“แม่กลับมาแล้ว”
อรัญญิกาบอกหลานรักที่กำลังวิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนานในห้องนั่งเล่นของบ้าน
“กินอะไรฉลองกันหน่อยมั้ย”
พร้อมพรตรงไปกอดลูกไว้แนบอก กอดแน่นๆ ไว้แบบนั้นเหมือนต้องการกำลังใจ กำลังใจที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของตัวเธอเอง ก่อนจะคลายออกอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงลูกชายบ่นว่าอึดอัด
เธอฝืนหัวเราะแล้วหันไปถามเพื่อน
“กินไรดีอะ นึกไม่ออก”
อรัญญิกามองเธอด้วยสายตาสงสารและเห็นใจ ส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้พร้อมกับทำเสียงกวนๆ ถามกลับ “กินหมูทะกันมั้ย”
“ไม่รู้สิ” เธอตอบแล้วหาที่นั่งใกล้ๆ ง่ายๆ เป็นโซฟาเดี่ยวข้างตัว
“อย่าทำหน้าแบบนี้ดิ ก็เมยเป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่หรอ หยิกบอกให้ปรึกษาทนาย แล้วฟ้องให้เอาพวกมันออกจากงาน ฟ้องแม่งให้หมดตัวกันไปเลยทั้งตัวผัวตัวเมีย เมยก็บอกแต่ว่าไม่เอาๆ ไม่อยากให้เรื่องมันยาวไปกว่านี้อีก แล้วไงล่ะทีนี้มานั่งเป็นส้วมซึมเลย”
อรัญญิกาบ่นยาวเหยียด โกรธแทนเพื่อนที่ทำตัวอ่อนแอนุ่มนิ่ม เป็นตนหน่อยละไม่ได้ เรื่องแบบนี้แม่จะเล่นงานให้อ่วมอรทัยกันไปเลย ไม่มีทางยอมหย่าง่ายๆ หรอก
“เมยไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากวุ่นวายไปกว่านี้จริงๆ นี่นา” พร้อมพรบอกเพื่อน เธอพยายามปั้นหน้าให้ยิ้มแย้มมาทั้งวัน แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ เท่านั้น “ในเมื่อพี่พีทขอหย่าจากเมยก็แสดงว่าหมดรักเมยแล้ว จะให้เมยยื้อไว้อีกทำไม เมยทำใจได้หรอกน่า สบายมาก แต่ตอนนี้ขอแค่เวลาทำใจสักหน่อยเท่านั้นเอง หยิกช่วยไม่พูดถึงเรื่องสองคนนั้นอีกได้มั้ยละ”
“ได้ค่ะ” อรัญญิกาตอบรับเสียงอ่อนลง สงสารและเห็นใจเพื่อนน้อยเสียที่ไหนกัน ตอนจีบก็เว่อร์วัง รักกันปานนั้น สุดท้ายมาจบด้วยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
“หยิกตามสองตัวนั่นมาด้วยนะ” อรัญญิกาเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วมองไปทางประตูหน้าบ้าน “ตายยากชะมัดเลยเมย โน่นแหนะ พวกมันมาพอดี” เจ้าของบ้านบอกแล้วก็ตรงไปเปิดประตูให้เพื่อนร่วมก๊วนอีกสองคน เข้ามารวมกลุ่มในบ้านแล้ว พร้อมพรส่งยิ้มเซียวๆ ให้เพื่อน
เธอกับเพื่อนคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แม้จะเพิ่งมาเจอกันแต่ก็สนิทและรู้ใจกันมากๆ พวกนั้นเห็นแววตาเศร้าๆ ของเธอก็ไม่ปริปากถามอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าเธอเพิ่งไปจดทะเบียนหย่ากับรัฐศาสตร์มา
“เอาสาเกญี่ปุ่นมาด้วย ไม่ได้กินด้วยกันนานแล้ว” สุพิชชาพูดแล้วยกขวดที่หิ้วมาด้วยให้เธอดู สุวรรณีรีบพูดเอาใจเธอแซงขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้มีแค่สาเกญี่ปุ่นนะจ๊ะ นี่จ้ะ มีนี่ด้วยนะเมย ยำแหนม ตำทะเลแล้วก็ไก่อบน้ำผึ้งเจ้าที่เมยชอบกิน เนื้อฉ่ำๆ น้ำจิ้มแบบนัวๆ เข้ากั๊น เข้ากัน”
พร้อมพรยิ้มกว้างขึ้น เธอเห็นว่าเพื่อนสองคนที่เพิ่งมาใหม่ หิ้วของกินมาให้ด้วย ตอบกลับไปว่า “ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย เมยว่าจะสั่งหมูกระทะมากิน”
สุพิชชาวางขวดในมือตัวเองแล้วเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้อย่างปลอบโยน “ก็ของโปรดเมยทั้งนั้นเลยนี่ จะไม่ให้ทรายกับตุ๋มติ๋มเอามากินด้วยกันได้ไง”
“แล้วไหนของโปรดฉันล่ะ”
“กินมากแล้วแกน่ะ”
นั่งกินของที่เพื่อนสองคนหิ้วมาให้ สุดท้ายก็ทนแรงรบเร้าไม่ไหว ต้องสั่งหมูกระทะมาเพิ่ม พวกเธอนั่งกินด้วยกันต่อจากนั้น
พร้อมพรกินบ้าง ดื่มบ้างเป็นระยะ แล้วก็จัดอาหารไว้รอลูกชายของเธอที่เล่นกับเพื่อนของเธออย่างสนุกสนานก่อนจะพาไปอาบน้ำและคงนอนที่นี่ในคืนนี้
“สู้ๆ เว้ย พวกเราอยู่ข้างเพื่อนเสมอ”
สุวรรณีร้องบอกเสียงอ้อแอ้ดังขึ้นมากลางวง ท่าทางของเพื่อนดูเมาก่อนใคร เพราะดื่มนำไปก่อน และดื่มมากกว่าคนอื่นๆ อีกด้วย เหมือนกับตนเองที่ถูกขอหย่าเสียเอง
“แล้วพ่อกับแม่ว่ายังไงบ้าง เมยจะบอกเมื่อไหร่”
“ไว้ค่อยบอก” พร้อมพรบอกปัดเสียงเบา
“อยากกลับไปทำงานมั้ยเมย”
“อยากแหละ”
“ทำที่ไหนล่ะ ที่เดิมหรอ” อรัญญิกาถามเชิงชวนคุย
“ยังไม่รู้เลย”
“เอางี้มั้ยล่ะ พี่ เอ่อ ลูกของลุงทรายอะเขากำลังหาพนักงานอยู่พอดีเลย ไปทำงานกับพี่แกมั้ยล่ะ”
“จะดีหรอทราย เมยไม่อยากเป็นเด็กฝาก”
“ถ้างั้นก็ไปสมัครเอง ยื่นใบสมัครเองเลย เงินดีนะเมย เป็นบริษัทร่วมทุนกับต่างชาติน่ะ”
“ขอบใจนะ” พร้อมพรตอบรับความหวังดีของเพื่อนแล้วคุยกันเรื่องอื่นต่อไปอีกจนเห็นว่าพอสมควรแล้วจึงทยอยลุกเก็บข้าวของช่วยกัน
วันนี้เธอนอนที่บ้านของอรัญญิกา คนอื่นๆ กินแล้วก็เมานอนเรียงรายกันอยู่ที่ตรงกลางบ้าน พร้อมพรพาลูกที่อิ่มจนตาปิดเข้าไปนอนด้านในบ้านของอรัญญิกา
พร้อมพรมาบ่อยจึงคุ้นเคยบ้านของเพื่อนเป็นอย่างดี เธอพาลูกเข้านอนแล้ว จึงเดินออกมาหาเพื่อนที่ด้านนอก พวกเพื่อนๆ ของเธอเมาแล้ว เธอเลยเดินเลี่ยงไปนั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้านเงียบๆ คนเดียว ทบทวนเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป เธอแค่ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปให้ได้ ใช้ชีวิตให้ได้ด้วยตัวเอง คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสียงทุ้มนุ่มนวลของรัฐศาสตร์ก็ลอยตามลมเข้ามาในหูของเธออีกครั้ง
‘เมยจะเป็นรักเดียวของผมครับ ผมจะรักเมยจนวันสุดท้าย ตราบจนหมดลมหายใจของผมครับ’
‘พี่พีทก็จะเป็นรักเดียวของเมยเหมือนกันค่ะ รักเดียวและรักสุดท้ายที่เมยจะมีในชีวิตนี้’
น้ำตาที่เคยไหล มันไหลอาบแก้มของพร้อมพรอีกครั้ง เธอบอกตัวเองว่าจะร้องไห้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่โอบล้อมเข้ามา
“ร้องไปเลยเพื่อน ไม่ต้องมาคิดหรอกว่าจะร้องวันนี้เป็นวันสุดท้าย คนมันเสียใจ มันก็ต้องร้องไห้ออกมาสิวะ”
“ช่าย น้ำตามันช่วยระบายได้นะเว้ย”
“ดีแล้วที่หลุดออกมาจากผู้ชายแบบนั้นได้ เชื่อไหมว่าเดี๋ยวอีกไม่เท่าไหร่ มันก็จะต้องเลิกกับนังผู้หญิงคนนั้น”