EPISODE – 01 / 2

3102 คำ
แอ้ด~ “เซอไพร์” นั่นไงว่าแล้ว ยัยเพื่อนตัวดีสองคนนี้มันมาดักรอฉันที่หน้าห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วคุณนางทั้งสองจะโทรมาเพื่อ? “แล้วพวกแกจะโทรมาให้เปลืองตังค์ทำไมไม่ทราบ” ว่าจะไม่กัดพวกหล่อนแล้วนะ แต่ปากมันดันไว อดไม่ได้จริงๆ “ฉันรวย” เสียงเล็กแหลมทั้งสองดังประสานกันแบบไม่ได้นัดหมายตะโกนตอบฉันกลับมาจนปวดแก้วหูไปหมด “แล้วคืนนี้แกจะลากฉันไปไหนอีกล่ะ ฉันเหนื่อยอะพวกแก” ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นของตัวเอง ทำตัวอ่อนแรงให้พวกนางสองคนสงสาร แต่มันเหนื่อยจริงๆ นะ ฉันแค่เพิ่มแอคติ้งเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง “เหนื่อยไรยะ ทำยังกะมีอะไรให้แกทำเหนื่อยงั้นแหละ” นุชชี่เบะปากเยาะเย้ยฉัน นางปรายตามองจิกๆ ใส่ด้วยนะเมื่อกี้ “เฮ้ย!! ตาเถรตกต้นมะยม เณรปีนระฆัง” ฉันสะดุ้งตกใจกับคำอุทานอันแปลกพิสดารของยัยตุ๊ดที่อยู่ๆ ก็ตะโกนดังลั่นห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “อะไรยัยตุ๊ด” ยัยนาเดียร์ตะโกนถามลั่นสีหน้าตกใจกับเสียงที่ดังของเพื่อนตุ๊ดข้างๆ เธอ อย่าว่าแต่ยัยเดียร์ที่นั่งข้างนางเลย ฉันที่นั่งคนละฝั่งก็ตกใจเหมือนกัน “นี่ชะนี อย่าแถนะว่าห้องแกมีมดเยอะ แล้วมันกัดตรงนี้ ตรงนั้น แล้วก็คันๆ เลยเกา” ยัยตุ๊ดไม่ว่าเปล่า รีบกระโดดมานั่งข้างๆ ฉัน พร้อมกับเอานิ้วป้อมๆ มาจิ้มที่คอฉันตรงนั้นที ตรงนี้ที เห้ย! อย่าบอกนะว่า... พอตั้งสติได้เลยรู้ตัวว่าตอนที่ฉันรีบออกไปเปิดประตูให้พวกนางสองคนที่มาเยือนแบบไม่บอกไม่กล่าว ตัวเองเอากิ๊ฟรวบผมขึ้นหมดแล้วหนีบรวบไว้ ทำให้ตอนนี้มันเผยคอขาวระหงได้อย่างเต็มตา “ไหน... รอยอะไร มดกัดอะไรของแกยัยตุ๊ด” ยัยเดียร์รีบเดินมานั่งข้างฉันอีกฝั่ง ทำให้ตอนนี้ฉันโดนขนาบข้างทั้งซ้าย-ขวา “หึ” ฉันได้ยินเสียงนาเดียร์หัวเราะในลำคอเบาๆ “เล่ามาให้หมด ยัยแก้มใส” เสียงเรียกของนาเดียร์ทำให้ฉันถึงกับขนลุก ได้แต่ก้มหน้าหงุดไม่กล้ามองสบตาเพื่อนทั้งสองที่นั่งจับผิดอยู่ข้างๆ หลังจากที่ฉันต้องจำใจเล่าทุกอย่างให้ทั้งสองนางฟังเป็นที่เรียบร้อยก็มีทั้งฟีดแบคที่ดีและไม่ดีตามมา ตามที่คาดการณ์ไว้เป๊ะๆ “ใจง่าย” นาเดียร์ว่าให้ฉันสองพยางค์ แต่ได้ใจความแสบสะท้านถึงทรวงพร้อมกับเมินหน้าหนี แบบโกรธสุดๆ ที่นาเดียร์ดูโกรธฉันมากๆ ตอนนี้เพราะว่า ตลอดเวลาที่ฉันคบกับโซลเธอมักจะบอกฉันตลอดว่าอย่าไว้ใจผู้ชายเด็ดขาด อย่าเผลอปล่อยตัวไปกับเขา และครั้งนี้ฉันก็ผิดเอง ที่ลืมคำเตือนยัยนี่ไปเฉยเลย “ฉัน เอ่อ... เดียร์” ฉันกำลังจะแก้ตัวกับยัยเดียร์ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะและปรบมือดังขึ้นแทรกบรรยากาศที่กำลังอึมครึมๆ ของฉันกับยัยเดียร์ แปะ แปะ แปะ “เลิศมากลูกสาว แบบนี่สิ ถึงจะสมที่เป็นลูกศิษย์นุชชี่” ให้ตายสิ! ยัยนี่ก็นะ ไม่ดูบรรยากาศรอบตัวเอาซะเลย “เออๆ ดี เข้าข้างกันดีนัก” นาเดียร์ข่มเสียงต่ำปรายหางตามองหน้านุชชี่ “แล้วนี่ ได้ป้องกันหรือเปล่า กินยาคุมยัง” เดียร์ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลง แต่เอ๊ะ! ยาคุมงั้นเหรอ ลืมไปเลย ก็มัวแต่คิดถึงเรื่องโซลว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมติดต่อไม่ได้ จนลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย แถมเมื่อคืนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาปะ... ป้องกันหรือเปล่า “ตายๆ ตายแน่ๆ ยัยตุ๊ด ลูกสาวแกตายแน่” นาเดียร์ดูหัวเสียใหญ่ “-_- ชะนีหน้าโง่ รอนี่ล่ะ เดี๋ยวขุ่นแม่มา” ว่าจบนางก็เดินออกจากห้องไป ยัยตุ๊ดจะไปไหนของหล่อน พอจะหันมาถามเพื่อนรักที่เหลืออยู่อีกคน ยัยเดียร์ก็เดินหนีฉันเข้าห้องครัวซะงั้น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นุชชี่ก็กลับมาพร้อมกับโยนถุงอะไรสักอย่างลงตักฉัน พอลองหยิบมาดูจึงรู้ว่านั่นคือแผงยา “นี่!! ทานค่ะชะนี จะนั่งมองให้ได้อะไรคะ หรืออยากมีภาระตามหลัง” น้ำเสียงประชดประชันของกระเทยร่างอวบที่นั่งเบ้หน้าหมั่นไส้ฉันอยู่ที่โซฟาตรงข้ามจิกกัดหัวใจฉันเบาๆ ภาระงั้นเหรอ? ฉันตาโตทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงๆ ถามว่าฉันพร้อมรับกับภาระใหญ่หลวงนี้ไหม บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าฉันพร้อมเพราะพ่อของลูกฉันคือคนที่ ‘ฉันรัก’ หลังจากที่ฉันจัดการทุกอย่างเสร็จ ยัยเพื่อนตัวดีทั้งสองก็พาฉันมาร้าน แต่สงสัยวันนี้คงปิดเร็วหน่อย เห็นเดียร์บอกว่าวันนี้เธอจองโต๊ะไว้ตอนสามทุ่ม ร้านฉันที่ปกติจะปิดเกือบห้าทุ่มเลยต้องปิดเร็วกว่าเดิม TS – Club @21.00 น. ภายในคลับที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงผีเสื้อราตรี ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่หรือแม้แต่ผู้ชาย ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกภายใต้แสงสีเสียงที่กำลังดังกระหึ่มในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาเจ้าของแววตาเยือกเย็นแสนเย็นชาสีน้ำตาลอ่อน ที่กำลังนั่งดื่มวิสกี้คนเดียวที่โซฟาโซนวีไอพีชั้นสองที่ประจำของเขาเลย “นั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอคะ ขอนั่งด้วยคนนะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวเจ้าเนื้อนมโค ในเสื้อเกาะอกที่ชุดตรงกลางมีสายเล็กๆ ถักไขว้ไปมาเป็นเหมือนตัวเอ็กซ์ เผยให้เห็นถึงผิวเนื้อขาวนวลที่อวดเต้างาม ถามชายหนุ่มผู้นั่งดื่มเพียงลำพังดังขึ้น “...” ชายหนุ่มผู้ถูกถามไม่แม้แต่จะตอบ เพียงแค่ปรายหางตามองสาวเจ้าโคนมเท่านั้น “ไม่ตอบ งั้นลิลลี่ขอเดาว่า ไม่ปฎิเสธแล้วกันนะคะ” ว่าจบหล่อนก็นั่งลงบนตักชายหนุ่มผู้มีแววตาเย็นชาตรงหน้าอย่างถือวิสาสะ “...” และเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มผู้กลายเป็นเบาะรองนั่งชั้นดีของสาวสวยไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา ทำเหมือนเธอเป็นเพียงแค่อากาศธาตุหรือฝุ่นผงที่ล่องลอยวนเวียนให้รำคาญใจ แต่มีหรือผู้ชายที่แสนจะหล่อเหลา ผู้เป็นเบาะรองนั่งให้ก้นงอนงามของเธอ จะทำให้เธอถอดใจแล้วลุกหนีไป และไม่รอช้าสาวเจ้าเนื้อผู้มากประสบการณ์ก็อดใจที่จะก้มจุมพิตชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ “อื้อ” หากแต่นี่ไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงของแม่สาวคนนั้น ที่แลดูเหมือนเธอจะมีอารมณ์ไปแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะชายหนุ่มผู้ถูกจูบอยู่ ไม่แม้แต่จะตอบรับจูบที่แสนเร่าร้อนนั่นเลย พลั่ก!! เมื่อหล่อนรู้สึกแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมเล่นด้วยเลยอารมณ์เสีย ผละจูบที่ไม่ว่าชายใดได้ลิ้มลองต้องมีอารมณ์ร่วมตามออกมาอย่างหงุดหงิดใจ “เย็นชาจริงๆ เลยนะ โซล” อา ไม่ผิดหรอก ที่สาวเจ้าเนื้อคนนี้จะรู้จักผู้ชายใต้ร่าง เพราะว่าเขามีดีกรีเป็นถึงหุ้นส่วนของทีเอสคลับแห่งนี้ และยังเป็นคู่ขาของหล่อนอีกด้วย “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” นั่นคือประโยคแรกที่เขาเอื้อนเอ่ย “ใครทำให้พ่อหนุ่มผู้แสนเย็นชาของลิลลี่ เย็นชากว่าเดิมแบบนี้” “ยุ่ง!!!” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมาคุแบบสุดๆ [Seoul’s part] แม่งเอ้ย!! ผมไม่ชอบเลยว่ะ อารมณ์ตอนนี้แม่งหงุดหงิดฉิบหาย ไม่รู้ผมเป็นอะไร ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่คลับแห่งนี้ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเอาแต่นั่งเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลย อา~ เอาอีกแล้ว... จู่ๆ ผมเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไปนึกถึงสัมผัสหอมหวน ชวนคิดถึงของคืนนั้น คิดถึงจูบที่แสนหวานที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน มันเป็นรสชาติที่เหมือนจะทำให้ผมเสพติดไปแล้ว เพราะแม้แต่ตอนนี้ที่ผ่านมาแล้วเกือบวันเต็มๆ ผมยังลืมรสชาติของมันไม่ลง ขนาดเมื่อกี้คู่ขาผู้เร่าร้อนที่ผมมักใช้ควงบ่อยๆ อย่างลิลลี่ ยังทำให้ผมลืมรสชาติหวานหอมของจูบที่แสนไม่เอาไหนของยัยเฉิ่มนั่นไม่ลงเลย “นี่บอกได้ไหมคะ ว่าใครทำให้คู่ขาลิลลี่ปฎิเสธลิลลี่แบบนี้” ผมไม่ตอบอะไรลิลลี่ ได้แต่ใช้แววตาเฉยชา และดุดันมองกลับไป อ้อ ลืมบอกไปใช่ไหม ‘โซล’ ที่ลิลลี่เรียกน่ะ ชื่อผมเอง ผมมีชื่อเต็มๆ ว่า ‘กรุงโซล การณ์พิพัฒนะ’ เป็นผู้ชายเย็นชาอย่างที่ลิลลี่บอกนั่นล่ะ แต่ใช่ว่าผมจะไม่มีความอบอุ่นหรือรักใครไม่เป็นนะครับ ผมแอบรักผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนที่มีดวงตาเย่อหยิ่ง และน่าค้นหา ภายนอกอาจจะดูแรงๆ แต่พอผมได้ใกล้ชิด เธอเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นมาก ทำให้หัวใจที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งของผมสั่นไหว พูดให้ฟังดูง่ายๆ ก็ รักครั้งแรก นั่นล่ะ แต่เคยได้ยินมั้ย คนแอบรัก ก็ได้แค่ แอบรัก ไม่มีทางได้มาครอบครอง เพราะคนๆ นั้น เขามีเจ้าของแล้วไง แถมเป็นคนที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะแย่งมา “วี้ดวิ้ว! นึกว่ากรุงโซลควงสาวที่ไหน ที่แท้ก็ลิลลี่คนสวยนั่นเอง” มาได้จังหวะจังนะ ไอ้เพื่อนเวร ไหนๆ ตัวประกอบก็โผล่มาแล้ว ผมขอแนะนำมันเลยแล้วกัน ไอ้เจ้าของเสียงตะกี้น่ะ ชื่อ ‘เอฟวัน’ กะล่อนตัวพ่อ เฟรนลี่ได้ทุกเพศ ด้วยหุ่นที่สูงเกือบ 182 เซนฯ ผิวขาวอมชมพูเหมือนผิวผู้หญิง คิ้วดกดำหนา จมูกโด่งรั้น เลยทำให้มันหล่อสุดๆ แต่น้อยกว่าผมหน่อยนึง “สวัสดีจ้ะ เฮียเอฟวัน วันนี้ว่างไหมล่ะ ลิลลี่เหงา” เหอะ!! ผมได้แต่เหยียดยิ้มมุมมาก นี่แหละคู่ขาผม แต่แล้วยังไงผู้หญิงก็เหมือนสิ่งของ แชร์ได้ก็แชร์ไป กลุ่มเราก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เบื่อก็โยนให้เพื่อนในกลุ่มกินต่อ แฟร์ๆ กันดี เลวไหมล่ะ “ถ้าเป็นลิลลี่ เฮียวันคนนี้ว่างส่ำเหมอ” ไอ้นี่ก็ม่อได้ทุกที่อ่ะ มันล่อได้ทุกคนด้วยนะครับขอบอก “อ้าวแล้วนั่นเป็นอะไร ทำหน้าบอกบุญไม่รับ หรือว่า ‘มัน’ อาการทรุด” สีหน้าไอ้เอฟวันดูวิตกหน่อยๆ หลังจากเอ่ยจบประโยค อยากถามมันมาก นั่งตั้งนานเพิ่งสังเกตหน้ากูเหรอครับ แหม่!! ก็ตาแม่งเล่นจ้องแต่นมสาว “เปล่า” ผมตอบสั้นๆ “ตั้งแต่ลิลลี่มาถึง โซลก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะเฮียวัน” ลิลลี่รีบฟ้องไอ้วัน “สงสัยเหยื่อไม่ตกถึงท้องหรือว่ามึงทำใครท้องไว้เลยมานั่งเครียด” ผลั้วะ!! “ปากหมา” ผมตบหัวไอ้เอฟวันไปหนึ่งทีพร้อมกับสบถด่าออกไป ไอ้นี่วอนซะแล้ว ใครจะไปพลาดทำผู้หญิงท้อง ระดับกรุงโซลไม่มีพลาด ถ้าไม่ตั้งใจ… “อ้าวไอ้นี่” ไอ้วันของขึ้นครับ แต่มันไม่กล้าหือกับผมหรอก เพราะแค่ผมปลายหางตามอง มันก็กลัวผมหัวหดแล้ว “กัดกันอีกแล้วนะมึงสองตัว” ถ้าไอ้เอฟวันมา มีเหรอเฮียไททันจะไม่มา ก็นี่มันคลับแกด้วยนี่หว่า ผมบอกไปหรือยังว่าทีเอสคลับที่ผมกำลังสิงสถิตอยู่เนี่ย มีเจ้าของถึงสองคน นั่นคือเฮียไททันที่ถือหุ้นใหญ่ถึง 60% ส่วนผมแค่ 40% เท่านั้น เฮียไททันแกเคยเป็นอดีตพี่รหัสผมตั้งแต่มหา’ลัย แบบว่าเราถูกชะตากันหรืออาจจะเพราะนิสัยค่อนข้างเลวเหมือนกันเลยคบกันมายาวนานจนถึงตอนนี้ “เฮียไท” ไอ้เอฟวันพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนเฮียไททัน พร้อมกับลุกพรวดเข้าไปเกาะแขนแล้วเอาหน้าซุกไซร้ ถูไถไปมา เหมือนแมวกำลังอ้อนเจ้าของ น่ารักตาย ปัญญาอ่อนสิไม่ว่า… “ว่าไงครับ เมียวันของเฮีย” นี่ล่ะกลุ่มผม ไม่มีคนเต็มสักคน “ปรั๋วขราของเมีย ต้องจัดการมันนะ ไอ้โซลตบหัวเมีย” ไอ้นี่ก็เล่นไม่เลิก นอกจากจะอ้อนเหมือนแมวแล้ว มันยังทำท่าทางสะดีดสะดิ้ง จิกตาใส่ผมอีก เพลียจริงๆ มีเพื่อนปัญญาอ่อน “เฮ้ย ไอ้ยูกิ จัดการเด็กมึงสิ” เฮียไททันเรียกกำลังเสริม เวรล่ะ! เรียกใครไม่เรียกดันไปเรียกไอ้ยูกิ ไอ้นี่น่ะมันเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่เสวนาด้วยเด็ดขาด เพราะมันกับผมนิสัยเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น... สายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง กลิ่นอายเย็นชา ออร่าน่าเกรงขาม แต่ต่างตรงที่ไอ้ยูกิมันโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ยิ่งขับลุคให้ดูนิ่งสงบแต่เยือกเย็น “...” ไอ้ยูกิทำแค่เหล่ตามองผมแล้วเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งขวามือผมแทน จากนั้นมันก็ก้มเล่นมือถือเครื่องโปรดของมันไปเงียบๆ คนเดียว ผมชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าในนั้นมันมีอะไรนักหนา ทุกครั้งที่มันไม่มีอะไรทำมันมักจะหยิบมือถือเครื่องนี้ออกมานั่งเล่น นั่งมอง ไม่สนใจสิ่งรอบตัว “ปรั๋วขรา ไอ้ยูกิไม่เล่นกับเราอ่า” ไอ้เอฟวันมันหันไปฟ้องเฮียไททัน “เฮียว่า สงสัยวันนี้ เราจะแป๊กว่ะ” เฮียไททันกับไอ้เอฟวันพยักหน้าให้กัน เฮ้อ! ปวดหัวจริงๆ มาครบกลุ่มแบบนี้ “แล้วนี่ มันอาการดีขึ้นยังวะไอ้โซล” เสียงเฮียไททันถามขึ้นหลังจากที่เลิกเล่นพิเรนทร์กับไอ้เอฟวันเรียบร้อยแล้ว ‘มัน’ ที่เฮียไททันถามน่ะ เป็นแฟนของผู้หญิงที่ผมแอบรัก และเป็นคนที่ผมรักอีกคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาสองวันแล้ว “อาการคงที่” ผมตอบเฮียแกออกไป อาการของมันก็ค่อนข้างหนักเอาเรื่อง หัวสมองได้รับความกระทบ กระเทือนขั้นรุนแรง หมอบอกว่าโชคดีที่รอดมาได้ อาจจะเพราะคนไข้ร่างกายแข็งแรง แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมฟื้นสักที ผมสงสารแฟนมันมากกว่าใครในตอนนี้… คุณลองคิดดูนะ ผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะหมั้นหมายกับคนรักในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายเมื่อว่าที่คู่หมั้นนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอจะบอบช้ำแค่ไหนกัน? พูดถึงตรงนี้แล้ว ผมต้องขบฟันกรอด กำมือแน่นเกร็งเส้นเลือดขึ้น รู้สึกได้เลยว่าเลือดไม่ไปล่อเลี้ยงมือเพราะมันชาจนปวดหนึบ ‘ผู้หญิงแพศยา’ เพราะเธอคนเดียว ที่ทำให้คนที่ผมรักถึงสองคนต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมไม่มีวันยกโทษให้เธอเด็ดขาด ผมจะแก้แค้นให้คนที่ผมรักให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำมัน “เฮ้ ไอ้โซล ไอ้โซล กรุงโซล!!” ผมสะดุ้งเฮือก หลุดจากภวังค์แค้นที่กำลังลุกโชนอยู่ในอก “จะตะโกนหาพ่องมึงเหรอ ไอ้เชี่ยวัน” ผมด่าให้มันไปหนึ่งที เป็นบ้าอะไรอยู่ๆ มาตะโกนใส่หู คลับก็ยิ่งเปิดเพลงเสียงดังอยู่แล้ว หูหนวกใครจะรับเป็นพ่อพันธุ์กันครับ ผมก็อดได้ยินเสียงครางพอดี “ได้ข่าวว่าไอ้เอฟวันมันเรียกมึงหลายครั้งเหอะไอ้โซล” เฮียไททันว่า “เหม่อไรของมึง เฮียสังเกตมานานแล้วนะ ตั้งแต่มาถึงนับคำพูดมึงได้” เฮียไททันสวดยาว ปกติผมก็พูดน้อยอยู่แล้วป่าววะ แต่ก็มากกว่าไอ้ยูกิ “ไม่มีไรหรอกเฮีย เรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมตอบเฮียแกไป ‘ก็แค่กำลังคิดหาทางแก้แค้นยัยผู้หญิงแพศยาคนนั้นอยู่’ ผมต่อคำนี้ในใจ ​ เพราะเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกใคร ผมจะแก้แค้นคนเดียวเงียบๆ แต่จะปิดบังพวกนี้ได้นานแค่ไหนผมไม่รู้ เพราะแต่ละคนชอบกินเผือกกันทั้งนั้น “อ้าวๆ แล้วนั่นจะไปไหนวะ พอพวกกูมามึงก็เดินหนีสะงั้น” ผมไม่ตอบได้แต่เดินออกมาจากตรงนั้น แล้วโบกมือลา ได้เวลาเริ่มการแก้แค้นต่อแล้ว [End part] “เอ้า ชนแก้ว!!” เสียงใสๆ ของนาเดียร์เรียกให้ฉันกับนุชชี่ชนแก้วเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตั้งแต่มานั่งที่คลับนี้ วันนี้รู้สึกว่าเดียร์จะดื่มหนักเอาการ ไม่รู้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า “นี่เดียร์ ฉันว่าแกพอเหอะ เมามากแล้วนะ” ฉันดึงแก้วเหล้าจากมือยัยเดียร์ออก เพราะเริ่มเห็นว่าหัวมันเริ่มโครงเครงไปมา จะทิ่มแหล่ไม่ทิ่มแหล่อยู่รอมร่อ “ม่าย ฉันม่ายมาว” ค่ะไม่เมาแต่เสียงนี่ฟังแทบไม่รู้เรื่องแล้ว “นี่ชะนี ยัยเดียร์เป็นไรเหรอ” ยัยนุชชี่สะกิดแขนถามฉัน ฉันได้แต่ส่ายหัวไปมา ก็มาด้วยกัน คนที่น่าจะรู้ดีที่สุดน่าจะเป็นคุณนุชชี่ไหมคะ เพราะอยู่กับยัยเดียร์ตั้งแต่ก่อนมาหาฉันอีก “แกมันไอ้โรคจิต เฮงซวย” จู่ๆ ยัยเดียร์ก็ลุกพรวดพราดแล้วตะโกนด่าออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หันมามองหน้าเหมือนหาเรื่อง คงนึกว่า ยัยเดียร์ว่าให้พวกเธอล่ะมั้ง ฉันเลยก้มหัวขอโทษพวกนั้นไป “มองทำไม มีปัญหาไรฮะ!!” ยัยบ้า!! ฉันรีบยกมืออุดปากยัยเดียร์แทบจะทันที เลือดขึ้นหน้าอะไรมาเนี่ย จู่ๆ ไปหาเรื่องเขาเฉยเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม