“ตอนน้องเหนือไปนั่งรอคุณหนาวที่โรงแรม พี่นุชบอกน้องเหนือว่าคุณหนาวไม่เคยดุต่อให้ใครทำผิดก็ตาม”
“ใครว่าล่ะคะ ถ้าทำผิดคุณหนาวก็ต้องดุอยู่แล้วล่ะค่ะ เผลอๆ ก็ตีด้วยเหมือนที่คุณหนาวทำกับพี่หน่อยพี่หนิงไงคะ”
“จริงเหรอคะ แล้วถ้าน้องเหนือทำผิดคุณหนาวจะดุหรือตีน้องเหนือไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ! ถ้าน้องเหนือไม่ได้ตั้งใจคุณหนาวจะไม่ดุหรอกค่ะ”
“คุณหนาวใจดีแล้วก็น่ารักที่สุดเลยค่ะ น้องเหนือรักคุณหนาวค่ะ”
สาวน้อยอ้าสองแขนออกแล้วกอดผู้ปกครองหนุ่มไว้ด้วยความดีใจและไร้เดียงสาโดยสิ้นเชิง แต่นั่นกลับทำให้คนถูกกอดใจไม่ดีเลยสักนิด ด้วยเขารู้ว่า ‘เด็กไม่ได้คิดอะไร’ แต่กับ ‘ผู้ใหญ่’ อย่างเขานี่ สิมันกลับมีความคิดอกุศลแว้บเข้ามาในหัวใจ แต่ก็พยายามควบคุมความรู้สึกไม่ให้แตกแถวแล้วรีบหาหนทางรอด
“ยิ้มได้แบบนี้แปลว่าหายเศร้าแล้วล่ะสิคะ งั้นน้องเหนือรีบลุกไปล้างหน้าล้างตานะคะ จะได้ลงไปซ้อมเพลงต่อ ใกล้วันมาทุกทีแล้วยังเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย”
“ค่ะ”
ตอน ๔
“อย่าลืมตอนบ่ายโมง ต้องไปดูน้องเหนือขึ้นเวทีนะคะคุณหนาว”
เลขาสาวใหญ่เตือนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและไร้กังขาใดๆ ในตัวเจ้านายที่เกรงกลัวว่าจะมีอะไรลึกซึ้งกับลูกสาวเจ้านายคนก่อนนั้นหมดสิ้นไปจากใจ รวมทั้งพนักงานเกือบทุกคนด้วย เพราะสองปีที่ผ่านมานี้ เจ้านายไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้เป็นที่ติฉินนินทาได้เลย แม้ในบางครั้งจะมีการหอบหิ้วเด็กสาวมาสอนถึงในออฟฟิศบ้าง
แต่บานเกร็ดตรงหน้าต่างห้องทำงานของเจ้านายจะถูกเปิดไว้ให้ใครต่อใครได้เห็น ประหนึ่งจะแสดงความบริสุทธิ์ใจบอกใบ้ให้ทุกคนได้รู้ว่าที่ผ่านมาต่างก็คิดผิดทั้งนั้น นั่นย่อมพิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้านายเป็นคนดีและเป็นคน ‘รักษาคำพูด’ สมกับที่ได้ยินคนร่ำลือกันมาจริง
“ใกล้ๆ ช่วยเตือนผมอีกทีก็แล้วกันนะครับ แล้วก็ช่วยหาคนขับให้ผมที เช้านี้ยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เลย”
ภีมวัจน์บอกเสียงนุ่มนวลแล้วเดินเข้าห้องประชุมไป พอเสร็จก็เข้าออฟฟิศเซ็นเอกสารเป็นปึกๆ จากนั้นก็ลงไปหารถเพื่อไปงาน อาหารเที่ยงเป็นแซนด์วิชกับน้ำเปล่าที่เลขาผู้รู้ใจจัดมาให้เรียบร้อย ถูกเขาจัดการตอนนั่งไปในรถ อิ่มก็พอดีถึงโรงเรียน
“ป้าจ๋าให้ไลมารอรับค่ะกลัวคุณหนาวไปหอประชุมไม่ถูก”
เขาตามวิไลไปด้วยท่วงท่าสบายๆ ไม่เร่งรีบ ก้าวเดินด้วยท่าทีสง่างามสมชายชาตรีที่ใครเห็นแล้วก็มักจะเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเขา ‘สง่างามประหนึ่งเกิดในตระกูลผู้ดีเก่าก็ไม่ปาน’ พอนั่งลงได้ไม่นาน อาจารย์ก็ออกมาประกาศว่าเป็นคิวของใคร เสียงปรบมือดังเกรียวกราวขึ้น
แล้วหัวใจอันแข็งแกร่งของเขาก็กระตุกเต้นอย่างรุนแรง เมื่อเห็นเด็กในปกครองที่เคยสวยใสไร้เครื่องแต่งแต้มทุกวี่วัน กลับกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง ด้วยฝีมือการแต่งหน้าอันประณีตเต็มรูปแบบ ด้วยเดรสผ้าชีฟองสีขาวสะอาดตายาวลงไปถึงข้อเท้า ด้านบนเป็นเกาะอกเผยให้เห็นช่วงไหล่ระหงทั้งสองข้างขาวนวลเนียน
ดีที่มีผมยาวตกลงมาปกปิดแผ่นหลังเอาไว้ไม่ให้ดูโป๊เปลือยเกินไป ทว่าตรงช่วงเนินอกงดงามสมวัยนั้นไม่มีอะไรปกปิดไว้ แต่ภีมวัจน์ก็เชื่อว่าแทบจะทุกสายตาคงไม่ได้จ้องมองตรงจุดนั้น มากไปกว่านิ้วขาวยาวเรียวที่กำลังกดสลับสับหว่างลิ่มขาวกับดำอย่างคล่องแคล่วเป็นแน่แท้
‘ว่ากันว่าดนตรีหรือเสียงเพลงสามารถเนรมิตให้คนขี้เหล่กลายเป็นหล่อหรือสวยได้’
ภีมวัจน์เห็นด้วยตามนั้นมานานนม ส่วนคนสวยคนหล่ออยู่แล้ว ก็ยิ่งส่งให้ดูดีน่ามองเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว ยิ่งตอนนี้ไม่มีใครมาคอยจับจ้อง เขาจึงปล่อยตาให้มองไปยังเจ้าของใบหน้าสวย เรือนร่างมีส่วนเว้าโค้งครบครันอย่างมีอิสระและเนิ่นนานกว่าทุกครั้ง กระทั่งเสียงปรบมือของผู้คนปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
เขายังคงนั่งดูการแสดงชุดต่อไปอยู่ครู่ใหญ่ แล้วค่อยหลบออกมา เพราะไม่อาจจะหลีกเลี่ยงงานไปไหนได้ ยิ่งอยู่ในช่วงตักตวงกำไรเข้ากระเป๋าแบบนี้ อีกทั้งยังมีประชุมบ่ายสามด้วย กันยาเดินตามมาไม่ห่าง มีสาวน้อยในชุดสีขาวสะอาดตาเดินเคียงข้างมาติดๆ
“คุณหนาวจะกลับแล้วเหรอคะ”
เสียงใสๆ เอื้อนเอ่ยพร้อมกับสองเท้าก้าวเร็วๆ มาหาเขา และแม้จะอยากมองใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์เข้มกว่าปกติสักแค่ไหน แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะมีสายตาของคนในบ้านจับจ้องอยู่ เลยเพียงแค่มองเผินๆ ก่อนจะส่งยิ้มและตอบออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ค่ะ คุณหนาวมีประชุมตอนบ่ายสาม น้องเหนือเล่นได้ดีมากเลยค่ะ ไม่เสียแรงที่ซ้อมอยู่เป็นเดือนๆ”
“จริงเหรอคะ แล้วคุณหนาวชอบมั้ยคะ”
สาวน้อยส่งสีหน้าตื่นเต้นกับคำชมนั้น “จริงสิคะ คุณหนาวชอบมากๆ ค่ะ น้องเหนือเล่นเพราะกว่าตอนซ้อมกับคุณหนาวตั้งเยอะแน่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ดวงหน้าเด็กสาวยิ้มอย่างอิ่มใจเมื่อจ้องมองเจ้าของประโยคชมเชย ก่อนจะหันไปหาแม่จ๋าที่ยืนยิ้มอยู่ กึ่งเกี่ยงให้ทำอะไรสักอย่าง ทว่าคนถูกเกี่ยงก็ไม่ยอมเป็นเหยื่อในครั้งนี้ เพราะอยากให้สาวน้อยเป็นฝ่ายออกโรงเอง แทนการอาศัยคนอื่นไปเรื่อย
“น้องเหนือบอกว่ามีอะไรจะขอคุณหนาวน่ะค่ะ”
“แม่จ๋าน่ะ”
สาวน้อยย่นจมูกน้อยๆ ให้อย่างขัดใจที่อีกคนไม่ยอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอ “มีอะไรคะ รีบบอกมาเลยคุณหนาวจะได้รีบกลับค่ะ”
สุดท้ายเลยต้องพึ่งตัวเอง “เอ่อ...คือว่า...เอ่อ...”
“มีอะไรก็รีบๆ บอกมาเลยค่ะ ไม่งั้นคุณหนาวหนีกลับนะคะ”
“คือว่า...วันนี้น้องเหนือขอไปงานวันเกิดเพื่อนได้หรือเปล่าคะ จะกลับประมาณสองทุ่มค่ะ”
“มีใครที่บ้านไปด้วยมั้ยคะ” ผู้ปกครองหนุ่มถามอย่างอยากได้คำตอบ