ผู้ปกครองหนุ่มยืนเปิดประตูรอเด็กในปกครองร่ำลาสามเพื่อนรัก ประหนึ่งจะไม่ได้เจอกันอีกเป็นปี พวงแก้มของแต่ละคนก็แดงระเรื่อ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงซัดสปายหรือไม่ก็เบียร์ไปคนละหลายแก้ว หรืออาจจะขวด แถมไม่มีใครคิดจะพูดภาษาไทยซะด้วย แม้ในกลุ่มเพื่อนจะมีหนึ่งลูกครึ่งกับอีกหนึ่งไทยแท้ก็ตาม
“Bye Pat, see ya and bye Khun Noaw ” สามสาวกับกระโปรงสั้นหันมาเอ่ยลาเขา พร้อมกับยกมือโบกลาประหนึ่งรู้จักกันมาสามปี แถมชม้ายชายตาหวานๆ ให้เขาอย่างเปิดเผยอีกต่างหาก
“Bye girls ”
เขาได้แต่โบกมือลาขณะเดินอ้อมหน้ารถไปอีกด้าน แล้วขับออกไปโดยเร็ว กระนั้นเด็กในปกครองก็ยังไม่วายลดกระจกลงแล้วเอี้ยวตัวไปโบกมือลาผองเพื่อนอีกจนได้ พอรถพ้นประตูบ้านหลังใหญ่ออกมาก็หันกลับมาหาเขา จ้องมองเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำไม่ต่างจากเพื่อนนัก แถมยังกล้าชวนคุยโดยไม่เกรงกลัวในความผิดสักนิด
“ทำไมคุณหนาวถึงมารับน้องเหนือได้ล่ะคะ คิดถึงน้องเหนือเหรอคะ”
“รับกับคุณหนาวมาดีๆ ว่าคืนนี้ดื่มสปายไปกี่แก้ว ไม่ใช่สองตามที่ขอแม่จ๋าไว้ใช่หรือเปล่าคะ”
แม้จะอึ้งกับคำท้ายๆ แต่เขารู้ว่าเพราะดื่มนั่นเอง และเขาไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ง่ายๆ ทำเอาคนถูกถามทำหน้ามุ้ย แล้วเลิกคิ้วขึ้นทำตาโตๆ ใส่อย่างเคยทำมา แม้ไม่เห็นเพราะต้องหันกลับไปดูถนน แต่เขาก็เดาได้ไม่ยาก เพราะท่าทีแบบนี้คุ้นตามานานแล้ว
“เปล่าซักหน่อยค่ะ น้องเหนือดื่มแค่แก้วเดียวเอง”
“แต่มีคนรินให้หลายครั้งใช่หรือเปล่า แล้วหนุ่มๆ พวกนั้นเป็นเพื่อนในห้องหรือรุ่นพี่ของเรากัน”
เพราะเขาไม่แน่ใจนักกับรูปร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มในงาน ว่าจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันหมด อาจจะมีปีอื่นเข้ามาปะปนด้วย ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ๆ สำหรับเด็กในปกครองที่อาจจะใจแตกได้โดยง่าย “ก็มีเพื่อนในคลาสด้วยแล้วก็พวกเยียสิบสองด้วยค่ะ คุณหนาวถามทำไมคะ กลัวพวกนั้นมาจีบน้องเหนือเหรอคะ”
คนถูกซักไซ้หาวหวอดๆ หลังตอบออกไปแบบไม่คิด และไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรบ้าง ส่วนคนฟังก็รู้ดีว่าเพราะดีกรีเป็นแน่ เด็กในปกครองถึงได้กล้าอย่างนี้ อารมณ์เลยขึ้นนิดๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อน
“เพราะคุณหนาวไม่อยากให้น้องเหนือมีเพื่อนผู้ชายไม่ว่าจะรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นพี่ ในตอนนี้ไงคะ รู้หรือเปล่าว่าน้องเหนือจะต้องตั้งใจเรียนให้จบ เหลืออีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ต้องไม่วอกแวกกับผู้ชาย ที่คุณหนาวยอมจ่ายค่าเทอมแพงๆ ให้ คุณหนาวไม่ได้อยากเห็นน้องเหนือเรียนๆ รักๆ นะคะ แต่อยากให้น้องเหนือเรียนจบสูงที่สุดเท่าที่จะเรียนได้ จะต่อด๊อกเตอร์คุณหนาวก็มีปัญหาส่ง แต่น้องเหนือจะต้องไม่...”
คนสั่งสอนยาวยืดหันไปมองคนข้างๆ เพราะเห็นเงียบไป ความขุ่นเคืองถูกเปลี่ยนเป็นขบขันในทันที ที่เห็นร่างเล็กๆ ผอมเพรียวนั่งกอดอกหลับอยู่กับซีสเบลต์ไปเรียบร้อยแล้ว เลยจำต้องจอดรถตรงข้างทาง แล้วหันไปคว้าเอาสูทที่มักจะมีไว้ในรถมาห่มให้ เพราะเดาได้ว่าคงจะหนาวจากเครื่องปรับอากาศเป็นแน่ อาการส่ายหน้าระอาปนเอ็นดูเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ก่อนจะรีบออกรถเพราะเห็นว่าห้าทุ่มแล้ว
กว่าจะถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน ประตูรั้วเปิดออกด้วยรีโมตคอนโทรลแล้ว ก็รีบแล่นรถไปหยุดกึกในโรงจอด เข้าใจว่าป่านนี้ทุกคนคงจะนั่งไม่ติดแล้ว เพราะความห่วงคุณหนู แต่บ้านกลับปิดไฟเงียบเชียบ ประตูบ้านก็ล๊อกไว้แน่นหนา เขาเลยต้องใช้กุญแจเปิดเข้าไปหมายจะเรียกให้มาช่วย เพราะสาวน้อยในรถยังคงหลับใหลอยู่
ห้องกันยาก็ปิดไฟแล้ว ห้องด้านหลังที่บุญมากับวิไลอยู่ก็ปิดไฟไปแล้ว เลยไม่คิดจะเคาะประตูปลุกใคร เขาเดินออกไปหารถ ลองเขย่าคนหลับไปมา ปากก็ปลุกเรียกเบาๆ ทำแบบเดียวกันนั้นอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเลยตัดสินใจช้อนเอาตัวคนหลับลึกขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อื้ม!!!”
เสียงเล็กๆ ครางขึ้นมาอย่างขัดใจเมื่อถูกกวน สองแขนควานหาที่ยึดเหนี่ยว พอเจอต้นคอของเขาก็คว้าหมับไว้ แนบแก้มลงไปกับอกอุ่นของเขาแล้วหลับต่ออย่างสบายอารมณ์ เจ้าของอกต้องหยุดยืนนิ่งๆ ครู่ใหญ่เมื่อหัวใจกระตุกเต้นไม่เป็นจังหวะกับท่าทีของสาวน้อยในอ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้อย่างใกล้ชิดสนิทสนม
ตอนอุ้มร่างเบาหวิวเข้าบ้านไปไม่ยุ่งยากกายตรงไหน แต่ที่ยุ่งยากก็คือตรงหัวใจ เพราะระหว่างก้าวขึ้นบันได คนถูกอุ้มขยับตัวเล็กน้อย แถมไถแก้มนุ่มนิ่มไปหาไออุ่นจากอกกว้างของเขา นี่สิที่ทำให้เขาแทบจะหมดแรงก้าวต่อ แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้ไม่ให้มันแตกแถวมากกว่านี้
พอไปถึงหน้าห้องและจะต้องเปิดประตูเขาก็หงุดหงิดใจเล็กน้อย เพราะต้องใช้มือที่ช้อนอยู่ใต้เข่าคนหลับหมุนลูกบิด ทว่าก็ไม่ยากลำบากจนเกินจะทำได้ สวิตซ์ไฟตรงผนังห้องข้างประตูเขาก็ใช้ไหล่กระแทกเบาๆ สองสามครั้ง ห้องก็สว่างไสวแล้ว เขาไม่ได้สนใจจะปิดประตูสักนิด เพราะเคยชินกับการเปิดไว้ตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้วันแรกด้วยซ้ำ
เขาวางคนในอ้อมแขนบนเตียงที่มีผ้าห่มผืนหนาคลุมเอาไว้ ถอดรองเท้าที่ติดมาตั้งแต่อยู่ในรถออกให้ ใช้แขนข้างหนึ่งยกตัวคนหลับขึ้นเล็กน้อย อีกมือดึงผ้าห่มออกแล้วเอามาคลุมให้ เปิดเครื่องปรับอากาศไปที่เลขยี่สิบหกองศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิประจำของเจ้าของห้องจนเขาชาชินแล้ว
“อื้ม!!!”
ร่างที่นอนหงายอยู่เปลี่ยนเป็นตะแคงสองมือคว้าหาอะไรบางอย่าง เขาเดาว่าคงเป็นเจ้าแมวสีชมพูตัวโปรด ที่มันกำลังนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงรอเจ้าของอยู่เป็นแน่ แต่สองมือนุ่มก็คว้าแขนแข็งแรงของเขาได้ก่อนเจ้าแมวนั้น แล้วดึงไปกอดไว้กับอก ขยับตัวยุกยิกสองสามครั้ง