บทที่ 07 เป็นใครกันแน่?

1496 คำ
'แต่ที่ฉันต้องการคือตัวเธอ' ประโยคเดิมยังคงวนเวียนในหัวของฉันราวกับหนังที่ฉายซ้ำซ้อน ขณะที่สายตาฉันยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา พร้อมกับใบหน้าที่อึ้งทึ่งอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน นายนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน พึ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน หาเรื่องคัดค้านขัดขาฉันสารพัด แต่กลับบอกว่าอยากได้ตัวฉัน เหอะ… "คุณเป็นโรคจิตหรือไง!?" ฉันพูดออกไปเมื่อคิดไตร่ตรองอย่างดีแล้วว่าคนปกติไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ได้ เขาต้องมีอาการอะไรทางสมองแน่ๆ ถึงได้พูดประโยคที่น่าขนลุกหน้าตายแบบนี้ "…" แต่เขากลับเงียบ ตวัดสายตาคมกริบมองฉันราวกับกำลังบอกว่าเขาจริงจังในทุกสิ่งที่พูดออกมา "ถึงฉันจะสวยจนนายอยากได้ตัว แต่ฉันก็ไม่ง่ายที่จะไปกับนายหรอก ไอโรคจิต…ออกไปจากห้องฉันเลยนะ" ฉันบอกพร้อมกับผายมือเชิญเขาออกไปจากห้องไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวัน แต่มันก็เหมือนทุกครั้ง เขาเลือกที่จะนั่งลงเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วช้อนสายตามองฉันเหมือนเดิม "ได้…ถ้านายไม่ออก งั้นฉันออกเอง" ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป ไม่มีอะไรสะทกสะท้านเลยสักนิด งั้นคงต้องเป็นฉันเองสินะที่ควรถอยออกห่างคนโรคจิตไม่น่าไว้ใจแบบนี้ เขาป่วยเกินไปกว่าที่ฉันจะต้องสนทนาด้วย คิดได้แล้วก็รีบหยิบกระเป๋าชาแนลราคาแพงหูฉี่ติดมือ ก่อนที่จะมองเขาแวบสุดท้าย แล้วหันหลังเดินกลับไป "แน่ใจเหรอว่าจะเดินออกไป…" "…ดีเจอลิซ" กึก!!!!! รองเท้าส้นสูงสี่นิ้วชะงักเท้าเสียงดัง 'กึก' กับประโยคที่คนตัวสูงพูดออกมา ฉันเบิกตากว้างอ้าปากค้างยืนนิ่งกลางอากาศ เมื่อได้สติก็ค่อยๆ หันมาทางคุณฟินซ์ช้าๆ จนเห็นว่าตอนนี้เขากำลังตวัดสายตามองแล้วเหยียดยิ้มมุมปากให้ฉันอยู่ "ดะ ดีเจอลิซ…อะไรของคุณ ฉันไม่รู้จัก" ฉันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงติดขัด "หึ" จนเขาเหยียดยิ้มมุมปากมองฉัน ให้ตายเถอะ…นายนี่จะพูดน้อยไปถึงไหน ฉันชักจะรำคาญกับท่าทีลีลาท่ามากของเขาแล้ว "ฉันถามว่าคุณเรียกใครว่าดีเจอลิซ" ฉันกัดฟันกรอดถามด้วยน้ำเสียงที่เล็ดรอดไรฟันอย่างคนที่กำลังกักเก็บความอดทน รีบเก็บอาการพิรุธทั้งหมดที่เผลอลืมตัวในตอนแรก ค่อยๆ ปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วเอ่ยถาม เฉไฉทำเป็นไม่รู้เรื่องราวในสิ่งที่เขากำลังพูดถึง "เรียกเธอ…ดีเจอลิซ" "…" เงียบ "ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ?" "คุณเป็นใคร!?" ฉันยืนตั้งสตินิ่งแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 'ดีเจอลิซ' คือนามแฝงที่เป็นโลกอีกใบหนึ่งของฉัน เป็นชื่อที่มีคนรู้จักอยู่ไม่กี่คน และคนพวกนั้นก็คือคนที่ฉันรู้จักเท่านั้น เว้นอยู่แค่คนเดียว... "หึ!" "ฉันถามว่าคุณเป็นใคร" "ฉันว่าเธอคงนึกออกได้ไม่ยาก" "..." ความรู้สึกนึกไม่ออกในห้องประชุมเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ก้อนเนื้อด้านซ้ายเริ่มเต้นแรง เมื่อความรู้สึกกำลังเริ่มเฉลยช้าๆ ว่าใบหน้าที่คุ้นๆ ของเขานั้นเป็นใคร "นึกออกแล้ว?" "คะ คนในคืนนั้น..." "หึ..." "คนในคืนนั้นเป็นคุณใช่ไหม!? ไอโรคจิต! คุณตามฉันมาถึงที่นี่ ฉันจะแจ้งความ!" ฉันรีบถอยหลังกรูเมื่อความจริงถูกเฉลยจนหมด ตะคอกใส่หน้าเขาเสียงดังเมื่อความโมโหในเรื่องสามปีที่แล้วในคืนนั้นตามกลับหลอกหลอนฉันอีกครั้งหลังจากที่เกือบลืมเสียสนิทแล้ว ความขุ่นเคืองใจกลับมากับคนๆ เดิมที่เป็นต้นเหตุในหลายเหตุการณ์แต่วันเดียวกัน และไม่น่าเชื่อว่าไอโรคจิตที่ยังฝังใจฉันในคืนนั้นมันยังตามหลอกหลอนฉันไม่เลิก เข้าถึงตัวฉันโดยการใช้ธุรกิจเป็นข้ออ้างเพื่อจะให้ฉันไปเป็นนางบำเรอกามของเขาอีก น่ารังเกียจที่สุด! "คืนนั้น? แจ้งความเรื่องอะไร?" เขาหยัดยืนขึ้นแล้วค่อยๆ เดินมาหาฉันช้าๆ "ก็เรื่องที่คุณขะ…" ฉันชะงักแล้วมองหน้าเขาโดยทึ่ไม่กล้าพูดต่อ "อะไร?" "คุณวางยาฉัน!" สุดท้ายฉันก็เปลี่ยนมาใช้คำอื่นแทนคำว่า 'ข่มขืน' ที่แทรกเข้ามาในหัว ตอนนี้ฉันมั่นใจสุดๆ ว่าคนโรคจิตในคืนนั้นคือเขาแน่ๆ "วางยา?" "ไอเลว!" ฉันตอกใส่หน้าเขาด้วยความหมดความอดทน "ฉันไม่ได้ทำ" ไม่ยอมรับงั้นเหรอ!? "ทำอะไร?" เขามองตามมือฉันที่อยู่ๆ ก็ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ฉันรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมด เดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกสองเม็ด นายนี่ได้แต่ยืนมองการกระทำของฉันนิ่งๆ ปล่อยให้ฉันทำตามใจจนกระดุมสองเม็ดถูกเปิดออกสำเร็จฉันก็รีบแหวกเสื้อออกทันที "รอยสักรูปฟีนิกซ์ ใช่คุณจริงๆ ด้วย!" ทันทีที่รู้ความจริงที่มั่นใจเอามากๆ ฉันก็รีบถอยหลังหนี ตามคาดรอยสักที่หน้าอกข้างขวาเป็นรูปนกฟีนิกซ์จริงๆ ฉันจำได้ดี เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ฉันเห็นชัดที่สุดในความไร้สติของฤทธิ์ยาในคืนนั้น "หึ" คุณฟินซ์กระตุกยิ้มมองหน้าฉัน เขาติดกระดุมตัวเองกลับช้าๆ ขณะที่สายตาก็จดจ้องที่ฉันตลอดเวลา เถียงไม่ออกเพราะจำนนต่อหลักฐานน่ะสิ! "เธอจำรอยสักฉันแม่นดีนี่…" "อย่าคิดไปเอง ฉันไม่ได้พิสวาท แต่ที่ฉันจำแม่นเพราะเมื่อถึงเวลาฉันจะเอาคนอย่างคุณเข้าคุก!" "หึ" "ยิ้มบ้าอะไรของคุณ อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า" "คิดดีๆ สิสาวน้อย เธอคิดว่ามันคุ้มค่าเหรอกับการที่เธอจะเปิดเผยตัวตนของดีเจอลิซให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะ…พ่อของเธอ" ฉันยืนนิ่งทันทีที่เขาเอ่ยจบ นายนี่รู้ได้ยังไงว่าทุกอย่างเกี่ยวกับการเป็นดีเจของฉันเป็นความลับ แถมยังรู้จุดอ่อนที่สุดของฉันอีกว่าคนที่ห้ามรู้เรื่องนี้เด็ดขาดคือปาป๊าของฉัน "คุณเป็นใครกันแน่" เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ดูจากบอดี้การ์ดและข้อมูลต่างๆ ของฉันเขาต้องไม่ใช่บอร์ดบริหารทั่วไปอย่างคนอื่นเขา เขาดูรู้จักฉันเสียทุกอย่าง ราวกับติดตามชีวิตฉันอยู่ตลอดเวลา "เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แต่สิ่งที่เธอควรรู้และควรทำคือ…เตรียมตัวเป็นผู้หญิงของฉันก็พอ" ว่าจบคนโรคจิตก็เดินผ่านหน้าฉันไป ฉันได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่เขาพึ่งเอ่ยจบ เตรียมตัวเป็นผู้หญิงของเขาหมายความว่าอะไร? ฉันต้องไปเป็นทาสบำเรอกามให้เขางั้นเหรอ!? "ฝันไปเถอะ ไอบ้า ไอเลว ไอโรคจิต!" ทันทีที่ได้สติฉันก็พ่นคำด่าใส่เขาสารพัด แต่ก็ไม่ทันเมื่อตาบ้านั้นเดินเปิดประตูออกไปแล้วกลับเป็นพี่ตาลที่รีบวิ่งเข้ามาแทน "คุณลิลินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?" "ต่อไปอย่าให้ไอบ้านั้นเข้ามาในห้องลินอีกนะคะ ก้าวเท้ามาเมื่อไหร่พี่ตาลสั่งให้การ์ดไล่ออกไปเลยนะ" ฉันพูดออกไปด้วยความโมโห เดินกระแทกเท้าตึงตังลงไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสูงอยากขยำตาบ้านั้นให้แหลกคามือ "เอ่อ…คุณลินคะ แต่เรายังต้องทำงานกับคุณฟินซ์นะคะ ท่านประธานกำชับฉันมาแล้วด้วยค่ะ" พี่ตาลก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ทำเอาความดับเย็นที่เริ่มใกล้เข้ามาหนีหายไปอีกครั้ง เหลือเพียงความร้อนรุ่มที่แทบอยากจะแผดออกมาให้สุดเสียงเมื่อฉันไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย "วันนี้ลินไม่มีงานที่ไหนต่อแล้วใช่ไหมคะ?" ฉันพยายามกดอารมณ์ให้จมลึกไว้ก่อน เหลือบตาถามพี่ตาลด้วยความใจเย็นให้ได้มากที่สุด ถึงข้างในจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม "ไม่มีแล้วค่ะคุณลิน" "งั้นวันนี้ลินขอเลิกงานเร็วนะคะ พี่ตาลก็กลับได้เลยค่ะ" ฉันว่าจบก็รีบคว้ากระเป๋าหรูเดินออกจากห้องทันที ต้องหาทางระบายความเครียดให้ได้เดี๋ยวนี้ ก่อนที่มันจะปะทุระเบิดออกมาโดยไม่สนใจใคร "ฉันจะไปห้าง" ฉันเอ่ยกับบอดี้การ์ดสองคนหน้าห้อง ก่อนที่จะกดลิฟต์ลงมาชั้นลานจอดรถไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาคนที่มาเดินคลายเครียดเป็นเพื่อนแล้วรีบขับรถเหยียบมิดออกไปทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม