“งั้นเราไปวันเสาร์ตอนเช้าๆ เลยค่ะ จะได้ช่วยคุณยายจัดงานไงคะ แต่คุณหนาวคงให้อยู่นานๆ ไม่ได้นะคะ เพราะอยากให้น้องเหนือลองไปช่วยงานที่โรงแรมก่อนเริ่มเรียนน่ะค่ะ อยากลองทำงานมั้ยคะ”
พอเปล่งคำเหล่านี้ออกไปเขาก็แทบอยากเขกกบาลตัวเอง เพราะนั่นถือเป็นการเปิดช่องให้ได้ใกล้ชิดกับเด็กสาวเข้าให้แล้ว การหลบหลีกที่ทำๆ อยู่ตอนนี้จะสูญเปล่าเข้าให้แล้ว
“อยากค่ะ แล้วคุณหนาวจะสอนน้องเหนือเหรอคะ”
ยิ่งเห็นดวงตาใสแจ๋วมองมาหาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยแล้ว ยิ่งย้ำเตือนว่าตัดสินใจผิด เพราะตัวเองจะกลับกลายมาเป็น ‘ตกที่นั่งลำบาก’ เสีย เขาช่างกล้าประมาทอิทธิพลของธรรมชาติ และไม่ระแวดระวังหัวใจตัวเอง ด้วยการเอาของสวยๆ งามๆ ไปอยู่ใกล้ตัว จนต้องพ่ายแพ้ได้ในสักวัน
“คุณหนาวไม่สอนหรอกค่ะ แต่จะให้น้องเหนือไปฝึกงานอยู่ฝ่ายต่างๆ แทน น้องเหนือจะได้รู้ไงคะว่าแต่ละฝ่ายต้องทำอะไร ยุ่งยากแค่ไหน อยากเริ่มที่ฝ่ายไหนดีล่ะคะ ฟร้อนต์หรือจัดเลี้ยง”
นี่เป็นทางออกที่เขาพึงมีให้ตัวเอง “งั้นเอาฟร้อนต์ก็ได้ค่ะ จะได้เจอคนเยอะๆ ได้ฝึกภาษาด้วย”
“อืม! คุณหนาวว่าไปอยู่ฝ่ายฟลอริสก่อนดีกว่าค่ะ ดอกไม้กับน้องเหนือท่าจะเข้ากันได้ดี”
การให้พบเจอคนมากๆ เขาก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก สู้เอาไปเก็บไว้ด้านในไม่ให้ใครเห็น ไม่ให้ใครมาข้องแวะจะดีกว่า เพราะเด็กยังไร้เดียงสานัก คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมใคร โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่มาติดต่อฝ่ายฟร้อนต์ออฟฟิศ แต่ละคนคงจะแทบอยากกลืนกินเด็กเขาเข้าไปให้ได้แม้เพียงได้เห็นในครั้งแรก
“ก็ได้ค่ะ”
สาวน้อยรับคำอย่างร่าเริง และที่บอกว่าหิวๆ นั้นก็หมดหมูปิ้งไปแค่สองไม้ ข้าวเหนียวครึ่งห่อเท่านั้น เขาจ้องมองมือเรียวบิข้าวเหนียวกับหมูปิ้งอัดกันไว้แล้วเอาไปจิ้มน้ำซอสจากหมูปิ้งในจานส่งเข้าปากเจ้าแตงไทย ที่รออยู่อย่างใจจดจ่อแล้ว ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างระอาปนอิ่มใจในความเป็นเด็กจิตใจอ่อนโอนเอื้ออารีต่อสรรพสิ่งรอบกาย ซึ่งเขาคุ้นตามาสามปีเต็มๆ เขากล้ารับตรงๆ ว่า ‘เผลอใจให้ เด็กในปกครอง’ ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณหนาวจะไปไหนหรือเปล่าคะวันนี้ ตอนเที่ยงแม่จ๋าจะทำข้าวเหนียวไก่ย่างกับส้มตำนะคะ ส่วนตอนเย็นก็จะทำสเต็กปลาแซลม่อนกับสลัดด้วยค่ะ”
“คุณหนาวต้องไปดูร้านให้พี่ออมค่ะ คงจะกลับค่ำหรือไม่ก็ดึกเลย”
“ว้า! เบื่อจัง! ทำไมคุณหนาวชอบทำงานเยอะๆ แล้วก็กลับดึกๆ ด้วยคะ น้องเหนือไม่ชอบเลย กินข้าวกับแม่จ๋าสองคนไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลยค่ะ คุณหนาวกลับเร็วๆ หน่อยไม่ได้เหรอคะน้องเหนือคิดถึงค่ะ”
สาวน้อยทำท่าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด และกับคำบอกในท้ายประโยคนั้น ผู้ปกครองหนุ่มก็รู้ดีว่าเป็นการแสดงความรู้สึกจริงๆ ของเด็กคิดถึงผู้ใหญ่ที่คอยดูแลเอาใจใส่มาตลอดสามปี หาใช่ความรู้สึกนึกคิดในอีกทางอย่างแน่นอน ผิดกับเขาที่ทุกครั้งเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า
‘คุณหนาวใจดีแล้วก็น่ารักที่สุดเลยค่ะ น้องเหนือรักคุณหนาวค่ะ’ หรือกับประโยคเมื่อครู่ ‘น้องเหนือคิดถึง’ กลับทำให้เขาคิดหรือจินตนาการไปไกลแสนไกลและในทางที่ไม่เหมาะไม่ควรเสียด้วย แม้จะด่าตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าไม่ให้คิด แต่มีหรือที่เขาจะเอาชนะธรรมชาติที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกผู้ทุกนามได้
“ไม่ได้หรอกค่ะ ช่างว่างช่วงเย็นๆ คุณหนาวต้องรอคุยให้รู้เรื่องก่อนและดูเขาทำงานก่อนถึงจะมาได้ น้องเหนือกินกับแม่จ๋าสองคนนะคะ หรือถ้าเหงาก็ชวนพี่บุญกับพี่ไลมากินด้วยกันสิคะ”
การตัดไฟเสียแต่ต้นลมก็เป็นทางออกที่เขาเลือกทำอีกแล้ว แม้จะรู้ดีว่ามันกันได้แค่ทางกาย ส่วนใจไม่มีทางก็ตามที อย่างน้อยๆ เขาก็จะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘สมภาร’ หรือ ‘โค’ หรือหนักๆ เข้าก็ ‘ไอ้เฒ่า’ ที่มีอะไรเลื้อยอยู่บนหัวจากคนรอบข้างได้อย่างแน่นอน
นิ้วเรียวงามกดลงตามลิ่มขาวสลับดำมาเป็นชั่วโมง แล้วตั้งแต่กินของว่างเสร็จ สาวน้อยเล่นเพลง ‘My Love’ ถูกหลายต่อหลายรอบ เพราะหัวใจดวงน้อยกำลังเป็นสุขไปกับเนื้อหา ที่ได้ยินโดยบังเอิญในยูทรูป จนต้องเอามาหัดเล่นเองตั้งแต่สอบเสร็จแล้ว แต่ไม่เคยกล้าเล่นตอนผู้มีอิทธิพลต่อจิตใจอยู่ในบ้าน
“น้องเหนือคะ!”
นิ้วเรียวหยุดกึกลงทันควันเมื่อมีคนมาขัดจังหวะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์อันหวานไหวหมดไปเลยสักนิด ใบหน้าสวยใสยังคงส่งยิ้มให้คนตรงหน้าที่หอบเสื้อผ้ากับอกไว้ “มีอะไรคะแม่จ๋า”
“น้องเหนือจะไปตลาดกับแม่จ๋าหรือเปล่าคะ ถ้าไปต้องเลิกเล่นเปียโนแล้วขึ้นห้องเปลี่ยนชุดได้แล้วค่ะ พี่ไลกับพี่บุญรออยู่ในรถโน่นแน่ะ” คนถูกถามครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนส่งยิ้มให้
“อืม! วันนี้น้องเหนือไม่ไปได้มั้ยคะ อยากเล่นเปียโนค่ะ”
“ได้สิคะ! งั้นแม่จ๋าฝากเอาเสื้อผ้าคุณหนาวไปเก็บไว้ในตู้ให้ทีนะคะ สองตัวบนเอาใส่ไม้แขวน ที่เหลือก็แยกเสื้อกับกางเกงไว้คนละกองตามที่แม่จ๋าจัดไว้นะคะ” เพราะเห็นว่าคุณหนูว่างเว้นจากการเรียนแล้ว กันยาเลยสอนงานบ้านงานเรือนให้หนักกว่าเมื่อก่อนหน่อย
“ค่ะ”
สาวน้อยไม่ได้หันไปหาคนบอกเลย นอกจากก้มมองมือตัวเองกำลังกดคีย์แรกของเพลงเดิมอีกครั้งอย่างเป็นสุขใจ ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ เมื่อคิดถึงใบหน้าอันหล่อเหลาขาวใสไร้รอยด่างดำคล้ำของผู้ปกครองหนุ่ม ดวงตาสวยมีแววหวานฉ่ำนิ้วเรียวก็ขยับขับเคลื่อนไปตามคอร์ดอย่างคล่องแคล่ว พริ้วไหว เมื่อหัวใจเป็นอิสระ และไม่มีใครมาจับจ้องว่าเล่นผิดหรือถูก
พอจบแล้วก็เล่นซ้ำอีกอย่างคนอารมณ์ดี พออิ่มใจแล้วถึงหันไปหาเสื้อผ้า ที่ถูกรีดและพับไว้อย่างเป็นระเบียบ ริมฝีปากอิ่มยิ้มร่า เมื่อคิดถึงรูปร่างหน้าตา และอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนสวมใส่ขึ้นมา พออารมณ์ดีก็พลอยมีดนตรีอยู่ในหัวใจ เลยคว้ามือถือมาเปิดเพลงที่ตัวเองชอบแล้วเสียบหูฟังอย่างสบายอารมณ์