“ดีแล้วที่หลุดออกมาจากผู้ชายแบบนั้นได้ เชื่อไหมว่าเดี๋ยวอีกไม่เท่าไหร่ มันก็จะต้องเลิกกับนังผู้หญิงคนนั้น”
“เขามีลูกด้วยกันนะ” พร้อมพรบอกเสียงเบาหวิว เรื่องนี้เธอรู้มาจากรัฐศาสตร์อีกทอดหนึ่ง
“ไอ้เลว” สุพิชชาสบถด่าแล้วโอบเธอเข้าไปกอดให้แน่นมากกว่าเดิม พร้อมพรร้องไห้ออกมาเสียงดังในอ้อมกอดของเพื่อนๆ
“เมยไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่พีทจะทำแบบนี้กับเมยได้ลง”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วนี่เมย”
พร้อมพรไม่พูดอะไรอีก บอกตัวเองว่าต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้
เธอร้องไห้ออกมาอีกเป็นนาน จนอารมณ์เศร้าหมองสงบลงแล้วก็ค่อยฝืนยิ้มออกมา พร้อมพรยกมือแตะเพื่อนๆ เธอบอกขอบใจเพื่อนๆ ทุกคน แล้วพากันเดินเข้าบ้านด้วยกัน ล้มตัวลงนอนด้วยกันทั้งหมดที่พื้นตรงกลางบ้านนั่นเอง
“ทำไมเขาเซ็นชื่อลงในใบหย่าได้นักวะ”
เสียงถามดังขึ้นกลางวงเหล้า รัฐศาสตร์มองไปยังคนพูดที่เป็นเจ้านายของเขาเองด้วยสายตาเหมือนคนคิดอะไรไม่ตก
ดนย์เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทที่เขาสังกัดงานอยู่ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของเขา เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันจากดนย์แม้แต่นิดเดียว
“เซ็นต์ชื่อง่ายเพราะทางนั้นเองก็อยากหย่าด้วยหรือเปล่าครับคุณดนย์”
คำตอบที่ว่านั่นมาจากนายแพทย์ธันย์เพื่อนสนิทของดนย์ ดนย์ปัดแก้วเหล้าตรงหน้าออกด้วยอาการหงุดหงิดไม่พอใจ
“กูไม่เชื่อ” ดนย์ปฏิเสธเสียงแข็ง “กูมองตาเขาก็รู้ว่าเขายังรักกูอยู่”
ธันย์บิดจากจนเป็นรูปสระอิแล้วพูดขัดขึ้น “ถ้ารัก จะขอหย่าทำไมครับ แล้วนี่ก็นัดวันซะกระชั้นชิดเชียว อย่าหลอกตัวเองดีกว่าครับคุณดนย์”
รัฐศาสตร์อดคิดตามคำตอบของนายแพทย์ธันย์ไม่ได้
เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันว่าพร้อมพรจะหมดรักเขาลงง่ายๆ เรื่องหย่าเขาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนก็จริง เขารู้ว่ามันแย่ แต่ในเมื่อต้องเลือกสักทาง เขาก็คิดว่าต้องเลือกอรุณวดี
แต่พอเลือกลงไปจริงๆ แล้ว ทำไมถึงได้ต้องมานั่งเครียดอยู่แบบนี้ก็ไม่รู้ เหมือนกับกำลังเลือกทางผิดอย่างไรก็บอกไม่ถูก
แล้วตอนนั้นเองที่หน้าจอโทรศัพท์ของรัฐศาสตร์เด้งข้อความขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะระรัวตามมาอีกหลายสิบข้อความ
ไม่ใช่ของใคร เป็นข้อความของอรุณวดี
หญิงสาวโทรศัพท์หาเขาเมื่อชั่วโมงก่อน เขาบอกเธอไปแล้วว่าอยู่กับเจ้านาย เธอถามอย่างเกรงใจว่าใคร แต่พอรู้ว่าเขาอยู่กับคุณดนย์เท่านั้นก็ร้องโวยวาย บอกให้เขารีบกลับก่อนสี่ทุ่ม แต่รัฐศาสตร์ก็ไม่ได้รีบกลับอย่างที่อรุณวดีบอกเขา
แล้วใจก็อดนึกเปรียบเทียบกับพร้อมพรไม่ได้ หากเป็นพร้อมพร รายนั้นไม่แม้แต่จะโทรตามเขา ไม่ส่งข้อความตามจิกเขา หรือหากรู้ว่าเขาอยู่กับเจ้านายเธอก็จะวางสายลงเงียบๆ
ช่างต่างกันลิบลับ
รัฐศาสตร์เอื้อมมือหยิบขวดเบียร์ขึ้นกระดกจนหมด เขาเลือกแล้ว อย่ามาคิดจุกจิกอีกเลย
พร้อมพรนั่งมองลูกที่สนุกอยู่กับสนามเด็กเล่นของโรงเรียน แล้วถึงได้ตัดสินใจว่าจะนำลูกเข้าเรียนเตรียมอนุบาลที่นี่
“คุณแม่ลองพาน้องมาเล่นดูก่อนสักชั่วโมงถึงสามชั่วโมงก็ได้นะคะ แล้วค่อยรับกลับ น้องจะได้ค่อยๆ ปรับตัวไงคะ”
คุณครูที่รับหน้าที่ดูแลต้อนรับเธอบอกอย่างเป็นมิตร แววตาก็ดูใจดี เหมาะสมกับครูโรงเรียนอนุบาลอยู่ไม่น้อยเลย พร้อมพรยิ้มรับ
จากทีแรก เธอยังไม่กล้าพาลูกมาฝากเรียน เมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมของโรงเรียนแล้ว ได้เห็นเด็กๆ ในโรงเรียน ได้พบ ได้พูดคุยกับคุณครูของที่นี่แล้ว ความคิดของเธอก็ค่อยๆ ไขว้เขว แต่ก็ยังไม่ได้รับปากไปว่าอะไร
เธอนั่งมองลูกเล่นสนุกสนานที่สนามครู่ใหญ่ โทรศัพท์ของเธอก็แผดเสียงดังขึ้น หญิงสาวล้วงมือเข้าไปหยิบมันขึ้นมากดรับสาย คนโทรมาก็ถามเร่งเร้าก่อนที่เธอจะพูดอะไรเสียอีก
“เมย จะเข้ามาสมัครงานวันไหนจ๊ะ”
พร้อมพรยิ้มเพราะเรื่องนี้เธอกำลังหนักใจอยู่พอดี วันที่ได้ยินสุพิชชาชวนวันนั้นผ่านมาเป็นเดือนได้แล้วมั้ง เธอไม่รู้ว่าเพื่อนชวนไปอย่างนั้นเองด้วยความเห็นใจ หรือว่าทางญาติของเพื่อนต้องการรับสมัครพนักงานจริงๆ เพราะเธอเองก็กำลังมองหางานทำอยู่เหมือนกัน
“เออ เมยก็ว่าจะถามทรายพอดีเลยว่าเขายังรับอยู่มั้ย”
“รับสิ เมยรีบๆ มาสมัครเลยนะ”
พร้อมพรใจชื้นเมื่อได้ยินสุพิชชาตอบกลับแบบนั้น เธอจึงบอกเพื่อนไปว่าเธอจะเข้าไปยื่นใบสมัครในวันพรุ่งนี้เลย วางสายแล้วก็ตรงไปรับลูก แล้วพากันกลับเข้าบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมพรฝากลูกไว้กับพ่อและแม่ เพราะต้องไปยื่นใบสมัครที่บริษัทของญาติสุพิชชา
เมื่อวานนี้เธอรื้อเสื้อผ้าที่พับเก็บไว้ในถุงอย่างดีออกมาซักรีดพบว่ายังใส่ได้อยู่ ก็คิดไปว่าดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองหาซื้อใหม่ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่พร้อมพรเคยมี เธอมักเลือกข้าวของแบบมิกซ์แอนด์แมท เสื้อผ้าที่ใช้สีโทนสุภาพและเรียบร้อย แม้จะไม่ใช่เสื้อผ้าจากแบรนด์หรู แต่พร้อมพรก็เลือกแบบที่ใช้เนื้อผ้าดูดี ตัดเย็บเรียบร้อยและแบบดูไม่ล้าสมัย สามารถนำมาใส่เมื่อไรก็ได้ทุกเมื่อ
“ให้พ่อไปส่งไหม” พ่อของเธอส่งเสียงถามข้ามบ้านมา มืออีกข้างกำลังเล่นอยู่กับหลานชายอยู่ พร้อมพรยิ้มแล้วพูดล้อเลียนพ่อกลับไป
“พ่อ เมยอายุ 27 แล้วนะ”
แม่ของเธอเดินออกมาพร้อมถาดใส่ข้าวผัด ท่านวางถาดลงที่โต๊ะเอ่ยตอบอย่างหมั่นไส้ “จะอายุเท่าไหร่ก็ยังเป็นลูกแม่ลูกพ่ออยู่ดีนั่นแหละ”
“เมยไปเองได้ ไม่ต้องไปส่งหรอก”
“อย่างนั้นให้พ่อไปรับมั้ย”
พร้อมพรยิ้มแล้วพูดตอบกลับไปว่า “เป็นลูกของพ่อกับแม่นี่ดีที่สุดในโลกเลยนะคะ ห่วงเมยเสมอเลย”
“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ต้องให้ไปรับ” พ่อของเธอบอก แม่พยักหน้าตอบด้วยอีกคน “ตามใจจ้ะ”
พร้อมพรไม่ได้กินอะไรมาก เธอนั่งจิบนมจนหมดแก้วแล้วก็ตรงไปบอกลูกชายว่าไม่ให้ดื้อมากนัก แล้วออกไปรอแท็กซี่ที่โทรตามไว้แล้วตั้งแต่เช้า