ตอนที่ 13

1081 คำ
ภูมิเลื่อนริมฝีปากจากเรียวปากบางและค่อย ๆ ลากลงมาที่ลำคอเพื่อดูดซับความหอมจากผิวเนื้อเนียนกระทั่งมาหยุดบนส่วนซึ่งไวต่อสัมผัสกลางบัวตูมคู่งามที่ชูช่อรอรับความชุ่มฉ่ำจากปลายลิ้นซึ่งยื่นออกไปแตะเบา ๆ เมลิดารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกทรมานเพราะมือทั้งสองถูกตรึงไว้เหนือศีรษะและทำได้เพียงบิดกายไปมาดังถูกไฟร้อนลามเลียทั่วเรือนร่างอรชร เพียงครู่หญิงสาวก็รู้สึกถึงความเสียวซ่านที่แล่นปรี่จนทำให้เธอเผลอครางออกมาและยกสะโพกขึ้นรับปลายนิ้วของเขาที่หยั่งลึกผ่านกลีบไม้งามลงไปจนเกือบสุด แม้ยังไม่ลืมความเจ็บปวดในครั้งแรกทว่าหนนี้เธอกลับมีความรู้สึกในสัมผัสเฉกเดียวกันทว่าแตกต่างออกไป ร่างบางที่บิดไปมาราวทรมานหนักหนานั้นยิ่งกว่าเชื้อความร้อนจุดไฟในกายของชายหนุ่มให้โหมแรง เมื่อเห็นว่าเธอบีบเกร็งคล้ายใกล้แตะขอบฉิมพลีเขาจึงหยุดตัวเองลงด้วยความทรมานดุจเดียวกัน “คุณภูมิ....มีอะไรคะ?” “ผมกลัวจะทำคุณเมย์เจ็บ....ถ้าเราจะหยุด.....” “ได้โปรดเถอะค่ะคุณภูมิ....อย่าทรมานกันแบบนี้ เมย์ขอร้อง....” เมื่อเขาคลายมือที่กดแขนเธอไว้เมลิดาจึงกอดร่างหนาไว้แน่น รอยกระหยิ่มฉายวาบที่มุมปากของชายหนุ่มเพียงครู่ก็จางหายไป เขาเพียงอยากให้เธอรู้สึกถึงความทรมาน.....อยากให้แน่ใจว่าผู้หญิงในอ้อมแขนถูกข้อตรวนแห่งความรักมัดไว้อย่างแน่นหนาแล้วจริง ๆ และหลังจากนี้พันธนาการปรารถนาที่ยากจะดิ้นหลุดต้องทำให้เมลิดาเจ็บจำมันไปจนวันตาย “ผมจะให้สิ่งที่คุณต้องการ....เมลิดา” ชายหนุ่มกดร่างหนาลงไปเพื่อชำแรกความแข็งแกร่งผ่านกลีบไม้งามโดยไม่ใส่ใจต่ออาการกระตุกคล้ายตื่นตระหนกของหญิงสาว ความบอบบางคล้ายฉีกขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยไม่นึกรู้เลยว่าการตอบสนองกลับมาของเขาเสี้ยวหนึ่งเจือปนด้วยความพยาบาทซึ่งหยั่งรากลึกอยู่ภายใน ทว่าเพียงครู่ความแรงร้อนกลับต้องผ่อนปรนเมื่อเสียงร้องไห้ของหญิงสาวฉุดกระชากความนึกคิดที่ข้นคลั่กไปด้วยความเคียดแค้นให้เจือจางลง ภูมิจำต้องเหนี่ยวรั้งโทสะซึ่งทำให้เขาลืมตัวกระทำรุนแรงโดยไม่คิดว่าเมลิดาก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งที่ร่างกายนั้นบอบบางและมิอาจต้านทานความป่าเถื่อนจากความแข็งแกร่งของบุรุษเพศได้ ท้ายที่สุดเขาจึงเลือกที่จะปฏิบัติต่อเธอเยี่ยงชายคนหนึ่งซึ่งต้องปกป้องและถนอมเธอไว้เยี่ยงคนรัก แม้หญิงสาวไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทว่าเธอก็มิได้นึกคลางแคลงใจด้วยรู้ว่าหนที่สองความเจ็บปวดก็ย่อมไม่แตกต่างไปจากหนแรกนั่นเลย “คนดีของผม.....อย่าร้องไห้....ไม่มีอะไร ผมจะปลอบคุณเอง” เขากระซิบข้างหูของเธอด้วยสำนึกแห่งความหวงแหนที่แทรกตัวกลับขึ้นมาอีก เมลิดาสบสายตากับชายหนุ่มที่ค่อย ๆ ขยับความกำยำออกมาและดันมันกลับสู่ทางคับแคบที่ยังบีบรัดแน่นหนาอย่างนุ่มนวลและไม่รีบเร่ง หญิงสาวคลายความเครียดลงและปล่อยให้เขาส่งตัวเองลึกเข้าไปในทางแสนแคบครั้งแล้วครั้งเล่าจวบจนเธอเองค่อย ๆ รับรู้ถึงอารมณ์ที่พุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อภูมิแน่ใจว่าเธอพร้อมที่จะก้าวข้ามไปสู่เขตแดนใหม่อันไกลโพ้นชายหนุ่มจึงเร่งพาเธอไปสู่ดินแดนนั้นที่มิอาจมีสิ่งใดกั้นขวางความต้องการในกันและกันระหว่างเธอกับเขาได้อีก เจ้าของร่างสูงใหญ่ดันตัวเข้าหาหญิงสาวเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมทั้งเสียงครางครวญอย่างสุขสมที่หลอมรวมอยู่กับสายลมยามอรุณรุ่งของวันใหม่ เมลิดาถอนใจคล้ายสิ้นแรงในอ้อมแขนของชายหนุ่มเมื่อความรักไหลท่วมอารมณ์ที่ดิ่งกลับลงสู่เบื้องต่ำอีกครั้ง เจ้าของลำแขนแข็งแรงยังคงทิ้งตัวอยู่ในร่างของหญิงสาวราวอยากปล่อยตัวเองให้แน่นิ่งอยู่ในความชุ่มฉ่ำนั้นนานแสนนาน   เมลิดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรับแสงจ้าที่อดเข้ามาทางช่องไม้แช่องหน้าต่างห้อง ร่างเปลือยพลิกตัวหงายและใช้มือป่ายแปะไปบนหมอนอีกใบที่มีแต่ความว่างเปล่า หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นพลางดึงผ้าห่มมาปิดทรวงอกกลมกลึงเอาไว้ เธอขยี้ตาและมองไปรอบ ๆ เห็นแต่เพียงชุดกระโปรงบางเบาวางกองอยู่ที่พื้นใกล้ประตู ภูมิกลับไปแล้วหรือ?.......เธอตั้งคำถามในใจ สักครู่จึงรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าที่มีสีแดงเรื่อขึ้นมา เขาคงไม่ตำหนิว่าเธอใจง่ายหลงรักผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ก็ในเมื่อคำตอบคือสิ่งที่เขาหลงเหลือไว้ในร่างกายของเธอแล้ว มันเป็นประจักษ์พยานแห่งความรักที่ยืนยันว่าต่างปรารถนาในกันและกันมากเพียงไหน เมลิดารู้สึกตกใจเล็ก ๆ ที่เมื่อมองนาฬิกาเวลาก็เคลื่อนไปเกือบถึงครึ่งวัน อีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงแล้ว ภูมิจะกลับมาตอนไหน.....เธอเฝ้าคิดถึงเขาก่อนตัดสินใจลุกจากที่นอนที่ผ้าปูยับยู่ยี่ซึ่งเปรียบเสมือนสมรภูมิรักอันร้อนแรงเมื่อตอนรุ่งสาง เจ้าของร่างบางอาบน้ำและใช้เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันทำอาหารอยู่ในครัวจนถึงเวลาเย็นย่ำ จากเที่ยงวันที่ดวงอาทิตย์แผดแสงกล้าจนราโรยลงเป็นแสงอันอบอุ่นเพียงประทับความแรงร้อนไว้ ณ เส้นขอบนภาตราบล่วงเข้าสู่ยามอัสดงเมื่อสุริยนลาลับฟากฟ้าและดวงจันทราฉายความงามแทนที่ เมลิดายังคงรอคอยเพื่อจะได้เห็นเงาบุรุษอันเป็นที่รักที่ประตูบ้านพักซึ่งเธอตระเตรียมไว้เย็นชืดจนหมดแล้ว หญิงสาวเฝ้ามองที่หน้าระเบียงบ้านเห็นก็แต่หาดทรายอันหงอยเหงาทอดตัวยาวไปจนสุดลูกตา เธอคงคล้ายระลอกน้ำล้อเข้าหาฝั่งอันเงียบงันมิเคยสำเหนียกถึงเสียงคลื่นลมที่โถมทับแม้เพียงน้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม