ฉู่หว่านโจวมองเจ้าตัวจ้อยในวงแขนกำยำ ไม่รู้ว่าลูกสาวฟังเขารู้เรื่องหรือไม่จึงได้เงียบทั้งยังจ้องมาไม่วางตา นิ้วเล็กทั้งสิบกำแบอยู่หลายครั้งคล้ายต้องการจับบางอย่าง กรอบหน้าคมจึงโน้มเข้าหากระทั่งฝ่ามือบุตรีแปะลงตรงข้างแก้มสาก บรรยากาศรอบตัวพลันอบอวลไปด้วยความอ่อนโยน ข้ารับใช้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหุบยิ้มยินดีไม่ได้ ในที่สุดจวนตระกูลฉู่ก็ได้หลุดพ้นจากความหนาวเหน็บเสียที
ท่ามกลางการชื่นชมยินดี ชายหนุ่มเจ้าของเรือนก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนบางอย่างบริเวณหน้าท้อง มันเปียกชุ่มจนหยดลงบนพื้นห้อง
“….” ทารกน้อยแข็งค้างทันทีที่รู้สึกตัว
“ตายแล้ว คุณหนู!” กวานซินหยี่ซึ่งตั้งสติได้ก่อนใครรีบคว้าร่างนุ่มมาโดยไว
“นายท่าน ไปเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิดขอรับ” พ่อบ้านเร่งเชิญเจ้านายกลับห้องทั้งที่คนตัวโตยังคงเหม่อลอยคล้ายงุนงงกับเหตุการณ์ฉุกละหุก บ่าวทั้งหลายรีบแยกย้ายกันพัลวัน
ฟู่หวาถึงกับกรีดร้องแบบไร้เสียง ใครจะคาดคิดว่านางจะกล้าถ่ายเบาใส่บิดากันล่ะ!
‘ต่อไปนี้ข้าจะกล้ามองหน้าท่านพ่อได้เช่นไรกัน ฮือออ’
หางตาน้อย ๆ มีน้ำใสไหลรินลงมา มันช่างน่าอับอายเหลือเกิน เรื่องนี้จะเป็นตราบาปติดตัวไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อร่างกายของเด็กแรกเกิดมันขับถ่ายออกมาเองนี่นา
“อย่าร้องไปเลยเจ้าค่ะ นายท่านไม่โกรธคุณหนูด้วยเรื่องแค่นี้หรอก” เพราะเห็นเด็กน้อยร้องไห้จนตาช้ำในฐานะแม่นมจึงอดปลอบโยนไม่ได้
“อือ…อู” อยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ได้กังวลเรื่องนั้นสักนิด นี่นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องดื่มนมจากเต้าเหมือนทารกบ้านอื่น มิเช่นนั้นฟู่หวาคงกัดลิ้นตนเองเป็นแน่
“ตาปรือถึงเพียงนี้คงง่วงแล้วกระมัง นอนกันดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะร้องเพลงกล่อม” ชุดผ้าไหมเนื้อดีถูกห่อกายกลมประหนึ่งดักแด้ จากนั้นจึงตบปุ ๆ บริเวณก้นนิ่มพลางร้องเพลงขับกล่อมเช่นทุกวัน
“อูวว….” ยังไม่ทันได้คิดวางแผนอะไรก็จะให้นอนอีกแล้วหรือ เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงประท้วงแต่กลับถูกมองว่าอารมณ์ดีเสียอย่างนั้น
หัวเล็กจิ๋วใคร่ครวญวางแผนได้ไม่นานก็ถูกความง่วงจู่โจม หนังตาเริ่มหนักก่อนจะตกลงสู่ห้วงนิทรา ดวงตาเมล็ดซิ่งทอประกายอบอุ่นอ่อนหวาน วงแขนผอมบางบรรจงวางร่างนั้นบนเตียงนอนกว้างแล้วตามขึ้นไปนอนกกราวกับตนเป็นมารดาแท้ ๆ น่าแปลกที่หญิงสาวรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มาก ทั้งที่ต้องการตำแหน่งแม่นมเพื่อหาที่พักและงานทำเท่านั้น ใครเลยจะรู้ได้ว่าสวรรค์ส่งนางให้มาเจอเด็กน้อยน่ารักน่าชังถึงเพียงนี้
หนึ่งชั่วยามกว่าผ่านไปจนได้เวลาตื่นนอนของฉู่ฟู่หวา แพขนตาหนาขยับเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งรู้สึกตัว ดวงตากลมใสสีอ่อนปรือขึ้นพลางกระพริบถี่ นางเห็นบ่าวรับใช้คนหนึ่งกำลังนั่งเฝ้าไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนว่าแม่นมจะไปทำธุระส่วนตัวเป็นแน่ มีโอกาสทั้งทีเด็กน้อยจึงเริ่มแผนการที่คิดเอาไว้
“อุแว๊! อุแว๊! อุแว๊!” เสียงร้องจากริมฝีปากจิ้มลิ้มดังลั่นทำเอาสาวใช้สะดุ้งสุดตัว
“คุณหนู เป็นอันใดหรือเจ้าคะ” ผู้ช่วยแม่นมรีบตรวจสอบว่าผ้าปูที่นอนเปียกหรือไม่ เมื่อได้คำตอบว่าไม่ใช่จึงไปเตรียมนมอุ่นมาป้อนทารกน้อย แต่ถึงอย่างนั้นคุณหนูคนเดียวของจวนก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“อุแว๊! อุแว๊!” เจ้าตัวเล็กตะเบ็งสุดเสียง นี่เป็นก้าวแรกในแผนการระยะยาวจะให้ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ใบหน้ากลมเกลี้ยงแดงก่ำจากการโหมคร่ำครวญหนักหนาไม่หยุดแม้เพียงอึดใจเดียว
“เกิดอะไรขึ้น” สาวใช้อีกนางรีบตามมาสมทบเมื่อเสียงร้องของคุณหนูดังไปถึงหน้าเรือน
“ข้าก็มิรู้ อยู่ ๆ คุณหนูก็ร้องไห้ไม่หยุดเลย” คนอุ้มทำหน้าจะร้องตามอยู่ร่อมร่อ นางทั้งปลอบ ทั้งโอ๋ ล้วนไม่ได้ผลทั้งสิ้น
“คุณหนูเจ็บป่วยตรงไหนรึไม่ ข้าว่าเราตามหมอมาเถิด” ถ้ายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้เกรงว่าจากที่ไม่ป่วยก็คงล้มป่วยจริง ๆ แน่
“อุแว๊! อุแว๊!”
‘โอ้ย เจ็บคอไปหมดแล้วเนี่ย’
ฟู่หวาบ่นอุบอยู่ในใจทั้งยังรู้สึกสงสารผู้ช่วยแม่นมทั้งสองไม่น้อย โชคร้ายหน่อยนะที่นางมาเริ่มแผนการเอาวันนี้
“คุณหนู!” ร่างบองบางวิ่งมาทั้งที่เส้นผมยังเปียกชื้น กวานซินหยี่เพียงไปอาบน้ำล้างตัวไม่นานก็มีคนไปตาม
“หมอมาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้หน้าประตูที่รีบวิ่งไปตามหมอประจำตระกูลมาเอ่ยพลางหอบหนัก แม้แต่หมอหญิงก็มีอาการไม่ต่างกัน
“คุณหนูตื่นมาก็ร้องไม่หยุดเลยเจ้าค่ะ ที่นอนไม่เปียก ไม่ยอมกินนม ท้องไม่บวม ข้าน้อยตรวจสอบทุกอย่างแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนแรกที่เจอถึงกับอธิบายขณะน้ำตาซึม นางรู้ว่าคุณหนูสำคัญเพียงใดจึงหวาดกลัวบทลงโทษ
“ท่านหมอ รีบตรวจเถิด” แม่นมประจำตัวคุณหนูเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เพราะขนาดนางรับเจ้าก้อนนุ่มมาอุ้มอีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดร้องเลย
“อุแว๊! อุแว๊!”
‘เหนื่อย! แค่ร้องไห้ก็หมดแรงแล้วหรอเนี่ย!’
เพราะเด็กแรกเกิดมีความอดทนรวมไปถึงพลังงานให้ใช้น้อยมาก สุดท้ายฟู่หวาจึงเริ่มไอเหมือนจะสำลักน้ำมูก
หมอหญิงที่เพิ่งถูกรับเข้ามาประจำในตระกูลฉู่ถึงกับลนลาน แต่ก่อนท่านเสนาบดีฝ่ายขวาไม่ชอบให้มีหมออยู่ในจวนเพราะน่ารำคาญ ครั้นพอคุณหนูถือกำเนิดก็มีการรับสมัครหมอหญิงทันที มิหนำซ้ำยังต้องผ่านด่านตรวจมากมาย ทุกสิ่งอย่างล้วนเพื่อความปลอดภัยของทารกน้อยตรงหน้า
“เท่าที่ตรวจดูไม่พบอาการผิดปกติเลยเจ้าค่ะ คุณหนูร่างกายแข็งแรงมาก” ชีพจรคงที่แม้จะมีอาการเหนื่อยเนื่องจากร้องไห้มาครู่ใหญ่
“ทำเช่นไรดี คุณหนู…” คิ้วเรียวดุจใบหลิวขมวดมุ่นกลุ้มใจหนัก ในฐานะแม่นมควรดูแลเด็กน้อยให้ดีที่สุด นางรู้สึกสงสารร่างเล็กในอ้อมแขนเหลือเกิน
“ทำเช่นไรดีเจ้าคะ แม่นม” สาวใช้โดยรอบต่างเคร่งเครียด เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาเกรงว่าศีรษะคงได้แยกจากคอกระมัง
“ไม่มีทางเลือก ข้าจะพาคุณหนูไปพบนายท่าน” แม้จะเป็นการรบกวนผู้นำตระกูลโดยใช่เหตุ แต่เขาออกคำสั่งไว้ว่ายามเกิดเรื่องด่วนเกี่ยวกับบุตรสาวของตน ให้มาแจ้งได้เลยไม่ต้องรีรอ
......................................................................................
โถยัยหนู แค่ถ่ายเบาใส่ท่านพ่อเองลูก ไม่เป็นไรหรอก /แต่ท่านพ่อคืองงตาแตกไปแล้ว
ร้องไห้ขนาดนี้ตาบวมหมดแล้ว