อาการหงุดหงิดที่นำพาในใจของคมกล้านั่นคือความเดือดดาลที่แทบจะทะลักออกมาจากลูกตาจนมันโปนแดง
เหมือนเขานั้นฝังความอาฆาตแค้นและเกลียดชังอย่างที่สุด ทำไมหนอผู้ชายอย่างภูอนลมักจะโชคดีเสมอ
มีโอกาสหยิบยื่นให้มาตลอด เขาไม่เคยพึงพอใจต่อคุณศิริวรรณฉวี ที่ได้ชื่อว่า เป็นภรรยาของคุณมุทธาลุงของเขา เลยพาลนึกเกลียดชังไปยังทายาทของหล่อนด้วย
ซึ่งเขากับพ่อก็ไม่ยอมรับเช่นกัน แต่ก็ทำตัวยอมรับในฐานะเท่านั้น เพื่อเสแสร้งต่อหน้าคุณมุทธา
จริงๆ และลึกๆ แล้ว เขานั้นไม่เคยคิดจะต้อนรับผู้หญิงคนนี้ เข้ามาในครอบครัวของลุง และรวมทั้งลูกชายของหล่อนด้วย
จึงไม่แปลกที่เขาจะมองเห็นภูอนลเป็นตัวมาร ขวางกั้นชีวิตของเขาไปหมด
ด้วยประการหนึ่งสรีระของผู้ชายคนนี้ดูเด่นเหนือเขาไปหมด ไม่ว่าจะบุคลิกหน้าตา ข้อที่สำคัญๆ สาวๆ มักจะเทใจชื่นชอบไปเสียหมด
มันคือความอิจฉาในส่วนลึกที่เขาเก็บกักความกระหายเอาไว้
อีกหนึ่ง มันมาหมายปองผู้หญิงคนเดียวที่เขาเล็งเป้าเอาไว้ คือ ช่องิ้ว นั่นคือสิ่งที่คมกล้าไม่ชอบอย่างมาก ที่มันมาท้าทายแสดงอำนาจเพื่อประกาศและลงสนามในการแย่งชิงกับเขาด้วย อารมณ์ของคมกล้ายิ่งฮึกไปใหญ่ นาทีนี้ใครฉุดยื้อเขาไว้ไม่ได้แล้ว หากต้องมีเรื่องกันอีกสักตั้งกับทายาทนอกไส้ของคุณลุง
แต่อารมณ์ดีของภูอนลนำพา เขามาถึงบ้านพักหลังใหญ่โตของมารดา ที่เขาไม่คิดจะเข้ามาอยู่ร่วมชายคาด้วย แม้ว่ามารดาจะขอร้องหลายครั้งก็ตาม ชายหนุ่มสะดวกที่จะอยู่คอนโดส่วนตัวดีกว่า ซึ่งเขาหาซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรง
คุณศิริวรรณฉวีดีใจเป็นอย่างมาก ที่บุตรชายสุดที่รักมาหาถึงที่บ้าน หลังจากที่เลิกงาน ทำให้ภูอนลได้พบเจอกับคุณมุทธาท่านประธานของบริษัทด้วยเช่นกัน
คุณมุทธาเองก็เมตตาเขาเป็นเหมือนบุตรอีกคนหนึ่ง ที่รักใคร่ ไม่แพ้ ลูกชายคนเดียว ที่เกิดจากภรรยาเก่า
"มาสิลูก วันนี้วันดีจัง แม่จะทำอาหารให้สุดฝีมือ ทานข้าวกัน"
ภูอนลระบายด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ กับมารดา ซึ่งคุณศิริวรรณฉวีเองก็ทำงานด้วยเช่นกัน ต่างมีความเหนื่อยล้า
คุณศิริวรรณฉวีต้องมาเหนื่อยทั้งงานบริษัทและงานบ้านงานในครัว แต่ก็ได้แม่ครัวก่าแก่ที่ชื่อ แม่ติ่ง เป็นคนดูแลอาหารพวกนี้ แต่นางก็เข้าครัวเองบ้าง ในยามที่ต้องการทำอาหารรสชาติฝีมือของตนเอง
และภูอนลก็โปรดเสียเหลือเกินกับอาหารฝีมือของนางทุกอย่าง
"แม่ดีใจเหลือเกินที่ภู แวะมาที่นี่ มาแบบนี้ทุกวันก็ได้นี่ลูก ก่อนที่จะแวะไปที่ห้องของลูก"
"ก็ไม่แน่นอนเสมอไปครับ คุณแม่ แล้วแต่โอกาส" ภูอนลตอบด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตนและสุภาพ
เห็นบุตรชายเครียดจากการทำงานก็เพียงพอแล้ว คุณวรรณ ไม่อยากเอ่ยถามเขามาก
ที่โต๊ะอาหารใหญ่สำหรับคนในครอบครัว จะขาดก็เพียงน้องชายต่างมารดาของเขา ที่ยังทำธุระไม่เสร็จ เพราะอยู่ข้างนอก คุณมุทธาบ่นถึงบุตรชายผู้นี้ต่อหน้าลูกเลี้ยงและภรรยาอย่างเอือมระอา
"ไม่ไหวเลยนะภู ช่วยเตือนๆ ปรามน้องหน่อย"
ภูอนลไม่ได้เอ่ยปากว่ากระไร เขาเป็นคนที่สงบนิ่ง แต่หูและสายตาก็รับฟัง แม้ในเวลาทานข้าวเขาก็ทานอย่างช้าๆ สลับกับการพูดคุยบ้าง หากมารดาถาม
และบางครั้งคุณมุทธาก็เอ่ยถามเขาบ้างถึงการงานที่ทำในฐานะที่เขาเป็นบุตรชายคนหนึ่ง
"เอ้อ งานการมีอะไรหนักใจมากมั้ยภู บอกพ่อก็ได้นะ หรือแม่ ทุกคนยินดีจัดการให้ภู"
เขายิ้มให้เล็กน้อยกับความปราณีและเมตตาจากท่านผู้เป็นประมุข แม้ร่างกายของท่านยังอยู่ในความดูแลของพยาบาลใกล้ชิด นายมุทธาหวังว่าเขาจะกลับมาเดินเหินได้ตามปกติเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกครั้ง
"ไม่ครับ ปกติดี ขอบคุณความเมตตาของท่านด้วยครับ ผมจะไม่ลืมบุญคุณ"
ภูอนลตอบผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม คุณวรรณพึงพอใจอย่างมาก
"อิ่มข้าวแล้ว จะกลับเลยหรือเปล่าลูก"
เสียงถามจากมารดานั้นอนาทร
"ครับแม่ ผมรู้สึกเพลียๆ จะกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกันใหม่ครับ"
"จ้ะลูก" คุณศิริวรรณฉวีแค่เดินไปส่งบุตรชายถึงหน้าประตูรั้วบ้าน กระทั่งรถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มแล่นออกไป พ้นจากตัวคฤหาสน์และรั้วขนาดใหญ่ พุ่งแล่นสู่กลางถนน
บัดนี้ในความคิดของเขากลับมีร่างระหงบอบบางน่าสัมผัส แวบเข้ามาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขายังได้คุยได้ทานข้าวทำกิจกรรมร่วมกับหล่อน
"ชิดชลัย" เสียงพูดของเขาหล่อนจำได้ดี
"คุณภูอนล"
"ครับ ผม ภูเอง คุณทำอะไรอยู่ครับ"
เสียงถามนั้นใส่ใจและมีแววกังวาน
"กำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าบางส่วนค่ะ คือ ดิฉันมีธุระเดินทางไปต่างจังหวัด เอ้อ เรื่องญาติน่ะค่ะ"
เมื่อหล่อนพูดเรื่องนี้ให้ฟัง เขาอดไม่ได้ ที่จะถาม
"ไปกับใครหรือครับ"
"ไปกับคุณแม่สองคนค่ะ เอ้อ จะไปเยี่ยมลุงที่ป่วยอยู๋ชัยภูมิ"
"ชัยภูมิ" เขาอุทาน
"งั้นช่วงนี้ผมก็อดเจอ คุณนะสิครับ"
"แหม ไม่นานหรอกค่ะ ชลัยต้องมาทำงานตามปกติ เพราะว่ารับงานไว้หลายที่มาก จนต้องแคนเซิลไปก็เพราะว่าคุณลุงป่วยกะทันหัน"
หล่อนอธิบายให้เขาฟังอย่างไม่ปิดบัง นี่ถ้าเป็นคนอื่น หล่อนคงไม่พูดอะไรกระจ่างแจ้งเท่าแบบนี้
ชิดชลัยคิดว่า เขานั้นกำลังจะกลายเป็นผู้ชายที่พิเศษสำหรับหล่อน
แต่ยังหรอกนะ หล่อนยังไม่ได้ทึกทักเข้าข้างตัวเอง และอยากขอโอกาสรวมทั้งขอเวลาให้ทั้งเขาและหล่อนด้วย การเรียนรู้ใจของหล่อนกับภูอนลเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
"เอ้อ ผมอยากให้คุณรอผม"
ไม่รู้ทำไมเขาจึงเอ่ยคำนี้ขึ้นมา ชิดชลัยเข้าใจประโยคชัดเจน เหมือนเขาตราคำพูดนี้เฉพาะกับหล่อน
"จะไม่รวดเร็วเกินไปหรือคะ เอ้อ รอนะรอได้ แต่สำหรับคุณล่ะคะ คุณแน่ใจกับผู้หญิงอย่างฉันมากเพียงไหน ชิดชลัย เป็นผู้หญิงที่คุณยังไม่รู้จักถ่องแท้"
"ผมทราบ แต่ผมก็ขอยืนยันและรักษาสัญญาของตัวเองไว้ว่า ผมจะไม่ยอมมีใคร"
ขณะเอ่ยพูดภูอนลก้าวมาถึงห้องส่วนตัวของเขาแล้่ว ชายหนุ่มหยุดยืนหน้ามุมทีวีและโต๊ะรับแขกเล็กๆ เพื่อสนทนากับหล่อน
" ค่ะ ชลัยจะเก็บคำสัญญาของคุณเพื่อจะทวงถามอีกครั้ง เมื่อถึงวันนั้น ว่าคุณไม่แปรเปลี่ยนใจ ทั้งๆ ที่ชลัยก็อนุญาตนะคะ หากคุณจะสนใจใครที่ดูแล้วเหมาะสมกับคุณ เอ้อ เป็นเพราะชลัยมีภาระต้องรับผิดชอบอีกอย่างมาก"
หล่อนไม่ปิดบังเขา และหล่อนไม่มีสิทธิ์หวงห้ามเขาด้วย เนื่องจากว่าเพราะหล่อนกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน
"ผมให้คำมั่นสัญญาครับ และสัญญานี้เป็นของลูกผู้ชายพอ"
หล่อนกลับยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนที่จะขอตัวจากเขาเพื่อพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง
ภาวนาขออย่าให้ฝนตกด้วยเถอะ เป็นการเดินทางไกลของหญิงสาวกับมารดาที่หล่อนจะต้องขับรถออกต่างจังหวัด ด้วยธุระที่ทราบว่าญาติป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
"ขออย่าให้ฝนตกลงมาเลยเจ้าประคุณ แม่ไม่ชอบนัก ท้องถนนเฉอะแฉะ"
แม้ว่าจะนั่งอยู่ภายในรถแต่คุณเตือนอนงค์ก็บ่น ขณะที่ชิดชลัยหรือช่องิ้วนั่งอยู่ในส่วนของคนขับ หลังออกจากบ้านแล้ว
แต่ก่อนที่จะมุ่งตรงสู่ภาคอีสานอีกนานตรงไปยังสระบุรี หญิงสาวขอแวะไปทำธุระที่บ้านของ คุณกนกรัตน์ก่อน
กนกรัตน์คือใครนะหรือ ชื่อของผู้มีพระคุณ ที่ให้กำเนิดชื่อ ว่าช่องิ้ว ที่หล่อนสามารถทำมาหากินได้
"อีกสิบนาทีนะคะพี่นก ชลัยถึงจะไปถึง"
ชิดชลัยบอกเกริ่นไว้ล่วงหน้าเพราะเกรงเจ้าของบ้านจะไม่อยู่ในตอนที่เธอขับไปถึงแล้ว จะกลายเป็นว่ากินแห้ว ตีรถไปเสียเปล่า
"จ้ะ พี่ยังอยู่ถึงเที่ยงครึ่ง พอตอนบ่ายพี่ไม่อยู่" กนกรัตน์ชี้แจงบอก
นี่คือบุญคุณที่ชิดชลัยจดจำได้ไม่ลืม ถ้าไม่มีกนกรัตน์ในวันนี้ ก็คงไม่มีช่องิ้วอีกเช่นกัน
หล่อนจำได้ไม่ลืมว่าเริ่มต้นมาจากสิ่งใด จึงค่อนข้างเคารพต่อคุณกนกรัตน์เป็นอย่างมาก
และวัยที่ห่างกันถึงสิบกว่าปีด้วยนั่นเอง กนกรัตน์จึงเปรียบเหมือนแม่คนหนึ่ง รองจากคุณเตือนอนงค์
"ช่อต้องเข้ามาบอกพี่นกโดยตรง ว่าช่อกับแม่จะกลับไปต่างจังหวัดสักประมาณอาทิตย์หนึ่งค่ะ"
กนกรัตน์รับทราบ
"คือช่อเคลียร์คิวงานหมดแล้ว พอกลับมาค่อยลุยใหม่นะคะพี่นก"