ภายในห้องทำงานของเสนาบดีฝ่ายขวาเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ พ่อบ้านคนสนิททำหน้าที่คอยฝนหมึกทั้งยังจัดแจงเอกสารสำคัญเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ร่างสมส่วนนั่งเหยียดหลังตรงพลางตวัดพู่กันด้วยท่วงท่าสง่างาม ทุกวันหลังกลับจากการประชุมที่วังหลวงมักเป็นเช่นนี้เสมอซึ่งบรรดาข้ารับใช้ล้วนชินตากันอยู่แล้ว
“อุแว๊! อุแว๊! อุแว๊!”
พรวด!
“นะ…นายท่าน”
ชั่วพริบตาเดียวที่ได้ยินเสียงเด็กร้อง ร่างที่เคยนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานก็โผไปเปิดประตูเร็วรี่ ทำเอาพ่อบ้านและแม่นมที่อุ้มคุณหนูถึงกับหน้าเหวอ มือขาวผ่องกำลังจะยกขึ้นเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเป็นอันต้องค้างเติ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“หว่าหวาเป็นอะไร” ดวงตาคมกริบกวาดมองสีหน้าแดงจัดของลูกสาว
“ตั้งแต่ตื่นนอนคุณหนูยังร้องไม่หยุด ท่านหมอตรวจอาการแล้วไม่พบว่าเจ็บไข้ได้ป่วย จึงยังหาสาเหตุไม่ได้เจ้าค่ะ” กวานซินหยี่ก้มหน้าอย่างมีมารยาท นางไม่ได้เกรงว่าบุรุษสูงศักดิ์จะมีโทสะ อย่างไรเสียคนเป็นพ่อจะไม่ห่วงลูกได้เช่นไร ต่อให้โกรธก็คงโกรธที่นางไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีพอ ซึ่งก็สมควรแล้ว
“ส่งนางมาให้ข้า” วงแขนแกร่งรับร่างนุ่มนิ่มมาไว้ในอ้อมอก เท่านั้นทุกอย่างพลันสงบลงราวกับไม่เคยมีช่วงเวลาอันแสนวุ่นวายเกิดขึ้น
‘โอ้ย! กว่าจะได้เจอท่านพ่อ คอแทบแตก!’
ฟู่หวาทอดถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดแผนการขั้นแรกก็ดำเนินมาถึงจุดสำคัญ ดวงตากลมบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก จมูกรั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมูก ริมฝีปากจิ้มลิ้มยังคงเบะออกน้อย ๆ
“คนเก่งของพ่อ ไฉนจึงร่ำไห้ถึงเพียงนี้” ฝ่ามือใหญ่หยิบผ้าเช็ดหน้ามาจากพ่อบ้านพลางซับทำความสะอาดให้บุตรี
“อู…” เมื่อได้รับสัมผัสอันอ่อนโยนเจ้าก้อนแป้งพลันส่งยิ้มหวานอวดเหงือกให้บิดาได้ชม
“ดูเหมือนคุณหนูต้องการพบนายท่านนะขอรับ” โหลวสุ่ยหมิงกล่าวขึ้นหลังจากเห็นท่าทีของคุณหนู
“อยากอยู่กับพ่องั้นหรือ” ใบหน้าที่เฉยชาเสมอมาปรากฎรอยยิ้มบางเบายามอยู่กับเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียว
“อา….อืออ”
‘เพราะอยากอยู่อย่างไรเล่าเจ้าคะ ข้าจึงลงทุนตะเบ็งจนเสียงแหบหมดแล้ว’
สองมือเล็กชูขึ้นราวกับตอบรับ ฟู่หวาพยายามแสดงการโต้ตอบเพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่าตนต้องการสิ่งใด ถึงแม้อาจถูกมองว่าเฉลียวฉลาดเกินวัยแต่ตราบใดที่บางครั้งแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องบ้างก็น่าจะพอถูไถไปได้ อีกอย่าง…พวกผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเด็กเล็กน่ะมักชอบตีความท่าทางบุตรหลานประหนึ่งว่าเข้าใจจริง ๆ เสมอนั่นแหละ
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ มิน่าเล่าใครอุ้มก็ไม่ยอมหยุดร้องเลย” คำพูดนั้นยิ่งทำให้นายท่านของจวนดูอารมณ์ดีผิดหูผิดตา ถึงขนาดที่บรรดาองครักษ์เงาต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง
“ยกเตียงเล็กมาไว้ที่ห้องทำงาน” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจออกคำสั่ง ภาพลักษณ์สุขุมเย็นชากลับมาอีกครั้ง
“ขอรับ” พ่อบ้านคนสนิทโบกมือส่งสัญญาณให้บ่าวไพร่ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นร่างสูงจึงเดินกลับเข้าห้องพร้อมเจ้าตัวกลม
เตียงขนาดเล็กที่ว่าคือสิ่งที่สั่งทำขึ้นเพื่อฟู่หวาโดยเฉพาะ มันใหญ่กว่าโต๊ะทำงานเล็กน้อยทั้งยังมีคอกกั้นไม่ให้กลิ้งตก นางได้ยินสาวใช้กระซิบกระซาบกันว่าสิ่งนี้ท่านพ่อเป็นผู้ออกแบบด้วยตนเองเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับนาง
‘ความรักบางครั้งก็เกิดจากความผูกพัน เพราะพี่น้องคนอื่นได้อยู่กับพ่อแม่ พวกเขาจึงรักและห่วงใยกัน ส่วนข้าเป็นคนนอกเนื่องจากอยู่แต่บนเตียงผู้ป่วย…’
ความรักเป็นสิ่งที่เด็กน้อยโหยหามาตลอด ความโดดเดี่ยวในชีวิตก่อนยังคงฝังรากลึกนางจึงหวาดกลัวที่จะต้องเสียมันไป เมื่อได้รับโอกาสอีกครั้งย่อมไม่แปลกหากสิ่งแรกที่ฟู่หวาต้องการคือใกล้ชิดบิดา ซึ่งแผนการนี้มีชื่อว่า ‘ภารกิจตามติดตัวร้าย’
‘นอกจากจะได้อยู่กับท่านพ่อยังสามารถสืบหาเบาะแสการเอาตัวรอดจากจุดจบอันเลวร้ายในต้นฉบับได้ด้วย ปาหินก้อนเดียวโดนนกถึงสองตัวเลยนะ’
“ดูเถิดขอรับ คุณหนูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะได้พบนายท่าน” ขณะที่ก้อนแป้งนุ่มกำลังหัวเราะคิกคักกับความเฉลียวฉลาดของแผนการตนเอง พวกผู้ใหญ่ก็ตีความไปไกลเสียแล้ว
“ออกไปได้แล้ว” ดวงตาคมกริบตวัดมองคนสนิทที่เดี๋ยวนี้ชักจะกำเริบเสิบสาน
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้ทั้งสองรับคำสั่งพลางถอยหลังออกจากห้อง
เสนาบดีฝ่ายขวาฉู่หว่านโจวกลับไปนั่งทำงานอย่างเงียบเชียบ เอกสารมากมายถูกตวัดเขียนไม่เว้นว่าง ช่วงนี้ตระกูลคู่อริไม่มีความเคลื่อนไหวใดเป็นพิเศษคงเพราะฝ่ายนั้นเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูกเช่นกัน
“อู….อือ” ฟู่หวานอนเล่นคนเดียวไม่คิดรบกวนท่านพ่อ แผนขั้นแรกของนางสำเร็จอย่างสวยงามไม่จำเป็นต้องพยายามให้มากเกินไปนัก หากงอแงพร่ำเพรื่อมันอาจสร้างความรำคาญมากกว่าความน่าเอ็นดู
ตุ๊กตาผ้าที่ถูกวางไว้บนเตียงนอนโดนมือน้อยบีบบี้แก้เบื่อ ดวงตากลมเหลือบมองบิดาเป็นบางครั้ง ภาพบุรุษหน้าตาหล่อเหลากำลังทำงานอย่างจริงจังชวนให้เคลิบเคลิ้มไม่น้อย ท่านพ่อของนางช่างยอดเยี่ยมยิ่งกว่าใคร น่าเสียดายที่ถูกปูทางให้เป็นตัวร้าย ไม่รู้ว่ามีหนทางใดที่จะช่วยลบล้างความผิดได้บ้าง ขอเพียงพบเบาะแสหลักฐานที่อาจเชื่อมโยงมาถึงตระกูลฉู่ นางจะทำลายมันให้สิ้นซากเพื่อปกป้องพวกเรา
กึก กึก
ฝ่ามือหนาบรรจงฝนหมึก ปริมาณน้ำที่ใส่พอดิบพอดีไม่มากหรือน้อยไป จากนั้นลากวนแท่งหมึกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเสร็จแล้วจึงจรดปลายพู่กันในปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป จากนั้นก็นำมาเขียนลงบนกระดาษที่เตรียมไว้ ดูเช่นไรก็เหมือนบัณฑิตผู้เปี่ยมความรู้มากกว่าชายชั่วที่ลงมือทำร้ายคนอื่น
“อือ…” ดวงตากลมกระพริบถี่คล้ายกำลังวางแผนบางอย่าง ภาพเมื่อครู่ช่างชวนให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกนุ่มฟูขึ้นมา
ริมฝีปากจิ้มลิ้มฉีกยิ้มพึงใจ ข้อดีของการเป็นเด็กมีเพียงเวลาที่มากพอจะค่อย ๆ วางแผนไปทีละขั้นตอนและการเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของผู้คนรอบกายซึ่งไม่มีใครคิดระวังตัวเพราะเห็นว่านางเป็นทารก ใจที่ฮึดสู้ของฟู่หวากำลังลุกโชนไปด้วยความหวัง หวังว่าจะได้มีครอบครัวที่รักตน หวังว่าจะมีชีวิตที่เปี่ยมสุข และหวังว่านางจะสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรค
‘ข้าจะไม่ทำให้โอกาสที่ได้รับมาต้องเสียเปล่า’
......................................................................................
แม่ ๆ ก็นั่งดูยัยหนูเล่นงิ้วเเพลินเลย
ท่านพ่ออยากได้เมียเพิ่มมั้ยเจ้าคะ ไรท์จะถวายตัว-- แค่ก ๆ