บทที่2นางร้ายหลี่เฟยเฟย
สองคนที่ถือเคียวยมทูตเดินประกบฉันไว้ คนที่เป็นหัวหน้าถือง้าวสามง่ามเดินนำหน้าฉันไป ความจริงพวกท่านไม่ต้องประกบฉันก็ได้ ฉันไม่รู้จะหนีไปไหน เพราะทุกอย่างเวิ่งว้างไปหมด ภายในใจก็มีห่วงอยู่เต็มอก…
“ข้าพาวิญญาณที่ท่านเทพชะตาต้องการพบมาแล้วขอรับ” สถานที่อยู่ตรงหน้าของฉันคล้ายอยู่ในถ้ำ มีโคนไฟให้ความสว่าง ให้ความรู้สึกเหมือนมาสำรวจถ้ำหรือเป็นนักโบราณคดีอย่างนั้นเลย
“อืม…ขอบใจท่านยมทูตดำมาก พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ…”
“ขอรับ…เจ้าเข้าคุยกับท่านเทพชะตาเถอะ พวกเราต้องกลับไปแล้ว”
“ขอบคุณท่านยมทูตดำ” ฉันได้ยินท่านเทพชะตาเอ่ยชื่อท่านยมทูตที่เป็นหัวหน้าชื่อยมทูตดำ ก็เลยเอ่ยชื่อขอบคุณท่านด้วยที่พาฉันมาที่นี่
“คำผกา อายุ 28 ปี ที่ผ่านมาทำความดีมาตลอด เป็นบุตรที่ดี เชื่อฟังบุพการี และมีความกตัญญู แต่เสียอยู่อย่างเดียว ติดซีรีส์มากไปหน่อย การนอนตะแคงซ้ายบ่อย ๆ และนาน ๆ ทำให้หัวใจเต้นลำบาก จนหยุดเต้น…ทำให้ วิญญาณเจ้าล่องลอยออกมากลับเข้าร่างกายไม่ได้…ความจริงวิญญาณเจ้ายังไม่หมดอายุขัย ก่อนหน้านั้นเจ้าไปเข้าร่างอีกคนมาแล้ว…เช่นนั้นกลับไปอยู่ร่างนั้นเถอะ ถึงแม้จะคนละยุคคนละเวลาก็ตาม”
“เดี๋ยวก่อนเทพชะตา ท่านฟังฉันพูดก่อน…ฉันเป็นห่วงคุณพ่อ คุณแม่และอาม่า ให้ฉันกลับเข้าร่างเถอะนะคะ”
“เจ้าไม่สามารถกลับเข้าร่างเดิมได้…ส่วนร่างที่เจ้าได้เข้าไปก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ ร่างนั้นหมดอายุขัยพอดี เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย ข้าช่วยเจ้าได้เท่านี้ คำผกา”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม ว่าในอนาคตคุณพ่อ คุณแม่และอาม่าพวกเขาจะมีสุขภาพดี แล้วฉันจะไปตามที่ท่านบอก ฉันจะได้หมดห่วง”
“มนุษย์ก็แบบนี้ เจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่า…อ้าวก็ได้ เพราะเจ้าเป็นวิญญาณที่มีความดีรายล้อม…ข้าจะให้เจ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าจากไป” ท่านเทพชะตาวาดนิ้วรูปดาวขึ้นมากลางอากาศ
“สิ่งที่เจ้าจะเห็นต่อไปคืออนาคต ยามที่เจ้ากลับเข้าร่างอีกคนไปแล้ว” ภาพที่ข้าเห็นนั้น คุณพ่อ คุณแม่ อาม่า ไปทำบุญปล่อยปลา แล้วไปที่สุสานของตระกูล มีป้ายชื่อท่านทวด อาก๋งและฉัน พวกเขาวางดอกลิลลี่สีขาวช่อโตให้ฉัน ทั้งสามคนหน้าตาสดใส ก่อนที่คุณพ่อจะไปทำงาน คุณพ่อ คุณแม่และอาม่าจะตักบาตรทุกเช้า คุณแม่อยู่บ้านกับอาม่าสองคน……
“ทีนี่เจ้าเห็นแล้วว่าพวกเขาสุขสบายดีกันทุกคน…ไปเถอะ ข้าจะส่งเจ้ากลับเข้าไปร่างที่เจ้าเพิ่งออกมา”
“ข้าขอถามท่านเทพชะตาได้ไหมคะ ที่นั่นการใช้ชีวิตเหมือนยุคที่ฉันจากมาหรือเปล่า” ท่านเทพชะตาส่ายหน้า
“ต่างกับราวกับฟ้า อ้อ เจ้าชอบดูซีรีส์นี่ เหมือนในซีรีส์ที่เจ้าดูนั้นแหละ” นางตาโต หัวใจเต้นโครมคราม คิดถึงวิชาตัวเบา กำลังใจภายใน ที่มีต้นไม้ใหญ่โอบ 10 คน ได้ แต่พวกเขาแค่สะบัดเบา ๆ ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มลง ไม่ได้ฉันต้องขอพรบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันอาจตายอีกรอบ
“ท่านเทพชะตาขา ท่านบอกว่าฉันเป็นวิญญาณที่ดี ท่านไม่มีรางวัลให้ฉันบ้างหรือคะ”
“เจ้าได้ไปแล้วนี่ เพราะเจ้าเป็นวิญญาณที่ดี มีรางวังติดตัวเจ้าอยู่แล้ว แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่ที่ความดีที่เจ้าเคยทำมา…ไปเถอะ ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าแล้ว”
ฉันยังไม่ทันขอบคุณและถามท่านเทพชะตาเลยว่ารางวัลที่ติดตัวคืออะไร ทันที่ท่านเทพชะตาหายไป วิญญาณของฉันเหมือนโดนเหวี่ยงออกไปจากที่ไกลลิบ สมองและหูฉันอื้อไปหมด จากนั้นรอบ ๆ ตัวกลับอบอุ่นขึ้นมา พร้อมกับเห็นภาพของหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดจีน นางชื่อหลี่เฟยเฟย
ชื่อนี้มีเรื่องให้ผู้คนเล่าขวัญกันทุกวัน ว่านางเป็นสตรีที่ร้ายกาจ เอาแต่ใจมิมีสหาย บ่าวไพร่ต่างเอือมระอากับนาง…ถ้ามิมีพี่ชายที่ร่ำรวย คงมิมีผู้ใดเหลียวแลนาง…
ความทรงจำของร่างนี้ หลี่เฟยเฟยมีพี่น้องสองคน นางอายุ 14 ปีพี่ชายชื่อหลีฟานอายุ 17 ปี ทั้งสองคนรักกันมาก พี่ชายเป็นทาสน้องสาว ตามใจหลี่เฟยเฟยทุกอย่าง บิดามารดาของทั้งสองคนเสียชีวิตระหว่างที่เดินทางไปซื้อสินค้า เพื่อมาขายที่ร้านหลี่เฟย ที่ยามนี้พี่ชายดูแลกิจการทั้งหมด ขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ…
แล้วภาพที่ทำให้ดวงวิญญาณของร่างนี้จากไป มิมีวันกลับคือ ยามเช้าของปลายฤดูเหมันต์ ผู้คนแต่งกายงดงามเริ่มออกจากจวน จากที่ผ่านมาต้องอยู่ในจวนเพราะหิมะปกคลุมทางเดินรวมถึงหน้าบ้านเป็นเวลาเกือบ 4 เดือน
“คุณหนู พวกเราหนีออกจากจวนเช่นนี้คุณชายใหญ่มิว่าหรือเจ้าคะ” จิงจิงเดินตามคุณหนูเล็กออกมา ระหว่างที่พูดควันออกมาจากริมฝีปากบาง จมูกแดง ๆเนื่องจากสภาพอากาศติดลบ 2 องศา พร้อมกับร่างบางจับชุดให้เข้าที่ ลมพัดมาทีพาอากาศหนาวเย็นมาด้วย ยังมีหิมะหลงเหลืออยู่ที่กำลังค่อย ๆ ละลาย
“ข้าสั่งทุกคนไว้แล้ว มิมีใครกล้าไปฟ้องพี่ใหญ่หรอก”
“คุณหนูเรื่องที่พวกเราได้ยินมาอาจเป็นแค่ข่าวลือนะเจ้าคะ” มิรู้ว่าสุ่ยปิงได้ข่าวจากไหน เรื่องที่คู่หมายของคุณหนูจะพาแม่นางลี่มี่ไปชมบึงบัว
“พี่จิงจิง พวกเราออกมาตั้งไกลแล้ว จะล้มเลิกกลางทางมิได้นะเจ้าคะ พี่รู้นิสัยข้า อยากรู้ต้องได้รู้” นายหญิงซื้อนางมาจากโรงค้าทาส แล้วให้นางมาอยู่ข้างกายบุตรสาวคนเดียวของนายหญิง น่าเสียดายที่นายหญิงกับนายท่านด่วนจากไปเสียก่อน จิงจิงเร่งเท้าเดินตามคุณหนูไป
เมื่อทั้งสองคนมาถึงบึงบัวหลวง ผู้คนมากมายออกมาเดินดูดอกบัวที่กำลังบานสะพรั่ง บางคนพาภรรยาและลูก ๆ มีบางคนมากันเป็นคู่ ทางด้านหลี่เฟยเฟย เมื่อเห็นเป้าหมาย นางรีบเดินเข้าไป จิงจิงวิ่งตามคุณหนูไป ในใจก็ภาวนาขออย่าให้คุณหนูกรี้วเลย…
“สวัสดีท่านพี่เหว่ย ข้ารอท่านมาชวนข้าออกมาดูบึงบัว แต่ท่านมาชวนแม่นางลี่มี่ หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” ท่านแม่เคยบอกนางว่าท่านพี่เหว่ยคือว่าที่คู่หมายของนาง ท่านป้ามารดาของพี่เหว่ยเป็นสหายกับท่านแม่มานาน แล้วผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงรู้กันหมดว่านางกับท่านพี่เหว่ยเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่ง ครอบครัวทั้งสองฝ่ายค้าขายด้วยกันมานาน ชีวิตของหลี่เฟยเฟยจึงผูกมัดตัวเองกับบุรุษคนนี้ นางทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่ในสายตาเขา แม้ผู้อื่นจะมองว่านางร้ายกาจ มิมีเหตุผล นางไม่เคยสนใจ…
ท่านแม่ให้นางทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูไว้ รอฝั่งนั้นมาสู่ขอเมื่อนางอายุครบ 15 ปี แล้วนี้หรือสิ่งที่นางได้กลับมา…นางพูดด้วย 5 คำ ท่านพี่เหว่ยพูด 3 คำ แต่ถึงอย่างนั้น หลี่เฟยเฟยไม่เคยละความพยายาม เพราะปักใจไปแล้วท่านพี่เหว่ยคือคนที่จะมาเป็นคู่หมั้นของนางในปีหน้านี้ หลังจากที่นางปักปิ่นเสร็จ
กลับมาที่บึงบัวหลวง
“ถึงพี่ไปชวน เจ้าคิดหรือว่าพี่ชายเจ้าจะให้ออกมาจากจวน…แล้วไม่ต้องไปตะคอกใส่ลี่มี่ นางมิผิด เป็นพี่เองที่ชวนนางออกมาเป็นเพื่อน” หลี่เฟยเฟยกลืนน้ำลาย กำลังคิดว่านางไปตะคอกใส่แม่นางลี่มี่ตอนไหน นางก็พูดปกติ
“ใช่สิ งั้นคงเป็นข้าที่ผิดกระมัง…ที่มาขัดจังหวะท่านพี่เหว่ย” ลี่มี่ยกยิ้มมุมปาก เหมือนสะใจที่คุณชายเหลียงเหว่ยปกป้องนาง แล้วนางขยับร่างแนบชิดกับคุณชายเหว่ย หลี่เฟยเฟยเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ จึงเดินเชิดหน้าแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลาง
“ท่านพี่เหว่ย ขยับที่ให้ข้าได้ชื่นชมดอกบัวที่กำลังบานสะพรั่งด้วยเจ้าคะ อุ้ย…ขออภัยแม่นางลี่มี่ พอดียืนตรงนี้เห็นชัดกว่าที่อื่น จริงไหมเจ้าคะ” หลี่เฟยเฟยยิ้มเหมือนผู้ชนะ ที่นางมายืนข้างท่านพี่เหว่ยได้ จากนั้นชื่นชมบึงบัวตรงหน้าด้วยสีหน้าชื่นมื่น
ลี่มี่เห็นก้อนกรวดอยู่ตรงหน้ามากมาย แล้วรองเท้าของหลี่เฟยเป็นรองเท้าพื้นเรียบอย่างที่นางเคยใช้ มันจะไม่ค่อยทรงตัว นางอยากแกล้งให้หลี่เฟยเฟยอับอาย จึงหันมายิ้มให้คุณชายเหลียงเหว่ย แล้วพูดว่า
“คุณชายเหว่ยช่วยพาแม่นางเฟยเฟยไปดูใกล้ๆ บึงบัวหน่อยเจ้าคะ ข้าไปดูมาแล้ว จะเห็นชัดกว่ายืนที่นี้นะเจ้าคะ”
“ขอบใจลี่มี่ เจ้าช่างมีน้ำใจยิ่ง ประเดี๋ยวข้ามา ไปสิเฟยเฟย” จิงจิงที่อยู่ข้างหลังยังรู้เลยว่าน้ำเสียงที่คุณชายเหว่ยพูดกับแม่นางลี่มี่กับคุณหนูของนาง น้ำเสียงคนระดับ เหตุใดคุณหนูฟังมิออกนะ…
“ไปเจ้าค่ะท่านพี่เหว่ย” หลี่เฟยเฟยยิ้มกว้าง นางจะได้ยืนดูบึงบัวหลวงใกล้ ๆ พร้อมคนที่นางจะฝากชีวิตไว้ แต่ระหว่างนั้นเหมือนมีก้อนหินขนาดเท่าหัวแม่โป้ง ดีดเข้ามาตรงที่ข้อเท้านางอย่างแรง หลี่เฟยเฟยมิทันตั้งตัวถลำตัวไปข้างหน้า มือน้อย ๆ ตั้งใจจะคว้าชายเสื้อคนรักไว้ แต่นางคว้าไม่ทัน ร่างบางตกลงไปในบ่อบึงบัวหลวง เสียงน้ำแตกกระจายเป็นวนกว้าง สร้างความตกใจให้ผู้คนที่มาดูบึงบัวในหน้าหนาว
“เฟยเฟย!!!” เหลียงเหว่ยใจหายวาบ ที่ผ่านมาเขามิค่อยสนใจนางเพราะหญิงสาวชอบมาวุ่นวายชีวิตเขา แล้วข่าวคราวของหลี่เฟยเฟยแต่ละวัน มีแต่ด้านร้าย ๆ ถ้าเป็นเช่นนี้อยู่นางมิคู่ควรกับเขาและพยายามตีตัวออกห่าง…แต่ยามนี้หัวใจเขากับรู้สึกโหวงเหวงอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน………
“คุณชายเหว่ย ท่านรีบลงไปช่วยคุณหนูสิเจ้าคะ…ฮือๆ คุณหนู…ใครก็ได้ช่วยคุณหนูด้วย ได้โปรด…” ระหว่างนั้นมีคนกระโดนน้ำลงไปช่วยคุณหนูพอดี จิงจิงหันมาคิดว่าเป็นคุณชายเหว่ย แต่ชายหนุ่มกลับยืนเฉย ทำสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกตกใจ มีแม่นางลี่มี่ที่ใบหน้าซีดเซียวอยข้าง ๆ สร้างความผิดหวังให้จิงจิงอย่างยิ่ง นางเจ็บแทนคุณหนู นี่หรือคนที่คุณหนูรัก ท่านยืนเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน น้ำตาสาวใช้อย่างไหลพราก แล้วถอยออกมา ยืนห่างจากสองคนนั้น
เหลียงเหว่ยตั้งสติ กำลังจะกระโดดเข้าไปช่วยหลี่เฟยเฟย แต่ลี่มี่มาคว้ามือเขาไว้…
“คุณชาย มีคนลงไปช่วยแม่นางเฟยเฟยแล้ว ท่านอย่าลงไปอีกเลยนะเจ้าคะ ยามนี้ข้างล่างน้ำเย็นจัด ประเดี๋ยวท่านจะมิสบายเอา” จิงจิงเบ้ปากมองบน…อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือนาง ข้าจะไปฟ้องคุณชายให้เอาเรื่องนางถึงที่สุด…ยามนี้นางตัวสั่น กลัวไปทุกอย่าง อากาศข้างนอกเย็นจัดเช่นนี้ คุณหนูที่ตกลงไปในน้ำจะเป็นอย่างไรบ้างนะ แล้วสีหน้าคุณชายเหว่ยยามนี้ เหมือนมิรู้จักคุณหนูของนางมาก่อน
“นี่คุณชายเหลียงเหว่ย ว่าที่คู่หมายคุณหนูเฟยเฟยมิใช่หรือ เหตุใดมิลงไปงมหาร่างนางเล่า ดูสิพ่อหนุ่มคนนั้นยังมิขึ้นมาเลย” นางหยู่รู้จักพวกนี้ทุกคน เช้านี้นางมาเดินขายขนมข้าวเกรียบ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเดินดูดอกบัวที่กำลังบานสะพรั่ง
“ท่านป้า…มิใช่คุณชายเหว่ยที่ทำให้หลี่เฟยเฟยตกน้ำสักหน่อย นางเรียกร้องความสนใจกระมัง”
“ป๊ะ…นี่เจ้า…หน้าตาก็ดี…คิดได้แค่นี่หรือ ผู้ใดกันอยากเรียกร้องความสนใจโดยการลงไปในน้ำที่เย็นจัดเล่า คอยดูนะ ถ้าคุณหนูหลี่เฟยเฟยเป็นอันใดไป คุณชายหลี่ฟานมิเอาพวกเจ้าสองคนไว้แน่” นางหยู่พูดเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนได้ยิน ในใจก็มองไปในบึง ว่าเมื่อไรพ่อหนุ่มคนนั้นจะโผล่ขึ้นมา
“คนนี้หรือคู่หมายของคุณหนูหลี่เฟยเฟย แล้วแม่นางที่ยืนเกาะแขนพ่อหนุ่มนี้เป็นอะไรกับคู่หมายคนอื่น” จากนั้นผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างอยากรู้ ว่าตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไร ทั้งคู่ถูกจ้องด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วมีการนินทาระยะเผาขนให้ได้ยินกัน
“คุณชาย พวกเรากลับกันเถอะ” ลี่มี่กระซิบบอกคุณชาย ยามนี่พวกเขาสองคนกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปแล้ว อีกอย่างนางไม่อยากอยู่ที่นี่สักวินาทีเดียว หวังว่าจะมิมีผู้ใดสังเกตยามที่นางดีดก้อนหินใส่เท้าหลี่เฟยเฟย
“เจ้ากระโดนลงไปเองนะหลี่เฟยเฟย” ลี่มี่พูดในใจคนเดียว
“ข้าไม่ให้คุณชายเหว่ยกลับ คุณชายต้องรอให้คุณหนูขึ้นมาก่อนส่วนเจ้าจะกลับก็กลับไปเลยซิ” จิงจิงทนไม่ไหว นางเดินมาขวางทางพวกเขาสองคนไว้
“เจ้าเป็นแค่บ่าวไพร่ หักเจียมตัวเสียบ้างแม่นางจิง แล้วมาทำกิริยาสั่งคุณชายเหว่ยเช่นนี้ หึ นายเจ้าสั่งสอนได้แค่นี้หรือ” จิงจิงก้มหน้า ขอโทษคุณหนู ที่ทำให้สตรีคนนี้มาว่าคุณหนู
“ไปเถอะลี่มี่ ข้าจะไปส่งเจ้า หลบไปแม่นางจิงจิง ประเดี๋ยวข้าจะมา” หึท่านเห็นคนอื่นดีกว่าคุณหนูของข้าได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่คุณหนูหนีออกมาเพื่ออยากมาพบท่าน…จิงจิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา
“ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นหรอกแม่นางจิงจิง…” ท่านป้าหยู่รู้จักกับจิงจิงดี เพราะนางเห็นคุณหนูหลี่เฟยเฟยกับสาวใช้ข้างกายเดินไปอุดหนุนนางหลายครั้ง ผู้คนเล่าขวัญว่าคุณหนูหลี่เฟยเฟยเอาแต่ใจ เป็นนางมารร้ายในจวน แต่สำหรับนาง คุณหนูมีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือคนชราและเด็ก ๆ เสมอ โดยการซื้อของกินของใช้ไปให้ขอทานที่อยู่ชานเมืองบ่อย ๆ นางหยู่บ้านใกล้แถวนั้น เห็นการกระทำของสองนายบ่าวตลอด
“เจอแล้ว ๆๆๆๆ นั่นคุณหนูหลี่เฟยเฟย” ทุกคนต่างโห่ร้องดีใจ เมื่อมีคนหนึ่งพูดขึ้นมา จิงจิงรีบวิ่งไปที่ที่บุรุษผู้นั้นอุ้มคุณหนูขึ้นมา นางไม่สนใจเสียพูดคุยของชาวบ้าน…
“คุณชายขอบคุณมากนะเจ้าคะ ฮือๆ คุณหนู ขอบคุณนายหญิง นายท่าน คุณชายช่วยพาคุณหนูกลับไปที่จวนด้วยนะเจ้าคะ…คุณหนูอย่าเป็นอะไรไปนะคะเจ้าคะ ฮือๆ” จิงจิงรีบถอดชุดคลุมตัวเองออกแล้วคลุมร่างบางไว้ที่สลบอยู่ในอ้อมกอดคุณชายใส่หน้ากากเงินผู้นี้
“เจ้าตามมาละกัน” คุณชายผู้นั้นอุ้มคุณหนูแล้วใช้วิชาตัวเบาหายไปต่อหน้าต่อตานาง
“คุณชาย แล้วจวนไปทางไหน คุณชายทราบหรือเจ้าคะ…ฮือ ๆ คุณหนูพี่จะรีบกลับ อย่าเพิ่งเป็นอันใดนะเจ้าคะ” จิงจิงเดินไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา นางดีใจที่คุณหนูมิเป็นอันใด นางมิอยากคิดเลย ถ้าคุณชายผู้นั้นมิลงไปงมหาคุณหนู ทุกอย่างอาจสายไปแล้ว………
“เห้ออ…ขอบคุณสวรรค์…แม้นางจะถูกเล่าขวัญเกือบทุกอย่าง แต่ข้ามิอยากให้นางจากไปแบบนี้หรอกนะ” สตรีคนที่ 1 ที่มาดูบึงบัวอีกคนพูดขึ้น
“ใช่ ๆ เอาจริง ๆข้าเห็นใจนางมากกว่า เจ้าก็เห็น คุณชายเหว่ยมิเป็นสุภาพบุรุษเสียเลย ที่นางร้ายเพราะนางต้องการปกป้องของตัวเองก็ได้” สตรีคนที่ 2 พูดขึ้นมาบ้าง
“เจ้าพูดมาก็ถูก…” คนที่สามเห็นด้วย
“สำหรับข้านะคุณหนูใจดีกับข้าเสมอ…ทุกครั้งที่ข้าขายของเหลือ นางจะมาช่วยซื้อขนมแล้วนำไปแจกจ่ายให้เด็กหรือคนแก่ที่อยู่ชานเมือง” นางหยู่พูดเสียงดัง ทุกคนที่ได้ฟังต่างคิดมิถึงว่า คนอย่างคุณหนูหลี่เฟยเฟยนั่นหรือจะเห็นใจผู้อื่น มิใช่นางมิเคยเห็นหัวใคร………นางมีชื่อเสียงฉาวโฉ่จนมีฉายาว่านางร้ายหลี่เฟยเฟย…นี่นา