ตอนที่ 8

1582 คำ
"จ้ะ ช่อ" กนกรัตน์มักให้ชิดชลัยหรือช่องิ้ว เรียกแทนตัวเองว่าช่อ เพราะมาจากช่องิ้ว ที่หล่อนเป็นคนตั้งให้ เพื่อให้ชิดชลัยก้าวเดินบนถนนสายนี้นี่เอง ชิดชลัยปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อกังขาและนานเนิ่นไปความเคอะเขินจึงไม่มี เมื่อหล่อนกลายเป็นมืออาชีพที่รับทำงานประเภทนี้ "ขอให้เดินทางปลอดภัยนะจ้ะ" ร่ำลากนกรัตน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หล่อนกับมารดาก็เดินทางต่อไป สักพักสายโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ปรากฏว่าเป็น ด.ร.กริช "พี่กริช มีธุระกับช่อเวลานี้หรือคะ" "นั่นช่ออยู่ที่ไหน" บนท้องถนนที่ยวดยานการจราจรในวันนี้ไม่ถือว่าโล่งสะดวกสักเท่าใด เพราะยังมีติดขัดเป็นช่วง บนเส้นทางกลางกรุง ที่มีธุรกิจครบวงจร เพราะนี่คือกรุงเทพ ที่ฉายกริชอยู่มาจนเคยชิน "คือ ช่อจะเดินทางกลับต่างจังหวัดค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกพี่กริช" เมื่อด.ร. ทราบเรื่องเขาเพียงแต่พยักหน้าเข้าใจถามออกไป "มีอะไรเหรอ แล้วทำไมต้องเดินทางไปที่นั่น" " คุณอาป่วยหนักค่ะ แม่กับช่อก็เลยต้องรีบไปดูอาการ" ตอบเขาไปแล้วชิดชลัยรู้สึกสบายใจบ้าง เพราะอย่างน้อยเธอก็ต้องตอบคำถามเขาอยู่ดี ในฐานะที่พี่ชายคนหนึ่ง เฝ้าห่วงใยน้องสาวอย่างหล่อน จากนั้นเขาก็วางสาย ทำให้ชิดชลัยขับรถของหล่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาขึ้นทางด่วน และกำลังอยู่แถวนอกเขตกรุงเทพ ชานเมืองย่านปทุมธานี คลองหลวง ถึงชัยภูมิเมื่อเวลาเกือบหกโมงเย็น ฝนไม่ได้ตกดังคาด หญิงสาวและมารดารีบรุดไปที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด เพื่อเข้ามาดูแลอาการของนายประพจน์ ซึ่งเขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของคุณ ประภาส สามีของนางเตือนอนงค์ มารดาผู้ชุบเลี้ยงดูหล่อน นายประพจน์มีอาการของน้ำตาลขึ้นสูงในภาวะของคนเป็นเบาหวาน เกิดอาการช๊อคแบบกะทันหัน ญาติเลยต้องรีบนำตัวเข้าส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที เมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการแล้วบอกว่า คนไข้สมควรที่จะนอนพักรักษาตัวต่อ จนกว่าอาการจะดีขึ้น คือน้ำตาลลดลงเป็นปกติ และมีอาการอย่างอื่นแทรกด้วย คือ โรคปอด และไต ชิดชลัยกับมารดาทราบดังนั้นจึงเบาใจ มารดาของหล่อนถอนหายใจโล่งอก ตอนที่ญาติโทร.มานั้น ใจของนางร้อนรนกระวนกระวายอย่างยิ่ง เมื่อทราบว่าประพจน์นั้นมีอาการช๊อคอย่างกะทันหันโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ในเวลานี้ทั้งชิดชลัยรู้สึกใจชื้นอย่างมาก ที่อาการของคุณอาถือว่าปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของคุณหมอตลอด เช่นเดียวกับมารดาของหล่อน ทั้งสองนั้นเลือกโรงแรมที่พักแบบรายวันชั่วคราวหนึ่งอาทิตย์ แต่เมื่อทราบอาการอย่างนี้แล้ว เกรงว่า คงจะเพียงแค่สามสี่วัน ก็จะเดินทางกลับกรุงเทพได้ ฝ่ายภูอนลที่ทราบว่า หล่อนเดินทางไปเยี่ยมญาติ คงอีกหลายวันจะกลับ ถือว่าเขาได้รับรู้ข่าวจากหล่อนเป็นคนแรก ยังจดจำน้ำเสียงท่าทางที่ถือว่าเป็นมิตรจากหล่อนได้ ในการพบเจอกันครั้งแรก เขาก็เกิดอาการสะดุดรักต่อหล่อนในทันที แต่ปรากฏว่า ก็มีมารเข้ามาแทรก ที่คอยจดจ้องตัวเขา จากคมกล้า ลูกชายของนายศักดา ปรากฏว่า คมกล้า กล้าที่จะมาเดินป้วนเปี้ยนแถวนี้ ไม่มีรอยยิ้มจากอีกฝ่าย นอกจากสีหน้าที่ตึงเขม็ง แทบอยากจะฉีกร่างเขาออกมาเป็นชิ้นเหมือนสุนัขป่ากระหายลูกแกะ "นี่ฉันขอถามหน่อย นายยังคิดสนิทสนมกับคุณช่องิ้วแบบเดิมใช่มั้ย ทั้งๆ ที่นายก็รู้ว่า ฉันสนใจผู้หญิงคนนี้ก่อน ฉันให้พ่อติดต่อเธอมาในงานอีเวนต์ของบริษัท แล้วนี่ นายรู้ข่าวอะไรเกี่ยวกับคุณช่อบ้าง" เป็นเพราะหลายวันที่ผ่านมา คมกล้าไม่สามารถติดต่อกับช่องิ้วได้ มันตั้งแต่คราวนั้นแล้ว หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ช่องิ้วก็ปฏิเสธและเขาไม่ได้พบเจอหล่อนอีกเลย อาการกระวนกระวายใจที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเขากลัวว่า ภูอนลจะเข้ามาเป็นส่วนเกิน แย่งผู้หญิงที่เขากำลังหมายปองเอาไป ใบหน้าของภูอนลยังเรียบเฉยนิ่งสงบ และไม่มีท่าทีครั่นคร้ามหรือเกรงผู้มาบุกรุกอย่างคมกล้า แม้แต่เพียงนิด แววตาและใบหน้าของเขาเพียงแค่ยกขึ้นมองผู้มาหาเรื่องนิดเดียว แล้วเบือนไปทางอื่น ทำให้ผู้บุกรุกนั้นมีอาการโกรธจัดอย่างมาก จนสีหน้าเข้มขึ้น กระนั้นผู้ที่ทรุดลงนั่งบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างภูอนลไม่ได้สนใจ เหมือนชายตรงหน้าเป็นเพียงอากาศธาตุ เพราะความโกรธทำให้คมกล้าต้องออกเสียงเข้ม อย่างลืมตัว เพราะความโกรธจัด ลืมไปอีกอย่างหนึ่งว่า ภูอนลก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกับเขาในบริษัท และภูอนลมีแม่เป็นเจ้าของกิจการ "นี่ ถ้าแกรู้ แกก็ควรบอกฉันมา ไอ้ภู" เสียงพูดบ่นด่านั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน หากว่าภูอนลไม่จัดการอะไรต่อไป มันคงคิดจะก้าวร้าวเพิ่มมากขึ้นแน่ ดังนั้นภูอนลจึงหยัดกายสูงของตนเองลุกขึ้นพรวด เพื่อประจันหน้ากับอีกฝ่ายตรงหน้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่า คมกล้ามีอาการปากกล้าขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด "ไม่ใช่ธุระของฉัน และฉันไม่ควรจะตอบด้วย แกไปซะ ไอ้คมกล้า" เสียงข่มขู่ของภูอนลได้ผล คมกล้าที่เคยกล้านักคราวนี้ต้องขยับเท้าตัวเองถอยหลังกรูด เมื่อเห็นสีหน้ากร้าวเอาจริงของชายหนุ่มผู้นี้ ที่มันและแม่ของมันเหมือนเป็นหอกทิ่มแทงใจเขากับพ่อ "คราวนี้ฉันไม่พูดเปล่านะ จะลงมือทันทีด้วย ถ้าขืนแกยังทำซ่าอยู่แถวนี้ ช่วยกลับไปในที่ของแก เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน" เสียงนั้นทั้งกร้าวพร้อมกับมือที่ชี้หน้ากราด เสียงดังแบบนี้ทรงพลังมาก จนคนในที่ทำงานอยู่ใกล้เขารับทราบถึงพลังเสียงและการเอาจริงจนทำให้อีกฝ่ายหงอลงอย่างเห็นถนัดชัดตา หลายคนแอบสมน้ำหน้าและสมเพทคมกล้า ที่เคยกร่างใส่คนอื่นมานักต่อนัก เจอเข้าอย่างนี้บ้างหน้าจ๋อยซีดเป็นไก่ต้มทันที ฝีเท้าของคมกล้ายังผงะและขยับถอยหลัง มือทั้งสองกำแน่นด้วยความแค้นและโมโห ทั้งอับอายพนักงานบริเวณนั้น ที่บางคนหัวเราะเหมือนตลกขบขันในท่าทีของเขา มันคือความแค้นที่อยู่ในใจลึก ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ภู ภูอนลไม่ได้แสดงถึงความกลัวของอีกฝ่าย เขาไม่ได้เอาแม่มาปกป้องให้ตัวเขา อีกอย่างเขาช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะทุกอย่างเขาไม่ยอมให้คุณศิริวรรณฉวีมาเดือดร้อนด้วยหรอก ถึงท่านเป็นแม่เขาก็ตาม แต่คนอย่างคมกล้าเหมือนขี้แพ้ขวนตี แต่ในเวลานี้คมกล้าก็เหมือนหมาจุกตูดขยับก้นไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ แบบพรวดพราด เขารู้พิษสงหมอนี่ดี มันจะต้องหาทางเล่นงานเขาอีกเป็นแน่ แต่เรื่องอะไร ที่ภูอนลจะมาเครียดในเรื่องนี้ เอกสารตรงหน้าที่เขาจัดการ เขาละเอียดถี่ถ้วน การทำงานของเขาไม่มีบกพร่อง ไม่มีให้ใครมาจับผิดได้ และเขาไม่เคยเอ่ยอ้างถึงใครให้ช่วยเหลือ หรือแม้แต่คุณมุทธา ที่ถือว่าเป็นพ่อของเขาคนหนึ่ง ภูอนลยึดหลัก ทำดีที่สุด ทำเต็มที่ แต่ทำไมหนอใจ เขานั้นจึงใคร่กระหายที่จะได้พบสาวเจ้าของร่างระหง ที่ชื่อ ช่องิ้ว ใครๆ ก็เรียกหล่อนชื่อนี้ และเขาก็รู้ชื่อจริงของหล่อนไปแล้ว รวมทั้งเหตุผล แม้หญิงสาวไม่ได้บอกอะไรแก่เขาอย่างมากมาย แต่เขาก็พอที่จะคิดและคาดเดาได้ เพราะอย่างไรหล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้าย แต่หล่อนก็เสียหาย เพราะถูกคนตราหน้าในทางเสื่อมเสียมันมีแน่ คุณศิริวรรณฉวีเดินผ่านมาทางนี้พอดี ร้องเรียกลูกชาย "เป็นอะไรไปหรือ ภู แม่ว่าหน้าตาเครียดออกกังวล" "ไม่มีอะไรครับ คุณแม่" "จริงนะ" ถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ คุณศิริวรรณฉวีรู้ดีว่ารอบตัวของลูกชาย มีทั้งมิตรและเป็นศัตรู โดยเฉพาะสองพ่อลูกนั่น มีหรือที่คุณวรรณจะไม่รู้ เมื่อสองคนพ่อลูกคายพิษสงออกมา แน่นอนมันร้ายกาจ คุณวรรณจึงตั้งตัวเตรียมพร้อมที่จะรับมือ "ก็ดีแล้วลูกที่ไม่มีอะไร ถ้าเครียดมาก เอ แต่ตะกี้นี้ แม่เห็นคมกล้าเดินผ่านไปทางนี้" สายตาของคุณวรรณไวเหมือนกัน นางเดินมาตรวจงาน และด้วยความเป็นห่วงลูกชาย ทำให้ภูอนลพยักหน้า "ใช่ครัับ มันมาที่นี่เหมือนจะมาหาเรื่อง แต่ถูกผมซัดกลับไป ถ้าขืนมาระรานแถวนี้ผมเอาจริง มันเลยกลัวจนหงอเดินหางจุกตูดไปเลยครับ" คุณวรรณรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น "แล้วอะไรล่ะ ที่ลูกต้องมาคิดมากปานนั้นภู" "มันเป็นเรื่องส่วนตัว ขอเก็บไว้ในใจลึกๆ ไม่บอกแม่ได้ไหม"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม