ตอนที่ 6

1460 คำ
พูดถึงภูอนลหรือ คนหนุ่มไฟแรง มีความสามารถมาก ทั้งสูงสง่าหล่อเหลาเป็นมิตรกับทุกคน แต่ติดจะเคร่งขรึมเย็นชาในบางครั้ง และยังเป็นคนที่นายศักดา รู้สึกว่าเขาจะประมาทไม่ได้ เหมือนกับที่ลูกชายเอ่ย เพราะเขาอ่านทางและรู้จักภูอนลเป็นอย่างดีความจริงภูอนลเป็นลูกติดของพี่สะใภ้ของเขา คุณศิริวรรณฉวี พี่ชายของเขา มุทธาเอามาประดับบนหิ้งเป็นเมียใหญ่อีกคน หลังจากที่เมียเก่าตาย เขาไม่ใคร่จะพึงพอใจคุณศิริวรรณฉวีนัก หากนางมีอำนาจที่จะกอบกำหรือเก็บทุกอย่างไว้ในกำมือ เหมือนพี่ชายของเขาไร้ความสามารถ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มุทธาร่ำรวยไง แม้การร่ำรวยของเขาจะมาจากธุรกิจมืดที่หันมาฟอกตัวเองให้ขาวสะอาดในภายหลัง แต่ความลับก็คือความลับ ที่นายศักดารู้เรื่องนี้ดี และเขาไม่มีวันทรยศพี่ชาย คนที่เขาจะบีบก็ตายและถ้าคลายก็รอด แต่คนอื่น ล่ะ อย่างคุณศิริวรรณฉวี เขาเหมือนเบี้ยล่างให้พี่สะใภ้ ภูอนลก็เหมือนกัน ใครจะไปรู้ล่ะว่า ในอนาคตมันอาจเหิมเกริมยิ่งใหญ่แย่งสมบัติของตระกูลนี้ไปจากทุกคน นารสก็อย่างว่าเที่ยวสำมะเลเทเมาหัวราน้ำ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน “ไอ้ภู” ไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายร่างสูงที่ก้าวผ่านพร้อมด้วยกระเป๋าถือเป็นกระเป๋าหนังสีน้ำตาลส่วนตัวของเขา เสียงเรียกนั้นยิ่งกว่าคุ้นเคย ภูอนลรับรู้ สายตาของเขาเริ่มสาดกลับไปมองคนที่ถาม “นี่มันบ่ายโขมากแล้ว ผู้จัดการบริษัทเพิ่งมาทำงานหรือไง” เสียงนั้นเต็มไปด้วยแววตาที่กระแทกแดกดัน “ก่อนจะพูดนี่กรุณาคิดให้ดีก่อนหน้าหรือลับหลังนะไอ้คม” “ทำไมล่ะ ก็ฉันเห็นกับตา ว่าแกเพิ่งทำหน้าทะเล่อทะล่าเข้ามาที่บริษัท” “แล้วมันเสือกอะไรของแกด้วย ฉันทำหน้าที่ของฉัน ออกไปพบปะลูกค้าคนสำคัญของบริษัทมา และคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องรายงานเสียทุกเรื่องให้แกทราบ” “อวดดีจองหองเหลือเกินนะไอ้กาฝาก” คมกล้ากระแทกเสียงเข้มใส่อย่างไม่พอใจ หากแต่แววตาทระนงยืนหยัดของภูอนลไม่สนใจ เขาเดินผ่านไปแล้ว นึกเสียว่าเสียงนกเสียงกาบินโฉบไปมาแถวนี้หรือไม่หมามันมาเห่ามาหอนใส่หู ซึ่งเขาวางทีท่าแบบไม่สนใจ ยิ่งทำให้คมกล้านั้นเป็นดือดเป็นแค้นนักกับกิริยาเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้สามารถทำให้หัวใจของภูอนลตื่นเต้นได้เสมอ ยามที่ได้พบ และเขาจะวาบในอกพร้อมกับการตื่นตัวเสมอ มีความอยากอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา โดยไม่สนใจคำครหา ที่ผู้คนรอบข้างกล่าวถึงหล่อน จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นฝ่ายเข้าหาหล่อน เพื่อปฏิสัมพันธ์ที่ดี ในการพูดคุย เจรจาด้วยน้ำเสียงเพราะ “ผมไม่สนใจหรอกนะว่าคุณทำงานอะไร แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าคุณ ในวันนี้และแทบจะทุกครั้ง” รอยยิ้มของเขากระจ่างแสดงออกมาอย่างเปิดเผย แม้จากคำพูดของเขา ใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและคมคาย โหนกแก้มสูง จมูกโด่ง กับหล่อนในยามนี้ ชิดชลัยมีความรู้สึกว่า เหมือนยิ่งเข้าไปใกล้เขา เคมีทั้งเขาและหล่อนยิ่งถูกกัน คือ ชิดชลัยรับรู้ว่า มีผู้ชายเข้ามาพัวพัน ในชีวิตของหล่อนหลายคน ซึ่งนั่นมันก็ไม่แปลกหรอก กับการรับงาน การรับงานสำคัญกว่า มันหมายถึงปากท้องในอาชีพที่หล่อน กำลังเล่นและก่อขึ้นมากับความเสื่อมในศีลธรรม แต่ให้ตายเถอะ ทุกครั้งนั้น ชิดชลัยไม่เคยเอาเรือนร่างของตัวเองไปทอดให้ผู้ชายคนไหนเชยชม เพราะหล่อนหลีกเลี่ยงมาได้ตลอด อย่างชาญฉลาด ริมฝีปากเคลือบสีชมพูสดมองเขาอย่างรู้สึกทึ่งและอบอุ่น แม้จะรู้ว่าเขาเป็นใคร นิ้วเรียวที่เคลือบสีมุกอ่อนๆ ที่ปลายเล็บ ยกขึ้นมาดู เหมือนแก้อาการเก้อเขิน เมื่อยามที่ถูกเขากวาดมองด้วยสายตา จริงๆ แล้วสายตาของชายหนุ่ม ที่นิ่งพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า ด้วยความลุ่มหลง หล่อนดูสวยไปหมด มันเหมาะเจาะทั้งสรีระ เรือนร่างที่บอบบาง เอวคอดกิ่วตะโพกผายพองาม ชวนดึงดูดสายตายิ่งนัก และมันก็สามารถกวักมือเขาให้เกิดความลุ่มหลงได้ “ผมอยากทานข้าวกับคุณอีกสักครั้ง” เสียงนุ่มและดูอ่อนโยนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวเงยใบหน้าขึ้น อย่างยากที่จะปฏิเสธได้ลง เพราะสายตาตรงหน้าพุ่งมองที่หล่อนด้วยแววตาแสนสุภาพ “หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธนะครับ” ภูอนลรีบเอ่ยขึ้นต่อในทันที ดวงหน้าเรียวรูปไข่ และอ่อนหวานซ่านเสน่ห์ในตัว เสมือนประติมากรรมชิ้นงามสลักเสลาอย่างบรรจงด้วยคุณค่า “ตกลงค่ะ” หญิงสาวตอบรับกับคำเชิญชวนของเขา ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และเหมือนท่าทีของหล่อนก็โอนอ่อนไปด้วยเช่นกัน แสนง่ายหล่อนก็รู้สึกตัวว่า มีท่าทีขัดเขินไปเหมือนกัน ภูอนลไม่ได้ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปจากเขาเป็นแน่ เหมือนสุภาษิตโบราณ ดักลอบให้หมั่นกู้ หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานและภาพพิมพ์ของหล่อนสวยระหงงามปานประหนึ่งนางฟ้า ยังหยุดนิ่ง และเขาขอภาวนาแทบทุกครั้ง เมื่อได้เจอหล่อนแล้ว ก็ขอให้อยู่ใกล้ชิดกับหล่อนให้เนิ่นนานที่สุด เป็นเพราะว่าเขาเจอผู้หญิงที่ถูกใจคนหนึ่ง เข้าใจว่ามันตรงสเปกต์แบบที่ภูอนลชอบและเขาเสาแสวงหามาเนิ่นนาน และอย่างเนิ่นนานที่เขาระบายรอยยิ้มที่ฉายแววอ่อนโยนมาให้ได้เห็น หนุ่มหล่อที่ล้วนแต่เจ้าเสน่ห์ดวงตาคมนอกจากสง่าผ่าเผยบุคลิกดี "ผมแทบจะไม่อยากให้คุณกลับไปเลยครับ" น้ำเสียงของชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนอ้อนวอนยังไงก็ไม่รู้ และเว้าวอนอยู่ในทีลึกๆ หากแต่ก็แจ่มใสและกังวานดูเป็นตัวของตัวเอง ชิดชลัยอดที่จะยิ้มไม่ได้อีกครั้ง ที่ริมฝีปากเคลือบสีสดดุจกลีบกุหลาบของหล่อนแย้มออกจากกัน ปนด้วยแววตาที่ฉงนสนเท่ห์ออกมา "ทำไมหรือคะ คุณภู" หล่อนย้อนถามเขาเสียงใสซื่อ หากซ่อนแววขบขันในดวงตาลึกๆ พร้อมด้วยประกายตาที่มีความพึงพอใจ หากแต่ว่า ชิดชลัยก็ฉลาดที่จะซุกซ่อนไว้ไม่ให้เขาเห็น "อ้าว ก็ผม อยากจะให้โลกนี้ มันมาหยุดตรงหน้าพร้อมๆ คุณและผม รวมทั้งไม่อยากให้นาฬิกามันเคลื่อนหมุนไปตามจังหวะเข็มทิศเลย" เขากล่าวปนด้วยความรู้สึกที่แสนดี เหมือนไม่ได้เครียด มีความรู้สึกอยากจะให้หล่อนขบขันไปด้วย กับอารมณ์สนุก ติดจะขี้เล่นนิดหน่อยของเขา ปกติ ภูอนลไม่ใช่คนขี้เล่น รวมทั้งไม่ชอบทำอะไรแบบเล่นๆ คนอย่างเขานั้นทุกคนที่ใกล้ชิดรู้ดีว่า เป็นชายหนุ่มที่คงเส้นคงวาในการวางตัว และติดบุคลิกออกเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้มเป็นส่วนใหญ่ นี่ถ้าภูอนลเผลอยิ้มออกมาเมื่อไหร่ โลกทั้งใบคงเป็นสีชมพูอย่างแน่นอน อย่างเช่นในเวลานี้ ผู้หญิงสวยใบหน้าหวานอย่างหล่อนแอบชำเลืองมองเขา "ฉันดูคุณไม่มีอารมณ์ขำเลย" " อ้าว รู้ได้ยังไงครับ ผมไม่เคยบอกคุณเลยด้วยซ้ำนะ" ชิดชลัยหรืออีกนามช่องิ้วเป็นชื่อที่ใช้สำหรับทำมาหากิน หยุดนิ่งอย่างพิจารณา บางครั้งที่เขาแสดงสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา มันดูดีกว่าอย่างมาก เพราะชิดชลัยไม่ชอบการเคลือบฉาบทา และไม่สนใจประเภทเสแสร้ง หล่อนจับความรู้สึกของเขาได้ว่า นี่มันนำพามาจากอารมณ์ที่เป็นธรรมชาติและตัวตนลึกๆ ของเขา โดยแท้ ที่เขาคงไม่เคยแสดงออกมาให้ใครได้เห็นมาก่อน นอกจากหล่อนเป็นคนแรก อย่างหนึ่ง ชิดชลัยชอบผู้ชาย ที่แสดงตัวตนของเขาออกมาอย่างชัดเจน ทั้งไม่แอ๊บ และไม่เก๊ก "รู้ด้วยความรู้สึกและมีเซ้นต์บางอย่างบอกออกมาค่ะ" คำตอบของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้า ทำให้คิ้วของเขาเลิกนิดหนึ่ง "หมายความว่าคุณมีเซ้นต์ ที่จะคาดเดา คือการมองคนออก" คำถามแบบตรงๆ ของเขา "ก็คงจะอย่างนั้นล่ะคะ" คนตัวสูงรูปร่างแสนสง่ายิ่งได้ใจ "ลองทายผมดูหน่อยสิ ว่าคุณมองเห็นอะไรในตัวผม" ไม่นึกว่าเขาจะถามหล่อนด้วยคำนี้ ด้วยดวงตาที่พราวอมยิ้มดูกรุ้มกริ่มเล็กน้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม