้ เป็นเพราะหล่อนต้องการเปลี่ยนรสชาติด้วย เขาเงยหน้าขึ้นตอบ
"งานเครียดทุกวันอยู่แล้ว คุณล่ะ ดูจะเครียดกว่าผมเสียอีก"
หล่อนยอมรับ เมื่อจ้องตาของเขา ก่อนตอบ
"คุณรู้จักชลัย ดีพอไม่ใช่หรือคะ"
"รู้สิ ถึงรู้แต่ บางที คุณอ่านยาก ผมเดาไม่ถูก จนคิดว่า ผมอาจไม่เคยรูจักคุณเลย”
ที่เขาพูดแบบนี้หล่อนตกใจ
“ภูอนล”