EP 7 : เพื่อนไม่จริงใจ

1304 คำ
ตอนที่ 7 : เพื่อนไม่จริงใจ ร้านนั่งชิลใกล้กับมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆร้านราวกับสิ่งที่อยู่ในตอนนี้คนละโลกกับที่ตัวเองเคยอยู่ ไม่ใช่แค่กลุ่มฉันที่เลิกเรียนและมานั่งที่ร้านนี้ แต่กลับมีนักศึกษาคนอื่นทยอยกันมานั่งเหมือนกัน บริเวณหลังมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของเหล่านักศึกษา มีร้านอาหาร ร้านนั่งดื่ม มากมาย เหมือนว่าเรียนมาหนักๆแล้วมาเดินเล่นกับเพื่อน เพื่อผ่อนคลาย วันเปิดเทอมวันแรกก็ไม่คิดว่าทุกคนจะพร้อมใจกันมาอยู่หลังมหาวิทยาลัย ฉันกับเพื่อนทั้งสองคนมานั่งร้านนี้กันได้สักพักแล้ว ในระหว่างที่มาร้านนี้ฉันก็ได้แต่ทำตามเพื่อนสาวสองคน และเดวากับพิมพ์ก็เป็นคนจัดการให้ฉันทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว ทั้งสองคนเลือกที่จะสั่งเบียร์กันมาคนละแก้ว ส่วนฉันดื่มเป็นแค่น้ำส้มกับน้ำเปล่า มีอาหารหลากหลายเอาไว้กินระหว่างที่พูดคุยกัน ฉันได้แต่นั่งมองเพื่อนกระดกเบียร์แก้วใหญ่ ไม่คิดว่าเด็กปีหนึ่งที่อายุเพียงสิบเก้าปีแบบฉันจะเก่งในเรื่องแบบนี้ การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพแตกต่างจากเด็กบนดอยอย่างสิ้นเชิง ฉันลองสังเกตโต๊ะที่กินอิ่มและลุกไปแล้วด้วยความเสียดายอาหารที่เหลือมากมาย พวกเราชาวดอยทุกคนให้คุณค่ากับอาหารทั้งนั้น และได้เห็นราคาจากป้ายเมนูถึงกับตกตะลึงไปแล้วก่อนหน้านี้ อยู่ต่างจังหวัดก๋วยเตี๋ยวชามละสี่สิบบาทก็อิ่มยันเช้า แต่ราคาอาหารที่นี่ราคาหลักร้อยทุกจาน "น้อยหน่าเป็นอะไรไปนั่งเหม่ออยู่ได้ ไม่สนุกเหรอ" "ไม่ใช่ไม่สนุก แต่แค่เรายังไม่ค่อยชินกับสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่" ฉันปั้นหน้ายิ้มให้กับพิมพ์กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียบรรยากาศเพราะเพลงกำลังขับกล่อมไปเบาๆ แต่ฉันกำลังทำหน้าคุ้นคิดหลายเรื่อง อีกอย่างคนที่ฉันส่งข้อความหาก็ยังไม่ตอบกลับฉันแม้แต่คำเดียว "ลองชิมไหม อึกเดียวก็ได้ จะได้รู้ไงว่าเบียร์รสชาติเป็นแบบไหน" เดวาส่งแก้วเบียร์ยื่นมาตรงหน้าน้อยหน่าพลางส่งสายตาคะยั้นคะยอ "จะดีเหรอ" "แค่อึกเดียว พี่ของน้อยหน่าไม่รู้หรอก เราไม่ได้กินให้เมาสักหน่อยแค่ชิมรสชาติ" พิมพ์พูดเสริมเมื่อเห็นน้อยหน่ายังดูกล้าๆกลัวๆ "ลองนิดหนึ่งก็ได้ เราก็อยากรู้เหมือนกันทำไมคนมาที่ร้านนี้ถึงสั่งแต่เบียร์แบบนี้" มือเรียวเล็กเอื้อมไปหยิบแก้วที่ใส่เบียร์สีเหลืองทองด้านบนยังมีฟองร่องรอยอยู่ ดูจากภายนอกก็ดูน่าดื่มไม่ใช่น้อย ริมฝีปากบางค่อยแตะที่ปากแก้วพร้อมกับกระดกแก้วขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้น้ำสีเหลืองทองเข้าปาก อึก "อื้อ...อ่า ทำไมมันรสชาติแบบนี้ล่ะ" แค่เพียงกระดกเข้าปากไปเพียงหนึ่งอึกมันก็แทบพุ่งกลับออกมา ฉันต้องกลืนน้ำที่รสชาติประหลาดนั้นลงคอ รสชาติมันไม่ได้หอมหวานและน่าอร่อยอย่างที่คิด ฉันไม่รู้รสชาติอื่นเลยนอกจากความขม มันน่าแปลกที่เครื่องดื่มรสชาติแบบนี้ทุกคนที่มาต้องสั่งมัน ใบหน้าหวานยังคงเหยเกกับรสชาติที่ติดอยู่ปลายลิ้นและลำคอจนต้องยกน้ำส้มดื่มลงคอไปหลายอึก ฮ่า ฮ่า... "เชื่อแล้วว่าไม่เคยกินจริงๆ เริ่มต้นก็แบบนี้แหละ พอคุ้นชินแล้วมันจะหวาน" "เรายังไม่เห็นความหวานของมันเลยเดวา" "เอาหน่า...อย่างน้อยวันนี้พวกเราก็ได้สอนน้อยหน่าให้รู้จักรสชาติของเบียร์ อยู่กับพวกเราไปเรื่อยๆเดี๋ยวจะสอนอีกหลายเรื่อง รับรองน้อยหน่าจะเข้าใจชีวิตคนกรุงเทพมากขึ้น" ฉันยังคงแสดงสีหน้าเจื่อนและมองพิมพ์กระดกเบียร์สีเหลืองทองเข้าปากราวกับมันเป็นน้ำหวาน อาหารร้านนี้อร่อยใช้ได้ยกเว้นแต่เบียร์ที่ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย แต่ไม่คิดจะโทษเพื่อนทั้งสองคนเพราะฉันก็ไม่ปฏิเสธคำเชื้อเชิญแถมยังอยากลองเองอีกต่างหาก หนึ่งชั่วโมงต่อมา... ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่พิมพ์กับเดวาดื่มมันจะทำให้ทั้งสองคนพูดเก่งมากขึ้น และดูเหมือนเสียงพูดคุยของโต๊ะเราจะดังพอๆกับเสียงดนตรี เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยทั้งสองคนดูจะนิ่งๆ แต่พอมาอยู่ที่ร้านนี้กลับพูดคุยกันอย่างสนุก บางครั้งฉันก็ไม่ทันคำพูดของทั้งสองคนได้แต่นั่งยิ้ม ดวงตากลมโตมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือบ่งบอกว่าตอนนี้เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว "งั้นเรากลับกันเลยไหม มืดแล้ว" "ได้สิ เบียร์หมดพอดี เดี๋ยวรอเช็กบิลแป๊บนะ" ไม่นานใบค่าอาหารมาวางอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตเบิกตาโพลงเมื่อเห็นค่าอาหารหลักพันแต่ก็มองเลขตัวหลังไม่ชัดเพราะเดวาเป็นคนจัดการและเก็บบิลนั้นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เรากินกันสามคนเอง ชีวิตนี้เกิดมายังไม่เคยกินอาหารหลักพันเลยสักครั้ง "หารกันก็ตกคนละหกร้อยบาทพอดี" เดวาส่งหน้าจอโทรศัพท์ที่กดเครื่องคิดเลขเฉลี่ยกันทั้งสามคนให้น้อยหน่าดู "อ่อๆ" มือบางสั่นเทาค่อยๆเอื้อมหยิบกระเป๋าตังค์ใบเล็กในกระเป๋าย่าม ในกระเป๋าสตางค์มีเพียงแบงค์ห้าร้อยหนึ่งใบกับแบงค์ร้อยหนึ่งใบที่เหลืออยู่ และเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ฉันมีติดกระเป๋า มือบางค่อยๆยื่นเงินจำนวนหกร้อยไปให้เพื่อนด้วยความรู้สึกโหวงเหวง ในหัวคิดไปต่างๆนานา ฉันไม่มีเงินเหลือเลยสักบาทติดตัวและยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องกลับคอนโดยังไง เราทั้งสามคนเดินออกมาจากร้านหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสรรพ "งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะ พอดีเราสองคนจะไปเรียกแท็กซี่กลับตรงแยกหน้านั้นเลย แล้วน้อยหน่าจะกลับยังไง บ้านอยู่แถวไหน" พิมพ์ถามขึ้น "เดี๋ยวเรารอพี่มารับ เราก็ไม่ชัวร์ว่าคอนโดอยู่แถวไหน พอดีเมื่อเช้าพี่เรามาส่งไม่ค่อยรู้ตรอกซอกซอยเท่าไหร่" "อ่อ...เจอกันพรุ่งนี้ละกัน กลับบ้านดีๆนะ" เดวาโบกมือลาน้อยหน่า และควงแขนพิมพ์หันหลังเดินไปก่อน "เฮ้อ...ไม่มีเงินเลยสักบาทไปไหนได้บ้าง ไม่น่าเลยยัยน้อยหน่า พี่เทเลอร์ก็ไม่ตอบไลน์ แล้วหนูจะกลับบ้านยังไง" ฉันพึมพำกับตัวเองมองเพื่อนสาวสองคนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ "ค่าอาหารหนึ่งพันนิดๆแกหารยังไงให้สามคนตกคนละหกร้อยพอดีเป๊ะวะเดวา" "หารแบบที่เราสองคนจ่ายน้อยสุดไงยัยพิมพ์ แกไม่ชอบเหรอไง ได้กินเยอะแถมยังจ่ายน้อย ยัยนั่นไม่มีทางทันพวกเราหรอก อีกอย่างเมื่อเช้าฉันเห็นน้อยหน่ามารถสปอร์ตไม่มีทางจนเพราะเงินแค่หกร้อยบาทหรอกนะ" "เท่าที่ฟังแกเล่าก่อนหน้านี้ก็คงจริง ควรตีสนิทไว้ เราสองคนจะได้สบาย อีกอย่างก็ไม่จำเป็นไปส่งน้อยหน่าที่บ้านสินะ เดี๋ยวก็มีคนมารับ ทำเหมือนยากจนแต่แท้จริงแล้วก็คนมีเงิน หวังจะมาหลอกกินฟรีจากพวกเรา แต่ที่ไหนได้เจอพวกเราหลอกกลับ" คิคิ… สองสาวกระซิบกระซาบอย่างสนุกสนานระหว่างที่เดินมารอรถแท็กซี่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม