"ปาป๊า!" ฉันรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้บริหารแล้วกระแทกเท้าเสียงดังเหมือนเด็กไม่พอใจในของเล่น จนป๊าที่นั่งอยู่บนโซฟาราวกับรอฉันอยู่ก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตานิ่งๆ ผิดกับนิสัยปกติของท่าน
"หนูไม่เข้าใจว่าทำไมป๊าต้องให้หนูทำงานกับตาบ้านั้น เขาหักหน้าหนูกลางประชุมเลยนะ" ฉันรีบฟ้องยกใหญ่ปล่อยตัวลงนั่งข้างผู้เป็นพ่อ
"มันคือหน้าที่ของบอร์ดบริหารที่ต้องคอยเตือนสติเรา หนูก็รู้ไม่ใช่เหรอ?" ป๊าบอกฉันอย่างใจเย็น
"หนูรู้ค่ะ แต่แบบนี้มันแรงเกินไป งานหนูไม่เคยโดนติเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างเขาก็มาใหม่ ทำไมถึงมาบอกว่างานหนูไม่มีคุณภาพ!"
"เพราะคนอื่นเขาเกรงใจป๊า"
"…" ฉันเงียบลงทันที
ป๊าเข้าข้างเขา!
"คนแบบนี้แหละที่ป๊าอยากได้มาทำงานด้วย เขากล้าที่จะติเตือนเรา แล้วสิ่งที่เขาพูดก็คือเรื่องจริง หนูต้องรับฟังและไม่ควรใช้อารมณ์ในที่ประชุมแบบนั้น"
"หนูไม่ได้ใช้อารมณ์"
"ลิลิน…การบริหารบริษัทไม่ได้ง่ายเหมือนที่ลูกคิด ยิ่งเรามีคู่แข่งทางการค้าเยอะ เราก็ยิ่งต้องอุดช่องโหว่เพื่อไม่ให้บริษัทอื่นมาโจมตีบริษัทเราได้ง่ายๆ คุณฟินซ์เขาทำถูกแล้ว"
"แต่หนูไม่ชอบหน้าเขา หนูทำงานกับเขาไม่ได้"
"ต่อไปหนูต้องทำงานกับคนอื่นตั้งมากมาย หนูไม่ควรเอาอารมณ์ส่วนตัวมาตัดสินว่าจะไม่ทำงานร่วมกับใครคนไหน"
"แต่ป๊า…" ฉันทำเสียงอ้อยอิ่ง เบะปากเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจเมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองเถียงต่อไม่ได้
"คุณฟินซ์ไม่ใช่คนที่ยอมที่จะร่วมงานกับใครก็ได้ ทุกคนต่างต้องการตัวเขาทั้งนั้น ซึ่งเราโชคดีที่ได้สิทธินั้น ถ้าหนูอยากให้ไลอ้อนกรุ๊ปพัฒนาแบบก้าวกระโดด หนูต้องทำงานกับเขา" พูดขนาดนี้แล้วฉันจะกล้าปฏิเสธป๊าได้เหรอ ถ้าเขาเก่งขนาดนั้นจะยอมมาเป็นบอร์ดบริหารให้บริษัทฉันทำไม ว่างนักก็เอาเวลาไปทำงานของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ…ชิ
"ก็ได้ค่ะ หนูทำเพื่อไลอ้อนกรุ๊ปก็ได้" สุดท้ายฉันก็ได้แต่บ่นคำพวกนั้นอยู่ในใจแล้วคอตกยอมทำตามที่ป๊าสั่ง ด้วยเหตุผลและความรับผิดชอบที่ฉันไม่สามารถหลีกหนีได้ ใช่ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ฉันต้องไม่ใช่เด็กน้อยที่เอาแต่ใจไม่ยอมรับผลประโยชน์ของบริษัทตัวเองแบบนั้น
"ลูกสาวป๊าเก่งมาก" มือหนาลูบหัวฉันเบาๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ เราคุยกันนอกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงานสักพักฉันก็ถูกอันเชิญจากผู้เป็นพ่อให้ออกไปทำงานต่อ
"อีกสิบนาทีจะถึงเวลาคุยเรื่องโปรเจ็คใหญ่ค่ะคุณลิน" พี่ตาลเดินมาบอกฉันที่กำลังนั่งไล่อ่านเอกสารอยู่ในแฟ้ม จนฉันพยักหน้ารับเข้าใจเลขาสาวก็รีบเดินออกไป
ผ่านไปสักพัก
ก็อก ๆ
"เชิญค่ะ" ฉันปิดแฟ้มเอกสารแล้วเอื้อมมือไปรับเอกสารอีกเล่มที่เกี่ยวกับโปรเจ็คที่ฉันได้รับหน้าที่มอบหมายให้ทำ วันนี้ฉันนัดกับหัวหน้าทีมพูดคุยเรื่องโปรเจ็คเพื่อต้องการวางแผนโครงสร้าง ต้องรีบทำงานตามแผนการเพื่อลบล้างคำดูถูกที่บอกว่าฉันทำงานไม่ได้คุณภาพ และพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าคนอย่างฉันไม่ได้อ่อนประสบการณ์และไร้ประสิทธิภาพอย่างที่เขาว่า
"คุณ!" ฉันเบิกตากว้างเมื่อคนที่เข้ามาดันไม่ใช่หัวหน้าทีมที่ฉันต้องการจะคุยด้วย แต่เป็นคุณฟินซ์คนที่ฉันเจอเมื่อเช้าในห้องประชุม เขาเดินตรงมานั่งตรงข้ามฉันหน้าตาเฉยโดยไม่รอคำอนุญาตจากฉันเลยสักคำ
"คุณมาทำไม?" ฉันเอ่ยถาม
"มาทำงาน" เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ
"ฉันไม่ได้นัดคุณไว้ ถ้าจะคุยกรุณารอเวลานัดใหม่ วันนี้ฉันไม่ว่าง เชิญคุณออกไปค่ะ" ฉันผายมือไปทางประตูทางออกที่เขาเดินเข้ามา แต่คนตรงข้ามก็นั่งนิ่งๆ ใช้สมาธิอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจ็คโดยที่ไม่สนใจประโยคเชิญไล่ของฉันแม้แต่น้อย
"นี่คุณคะ ฉันไล่ขนาดนี้แล้ว เชิญค่ะ"
"เมื่อไหร่จะเริ่มคุยงาน" ไม่คิดจะฟังกันหน่อยหรือไง เขาเงยหน้ามาถามฉันทั้งที่ฉันยังออกปากไล่ไม่หยุด
"คุณฟินซ์!" เริ่มหมดความอดทนแล้วนะ!
"ฉันได้เป็นที่ปรึกษา ลืม?"
"ฉันไม่ได้ลืม แต่คุยกับหัวหน้าทีมไม่จำเป็นต้องมีคุณ ฉันทำของฉันเองได้"
"…" เขาตวัดสายตามามองฉันเหมือนเอือมระอา ถึงไม่พูดออกมาแต่แววตาเขากำลังสื่อว่าให้ฉันเงียบปาก ฉันคิดไม่ผิดแน่ๆ
"นี่!"
ก็อก ๆ
อารมณ์ฉันกำลังพุ่งขึ้นสูงปรี๊ดแต่อยู่ๆ เสียงเคาะประตูก็เหมือนเสียงที่ช่วยเขาไว้ไม่ให้โดนฉันด่า ฉันเก็บฮึบความขุนมัวทั้งหมดไว้ในใจ ก่อนที่จะกัดฟันกรอดแล้วเปล่งออกมาลอดไรฟันให้คนข้างนอกได้ยิน
"เชิญค่ะ" สายตาฉันยังมองแต่เขา แต่เป็นการมองที่จะกินเลือดกินเนื้อเอาให้ได้ แม้ว่าอีกคนจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ตาม
"คุณลินคะ หัวหน้าทีมที่จะเข้ามาพบวันนี้เกิดอุบัติเหตุมาไม่ได้ค่ะ"
"หะ ห้ะ?" ทันทีที่พี่ตาลพูดจบสมองของฉันก็หันไปโฟกัสที่เลขาจนลืมความโกรธเมื่อครู่เสียสนิท
"ทางทีมเพื่งจะโทรมาบอกเมื่อครู่ค่ะ"
"เรียกอีกทีมมา" คนตัวสูงยืนขึ้นแล้วล้วงมือสั่งเลขาฉันประหนึ่งว่าเป็นคนของตัวเอง
"เอ่อ…" พี่ตาลอึกอักแล้วมองมาทางฉัน จนฉันต้องรีบพูดอธิบายแทน
"มีแค่ทีมเดียว"
"??" คุณฟินซ์มองหน้าฉันนิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยคำถาม ปกติฉันก็ไม่เคยมีทีมสำรองสักหน่อย อุบัติเหตุเช่นนี้ใช่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ฉันจึงไม่เคยสำรองอะไรไว้...ไม่ใช่เรื่องแปลก
"ไม่มีทีมสำรอง"
"ทำโปรเจ็คมาได้ยังไงตั้งหนึ่งปี" เขาถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ ใบหน้าที่แสดงออกตอนนี้กำลังแสดงออกว่าเขากำลังดูถูกฉันอีกแล้ว
"ถ้ามันขัดตาขัดใจมากก็ไม่ต้องทำ ฉันก็ไม่อยากร่วมงานกับคุณมากหรอก ถ้าป๊าไม่สั่งให้ฉันทำ ฉันไม่มีทำงานร่วมงานคนอย่างคุณแน่"
"ความคิดเด็กน้อย"
"นี่!…"
"ออกไปก่อน ฉันจะคุยกับเจ้านายเธอ" นายฟินซ์ปรายตาไปบอกพี่ตาล ขณะที่พี่ตาลก็ยืนนิ่งไม่ยอมเดินออกไป แน่นอนถ้าไม่ใช่ฉันที่สั่ง เลขาฉันก็ไม่ทำตามหรอก
"พี่ตาลออกไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลินจัดการเอง" พอฉันพูดจบพี่ตาลก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ฉันจึงหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง คราวนี้อยู่กันสองคนแล้ว ค่อยออกปากเถียงกันง่ายหน่อย
"กลับไปสิ วันนี้ไม่มีประชุม หมดหน้าที่ของคุณแล้ว"
"…" นิ่ง
"นี่ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่ เกลียดฉันไม่ชอบฉันก็ไม่ต้องมาอยู่ใกล้ๆ แค่เจอกันเวลางานก็เกินพอแล้ว"
"ฉันกลับแน่ถ้าได้ในสิ่งที่ต้องการ" เขาปิดแฟ้มเอกสารลงแล้วลุกขึ้นมายืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงประชันหน้ากับฉัน ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนฉันชะงักไม่ทันตั้งตัว
"ต้องการอะไร?" รีบถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อออกห่าง ก่อนที่จะถามถึงความต้องการของเขา เพื่อให้เขาออกไปให้พ้นๆ จากสายตาฉันสักที
"เธอ"
"อะไร?"
"ฉันไม่ได้เรียก แต่ที่ฉันต้องการคือตัวเธอ"