และตอนนี้ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขาเลยสักคนเอาแต่ซ้ำเติมที่เขาตัดสินใจถอนหมั้นเติมฝันทั้งที่เขาแค่อยากมีชีวิตที่อิสระไม่ต้องผูกมัดกับใครแค่นั้นเอง
"แต่จริงๆเพื่อนเติมใจก็หล่อน้า คนที่มากดหัวใจให้เติมฝันบ่อยๆไงจำได้ป่ะ"
"อ่อ อาร์ตี้ใช่มั้ยจำได้สิ สองวันก่อนทักไอจีเรามาอยู่เลยแต่จะว่าไปก็หล่อนะคนนี้"
เติมฝันเอ่ยออกมาติดตลกหัวเราะคิกคักกับน้องสาวฝาแฝดและเธอตั้งใจจะพูดแบบนั้นเพราะว่าอยากให้ชายหนุ่มหึงหวงเธอบ้าง และเหมือนจะได้ผลเพราะเขาในตอนนี้ใบหน้าบึ้งบูดไม่รับแขก
"เติมใจรักเฮียป่ะ"
"ยุ่งกับผู้หญิงของกู"
"น้องกูโว๊ยไอ้นี่"
สองหนุ่มเริ่มมีปากเสียงกันอีกครั้ง เติมใจมองเฮียธันย์ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ เธอเดาไม่ผิดว่าเขาก็รักและห่วงเติมฝันมากแต่ไม่รู้ว่ามันคือสถานะไหนแค่นั้นเอง
"เฮียไม่ต้องหน้างอเลยค่ะ เฮียบอกเองว่าไม่ได้รักเติมฝันในเชิงชู้สาวแต่รักในแบบพี่ชายน้องสาว เพราะงั้นต่อจากนี้ไปเฮียก็ดูแลในแบบพี่ชายที่แสนดีก็พอนะคะ ใช่มั้ยฝัน"
เติมฝันหันไปมองน้องสาวก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เธอเองก็เตรียมใจไว้แล้วและอยากจะตัดใจจากเขาให้ได้ เพราะอีกหน่อยเธอจะต้องเห็นเขาควงคนนั้นคนนี้ไปทั่วถึงตอนนั้นเราสองคนอาจจะกลับมาเป็นพี่น้องกันแบบสนิทใจ
"อื้ม เฮียไปเถอะค่ะไปหาผู้หญิงที่เฮียรักเถอะ ฝันรู้แล้วว่าตอนนี้สถานะเราสองคนเป็นยังไงและหลังจากนี้ไปฝันจะไม่ห้ามไม่ขู่และไม่วุ่นวายกับชีวิตของเฮียอีกต่อไป"
พูดจบเติมฝันก็ลุกขึ้นจากห้องอาหารเดินออกไปทันที น้ำตาเอ่อล้นขอบตาออกมาอีกครั้งและครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะเลิกคาดหวังว่าเขาจะกลับมาหา ชีวิตต้องเดินหน้าต่อและเธอเองก็ควรจะหาอะไรทำให้ชีวิตไม่ฟุ้งซ่าน
ธันย์นั่งนิ่งอยู่ไม่ขยับเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงกับคำพูดแสนเย็นชาของน้องสาวตัวแสบ คำว่าไม่วุ่นวายมันฟังดูเจ็บไม่น้อยสำหรับเขา มาร์ชถอนหายใจออกมาเล็กน้อยยื่นมือไปแตะบ่าเพื่อนก่อนจะตบเบาๆเรียกสติเขา
"ถ้าแกอยากมีชีวิตของตัวเองอยากคบกับผู้หญิงที่แกรักก็ทำเถอะ แต่อย่าทำนิสัยหวงก้างมันไม่ใช่แกเลยนะเว้ย เติมฝันเป็นน้องสาวและถ้าแกรู้ใจตัวเองว่าไม่ได้รักน้องในเชิงชู้สาวก็ดีแล้ว รู้ใจตัวเองเร็วจะได้ไม่ต้องยืดเยื้อไงจริงมั้ย"
"กูทำถูกใช่มั้ยวะ..."
"เติมใจว่าเฮียทำถูกต้องแล้วค่ะ ไม่รักก็บอกมาตรงๆง่ายแค่นี้เองไม่มีอะไรซับซ้อน ส่วนเติมฝันเดี๋ยวให้คุณแม่คุยเองค่ะไม่ต้องห่วงนะ"
คำปลอบใจของสองคนนี้ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลยแต่กลับกันเขารู้สึกรับไม่ได้ถ้าเกิดว่าเติมฝันจะมีผู้ชายคนอื่น ตอนนั้นเขาแค่อยากเอาใจน้องนิ่มเลือกที่จะมาขอถอนหมั้นเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ยอมคบกับเขาแต่พอถอนหมั้นแล้วทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ได้ดีใจเลย อารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาตัดสินใจเร็วไปหน่อยจนตอนนี้มันบานปลายแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
หลายวันต่อมา..
เติมฝันมองหน้าจอโทรศัพท์เห็นข้อความของเฮียธันย์ที่ส่งมาก็ปัดออกเพราะยังไม่อยากคุยกับเขาในตอนนี้ และล่าสุดเธอเห็นโซเชียลของผู้หญิงคนหนึ่งลงรูปกับเฮียธันย์และไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมด้วย
"ผู้ชายเจ้าชู้คงไม่รักใครจริงหรอก..."
หญิงสาวนั่งร้องไห้ออกมาอีกครั้งด้วยความเสียใจ เขาก็พยายามทักมาคุยแต่เธอเองที่ทำใจไม่ได้ในการจะคุยกับเขาในตอนนี้ ดาหวันเคาะประตูหน้าห้องได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากลูกสาวอีกคนแต่ยังไม่ได้บอกคนเป็นพ่อเพราะคิดว่ายังไม่จำเป็น
"มามี้"
เติมฝันเห็นหน้าคุณแม่ที่เปิดประตูเข้ามาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักก่อนจะวิ่งมาสวมกอดคนเป็นแม่ไว้อย่างหาความอบอุ่น ดาหวันลูบผมลูกสาวด้วยความเอ็นดูไม่คิดว่าลูกจะรักคู่หมั้นมากขนาดนี้ทำเอาเธอสงสารลูกจับใจ
"ตัดใจนะลูกพี่เค้าไม่ใช่คู่เรา"
"ฮึก! ทำไมเฮียถึงรักฝันไม่ได้คะมามี้"
"ของแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ค่ะลูก รักกันชอบกันมันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่รักมันไม่มีทางไปต่อได้"
"หนูเจ็บค่ะมามี้ เฮียเค้าขอถอนหมั้นกับหนูไม่แคร์เลยว่าหนูจะรู้สึกยังไง นี่ยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะบอกปะป๊ายังไงถ้าไปร้องไห้ให้เห็นเฮียธันย์จะโดนอีก"
เธอปาดน้ำตามองหน้าคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าเจ็บปวด เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าทำดีกับเขาทุกอย่างแต่เขาไม่เคยมองเห็นมันเลยสักครั้ง
"หนูดูไร้ค่ามากเลยใช่มั้ยคะ"
"คนเรามีคุณค่าในตัวเองค่ะลูก หนูสามารถสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้นะผู้ชายไม่เห็นค่าแต่คนอื่นไม่ใช่ว่าจะไม่เห็น"
เธอรับฟังคำสอนของคนเป็นแม่ด้วยความตั้งใจ หญิงสาวพยักหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
"หนูอยากเป็นดาราค่ะ อยากเป็นดาราเหมือนมามี้ค่ะ"
"อะ...อะไรนะ หนูเนี่ยนะจะเป็นดารา"
ดาหวันถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าลูกสาวอยากจะเจริญตามรอยของเธอ แต่ดูท่าทางน่าจะไม่ได้อยากเป็นอย่างเดียวน่าจะมีจุดประสงค์อื่นด้วย
"ทำไมคะหนูสวยไม่พอเหรอ"
"สวยสิคะลูกสาวของมามี้สวยมาก แต่ว่าการเป็นดารามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะลูก มันจะเสียเวลาความเป็นส่วนตัวไปเยอะมากไหนจะกฎเยอะแยะที่ต้องปฏิบัติตาม อย่างช่องของอาจาเค้ามีกฎที่ต้องปฏิบัติคือหนูห้ามมีข่าวเสียหายกับผู้ชาย ห้ามมีแฟน และอีกหลายอย่างมามี้กลัวหนูอึดอัด"
"หนูทำได้ค่ะเพราะหนูก็ไม่ได้มีแฟน อีกอย่างหนูจะตัดใจจากเฮียธันย์ได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ กฎพวกนั้นจะทำให้เราสองคนห่างกันและถึงตอนนั้นหนูจะตัดใจได้ค่ะ"
ดาหวันเงียบไปอย่างคิดหนักว่าจะสนับสนุนลูกไปในทางนี้ดีรึเปล่า แต่คิดว่าถ้าลูกทำแล้วสบายใจก็จะให้ทำไม่บังคับส่วนสามีไม่ขัดใจเธอหรอกรายนั้นตามใจอยู่แล้ว
"ก็ได้งั้นแต่งตัวสิแม่จะพาไปหาป้ามอลลี่กับอาจากัวร์"
"ได้ค่ะ"
เติมฝันยิ้มออกมาก่อนจะรีบลุกขึ้นไปแต่งตัว ป้ามอลลี่คือคนที่ปั้นคุณแม่จนเป็นดาราดังและมีชื่อเสียง หลังจากนี้เธอจะตั้งใจทำงานจะเลิกฟุ้งซ่านคิดถึงเฮียธันย์ รับรองเลยว่าเธอตัดใจจากเขาได้แน่นอน
หลังจากวันนั้นเติมฝันก็ได้เซ็นสัญญาเป็นดาราในสังกัดในช่อง88 โดยมีจากัวร์และปาแปงรับรู้ทุกอย่าง พวกเธอทั้งสองคนรู้สึกผิดกับสาวน้อยคนนี้จึงตามใจทุกอย่างที่เธออยากจะเรียกร้อง
"ต่อจากนี้ไปเติมฝันเป็นเด็กในสังกัดของช่องอาแล้ว และคนที่จะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหนูคือพี่นางฟ้า พี่นางฟ้าเป็นผู้จัดการดาราดังหลายคนและเป็นเด็กปั้นของป้ามอลลี่เค้าด้วย"
"สวัสดีค่ะน้องเติมฝัน พี่นางฟ้านะคะ"
"สวัสดีค่ะพี่นางฟ้าเติมฝันนะคะฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ"
"ว่าแต่เจ้าธันย์รู้รึเปล่าว่าหนูมาเป็นดาราในสังกัดของช่อง"
จากัวร์ถามเติมฝันเสียงอ่อนโยน หญิงสาวส่ายหน้าทันทีเพราะตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์หรือคุยอะไรกับเขาอีกเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น ตอนนี้เขาคงมีความสุขกับผู้หญิงมากมายที่เขาหมายปอง ส่วนน้องสาวอย่างเธอที่เขาไม่เคยรักก็คงต้องแยกย้ายกันไปเติมโต
"ไม่รู้สิคะหนูไม่ได้คุยกับเฮียเลยค่ะ"
"ช่างเถอะรู้ไปก็ทำไรไม่ได้ หน้าที่รองประธานไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกนักแสดงอยู่แล้ว ไม่บอกก็คงไม่เป็นไรแหละ"
"งั้นหนูไปถ่ายรูปก่อนนะคะคุณอา"
"ตามสบายเถอะลูก นางฟ้าดูแลเติมฝันให้ดีนะคนนี้หลานสาวผมเองอย่าให้ใครมายุ่งล่ะ"
"รับทราบค่ะบอส..."