บทที่1มีห่วง
เช้าวันที่12 ของเดือนเมษายน แดดประเทศไทยเผาควายได้ แล้วคนอย่างเธอที่นั่งขายของในร้านใหญ่โตรอบตัวมีตั้งแต่สากกระบือยันเรือรบ นี่แค่ 9 โมงเช้าอากาศจะรีบร้อนไปไหน รอบตัวผกามีพัดลมไล่ความร้อนทั้งหน้าและหลัง แต่เธอยังรู้สึกว่าไม่เพียงพออยู่ดี คิดถึงแอร์ที่ห้องนอนขึ้นมาทันที เพราะเป็นลูกคนเดียว จึงต้องมาอยู่ร้านแต่เช้า คุณพ่อพาอาม่ากับคุณแม่ไปโรงพยาบาล ตามที่หมอนัด
ตึกแถวที่นี่เป็นของท่านทวดซื้อไว้นานแล้ว ทุก ๆ เช้าผกาจะขับรถกระบะเก่า ๆ มาเปิดร้านแต่เช้า ความจริงที่บ้านมีรถเก๋ง แต่ที่เธอเลือกขับรถกระบะ เพราะบางทีต้องให้ลูกน้องไปส่งของให้ลูกค้าที่ท่ารถ พูดถึงลูกน้อง ในร้านมีทั้งหมด 12 คน พวกเขาทุกคนมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด มีบัตรเขียวสำหรับเข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนขยันขันแข็ง เก็บเงินส่งให้ที่บ้าน
เช้านี้เปิดร้านมาลูกค้าเข้าร้านไม่ถึง 4 คนมั่ง เธอสำรวจของในร้านใหญ่โต รอบตัวมีตั้งแต่สากกระบือยันเรือรบ เพราะโควิดทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ของที่ซื้อไว้มีอยู่เต็มร้าน โชคดีที่ของพวกนี้ไม่ได้เสียหาย
“พี่เป๋อ…ฉันอยากกินกาแฟ พี่ไปซื้อกาแฟให้ฉันหน่อยนะจ๊ะ” พี่เป๋อ อายุ 35 ปี เธอมาทำงานแม่บ้านที่ร้านนี้ และเป็นคนแรกที่มาทำงาน จากนั้นพาพี่ชาย น้องสาวและหลาน ๆ เข้ามาทำงานตามเธอมา
“คุณผกาจะเอาเหมือนเดิมใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช้แล้วพี่เป๋อ กาแฟโปราณของตาคมอร่อยที่สุดแล้ว” ผกาชอบกินกาแฟโบราณของตาคมมาก วันที่คุณพ่อคุณแม่มาที่ร้าน เธอจะไปซื้อคนเดียว หาโอกาสคุยกับสองสามีภรรยา ที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง
ผกามั่นใจว่าแถวนี้ กาแฟโบราณของตาคมอร่อยที่สุด ทุก ๆ เช้า สองสามีภรรยาจะออกมาเปิดร้าน แล้วจะมีเพื่อนของทั้งสองคนหรือคนในละแวกนี้มาอุดหนุนแก…ความจริงตาคนกับยายสุ่มเป็นเจ้าของตึกแถวนี้หลายหลัง แต่ทั้งคู่ทำตัวธรรมดา ลูกหลานที่เรียนจบทำงานข้าราชการหมด…พอวันหยุด พวกเขาจะพาลูกหลานมาเยี่ยมตาคนและยายสุ่มอยู่กันพร้อมหน้า…
ทั้งสองคนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ นอกจากกาแฟโบราณอร่อยแล้ว ยังมีชาโบราณก็อร่อยมากเช่นกัน
“คุณตาคม คุณผกาจะเอากาแฟโบราณเหมือนเดิมค่ะ”
“ได้…วันนี้คุณผกาของเป๋อไม่ได้มาด้วยหรือ”
“เห็นคุณผกาบอกว่าวันนี้เฮียใหญ่ไปส่งอาซ้อและอาม่าไปหาหมอค่ะ”
“งั้นหรือ…หมอนัดก็ไป โควิดก็ไม่หายสักที” ตาคมอายุ 65 แต่เพราะเป็นคนอารมณ์ดี จึงดูเหมือนคนอายุ 55 ช่วงโควิดระบาด แกได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนอื่น พ่อค้าที่มาเช่าร้านของตาคม เพื่อขายอาหารหรือเสื้อผ้าต้องปิดตัวลงชั่วคราว เพราะไม่ได้ขาย ตาคมและยายสุ่มไม่ได้เก็บค่าเช่าในเดือนที่ร้านปิด
“เป๋อ เอาเงินทอนกลับไปด้วย” หลังจากที่ยื่นกาแฟให้เป๋อแล้ว ตาคมบอกให้เธอเอาเงินทอน
“คุณตา ไม่ใช่แก้วละ 50 บาทเหรอคะ”
“ช่วงนี้ช่วย ๆ กันไปฉันทำได้แค่นี้ เหลือแก้วละ 30 บาทพอ…”
“ขอบคุณค่ะ…”
ระหว่างที่รอกาแฟกลับมา ผกาง่วงเหลือเกิน สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะเธอติดซีรีส์จีน ยิ่งซีรีส์จีนที่เป็นกำลังภายในความยาวแบบต้องดู 5-6 วันถึงจะจบ เพราะเธอไม่มาดูเวลางาน แต่หลังจากกลับบ้าน กินข้าวกับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ผกาจะเข้าห้องทันที แล้วเปิดไอแพดดูซีรีส์ที่กดเข้ามาไว้ในชั้นเกือบ 1,000 เรื่อง
ทำไมในไอแพดเธอถึงมีซีรีส์จีนเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อนสาวที่เป็นดาวติ๊กต๊อก ทำรายได้จากการสปอยซีรีส์ เธอชวนผกาให้กดติดตามและกดถูกใจ ไป ๆ มา ๆ ผกากลายเป็นคนติดซีรีส์เสียงั้น เลยรู้ว่าซีรีส์เรื่องไหน มาแนวไหน ถ้าสนใจนำเข้ามาไว้ในไอแพดทันที
แล้วซีรีส์ประเภทพระเอกนางเอกเดินเหินกลางอากาศหรือใช้วิชาตัวเบา มีลมปราณที่แข็งแรง เธอยิ่งชอบ อ่า…ต้องโทษที่คุณพ่อกับคุณแม่ที่ไม่ยอมให้เธอมีแฟน พอเรียนจบเธอไม่ได้เจอใครอีกเลย แล้วครองตัวเป็นโสดจนอายุ 28 ปี กลายเป็นคนติดซีรีส์
“มาแล้วค่ะคุณผกา นี่เงินทอนค่ะ” ในที่สุด กาแฟเย็น ๆ หอมสดชื่นก็มาอยู่ในมือเธอสีกที
“พี่เป๋อ… กาแฟแก้วละ 50 บาทไม่ใช่เหรอคะ”
“คุณตาคมบอกว่าลดราคาเหลือ 30 บาทค่ะ”
“แล้วตาคมจะได้กำไรอยู่ไหมคะ…ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีอยู่ด้วย”
“พี่ว่าคุณตาคงสงสารลูกค้ามากกว่าค่ะ ที่ร้านเงียบเหงา ๆ รายได้หดหายทุกวัน แต่รายจ่ายเท่าเดิม หรืออาจเพิ่มขึ้น”
“ก็จริงของพี่…โชคดีที่ร้านเราเป็นของที่ไม่เน่าเสีย” คนที่ตกงานอยู่บ้าน แล้วต้องเปิดแอร์ตลอด รายจ่ายเพิ่มขึ้นแน่นอน คิดแล้วผกาก็รู้สึกสงสารอนาคตตัวเองเหมือนกัน…ที่อยู่ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็ว โลกหมุนเร็วขึ้น แต่คุณภาพชีวิตไม่มั่นคง
แม้อากาศร้อนระอุ แต่ยังดีที่มีกาแฟของตาคมช่วยคลายร้อน พัดลมสองตัวยิ่งเปิดเหมือนยิ่งร้อน วันนี้มีลูกค้าเดินเข้าร้านตลอด ส่วนมาแต่ละคนจะมาซื้อช้อนส้อม แก้วน้ำ ตะเกียบ ปินโต หม้อกระทะ กะละมัง กาต้มน้ำ หม้อหุงข้าวถ้วยชามของใช้ที่เป็นส่วนตัว
ผู้คนเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากที่ทานข้าวราดแกงข้างทาง นั่งกินรวมกัน พอเกิดโรคระบาด ทุกคนใส่ใจความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัยมากยิ่งขึ้น ร้านขายชำของครอบครัวจึงมิได้เงียบเหงาเหมือนร้านขายเสื้อผ้า หรือร้านขายทอง
“อาม่า หม่าม๊า หมอบอกว่ายังไงคะ” หลังจากที่เธอปิดร้าน แล้วขับรถกระบะเก่า ๆ ไปธนาคาร เพื่อนำเงินไปฝากแล้วกลับเข้าบ้าน เจออาม่านั่งบนโซฟากับคุณแม่สองคน สีหน้าพวกเขาไม่ดีเท่าไร…(ผกาเรียกคุณพ่อ คุณแม่ว่าป่าป๊า หม่าม๊าตั้งแต่เกิด)
“เป็นอย่างไรบ้างลูก เหนื่อยไหม อาม่าว่าหน้าตาหนูซีดเซียวเกินไปแล้ว”
“จริงของอาม่า ช่วงนี้ลูกยังคงอยู่ที่ประเทศจีนหรือ” หม่าม๊าจะรู้ว่าเธอติดซีรี่ส์จีน เวลาคุยกันจะเป็นแบบนี้ แต่อาม่าไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าเธอติดซีรี่ส์
“สองแม่ลูกคุยอะไรกัน แล้วหนูอยู่ประเทศจีนหมายความว่าอย่างไร”
“คริ คริ คริ คือแบบนี้จ้ะอาม่า” พอฉันยิ้มออกมา อาม่ากับคุณแม่พล่อยยิ้มตามไปด้วย ฉันได้เล่าเรื่องการดูซีรี่ส์จีนให้อาม่าฟัง ท่านพยักหน้าเข้าใจ แล้วท่านจะเอาเงินให้ฉันไปเที่ยวประเทศจีนด้วย แต่ต้องเป็นหลังจากที่ประเทศเปิด
“ที่นี่อาม่ากับหม่าม๊าบอกหนูได้หรือยัง ว่าคุณหมอว่าอย่างไรบ้าง”
“ของอาม่า ต้องควบคุมอาหาร ของหวาน มัน เค็ม และเผ็ดถ้าทำได้ไม่ต้องมาหาหมอก็ได้ อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกจ้ะ”
“อาม่าทำได้อยู่แล้ว อาม่าต้องอยู่กับพวกเราอีกนาน ใช่ไหมจ๊ะอาม่าจ๋า” ฉันเข้าไปกอดอาม่าแล้วหอมแก้มย่น ๆ แต่เนียนนุ่ม 1 ฟอด
“ส่วนของหม่าม๊า หมอบอกว่าแค่กระดูกทับเส้น คงต้องงดไปขายของที่ร้านจนกว่าจะหาย”
“โธ่…หม่าม๊า มีลูกสาวคนสวยอยู่ทั้งคน หม่าม๊าจะห่วงอะไรคะ เอาอย่างนี้ ผกาให้อาม่า หม่าม๊าอยู่บ้าน แล้วให้ป่าป๊าดูแลอาม่ากับหม่าม๊า ระหว่างนี่ผกาไปที่ร้านคนเดียว ยิ่งช่วงโควิดด้วย ไม่อยากให้อาม่า ป่าป๊าและหม่าม๊าออกไปข้าวนอก เป็นแบบนี้ก็ดีนะคะ”
“ดีอะไรลูกสาวพ่อ เอาเป็นว่าพ่อไปร้าน อยู่ดูแลอาม่ากับหม่าม๊าเถอะ” ในที่สุด ผกากับพ่อตกลงกันได้ เธอกับพ่อสลับกันไปทำงาน วันไหนที่พ่อไป เธอจะอยู่บ้าน วันไหนที่เธอไปร้าน พ่อจะอยู่บ้าน
วันนี้ฉันอยู่บ้านกับอาม่าและแม่ เมื่อซักผ้าทำความสะอาดบ้านเสร็จ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ ๆอยากทำอาหารให้พวกท่าน เลยทำตุ๋นรากบัวใส่กระดูกอ่อนให้อาม่า ส่วนของคุณแม่ ฉันทำผัดไทยกุ้งสดให้ แล้วฉันก็ชอบกินผัดไทยเหมือนคุณแม่ด้วย
“มาแล้วค่ะของโปรดของอาม่า” อาม่ายิ้ม แววตาอ่อนโยน ในใจภาวนาว่าจะได้อยู่ถึงหลานสาวออกเรือนมีครอบครัวไหมนะ
“ขอบใจมากจ้าหลาน เมื่อเช้าข้าวต้มกุ้งมีอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“มีค่ะอาม่า แต่หลานอยากทำของโปรดให้อาม่านี่นา…”
“ทำอะไรกินลูก กลิ่นหอมไปถึงหน้าห้องแม่”
“หม่าม๊านั่งลงเลย เดี๋ยวหนูยกผัดไทยมาให้”
ฉันได้รับคำชมจากอาม่าและคุณแม่ไม่ขาดปาก ทั้งสองคนสอนฉันทำอาหารเองกับมือ รวมถึงงานบ้านงานเรือนด้วย ฉันไม่ได้ชมตัวเองหรอกนะ เห็นห้าว ๆ แบบนี้ ฉันเก่งงานบ้านงานเรือนไม่แพ้คุณแม่สุดสวยของฉัน
ช่วงบ่ายฉันให้อาม่ากับคุณแม่กินยา แล้วให้พวกเขาไปพักผ่อน ฉันเก็บล้างทำความสะอาดแล้วเข้าไปในห้อง เมื่อคืนฉันดูซีรี่ส์ถึงตอนที่ 100/1 แล้วนะ อีก 50 ตอนถึงจะจบ
“ดูซีรีส์ต่อดีกว่า” ฉันลืมไปว่าเช้านี้ยังไม่ได้กินกาแฟ พอเปิดไอแพดนอนตะแคงดูซีรีส์ ฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกที เหมือนไม่ได้อยู่ในประเทศไทย อากาศเย็นเฉียบ ตาลืมไม่ขึ้น หนังตาหนักอึ้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ ๆฉันตัวสั่นงึกๆ นี่มันอะไรกัน ฉันเปิดแอร์ในห้องนอนปกตินี่นา แล้วเสียงร้องไห้ดังขึ้นมา
“ฮือๆ คุณหนูอดทนไว้นะเจ้าคะ ประเดี๋ยวท่านหมอมา คุณหนูหนาวใช่ไหมเจ้าคะ พี่จะเพิ่มผ้าห่มให้นะจ้าคะ” ผกาพยายามคิดว่านี้เป็นความฝันใช่ไหม ก่อนหน้านั้นดูซีรีส์เรื่องฮูหยินจอมปลอมกับคุณชายพเนจร ในเรื่องไม่มีแบบนี้นี่นา
“มาแล้วเจ้าค่ะ พี่จะห่มผ้าให้นะเจ้าคะ” เอ…หนังตาคู่นี้ทำไมลืมไม่ขึ้นนะ ร่างกายยังคงหนาวสั่น
“คุณชาย ท่านหมอเชิญเจ้าค่ะ” อยู่ ๆ คนที่ห่มผ้าให้ บอกคนที่มาใหม่ให้เข้ามาในห้อง ไม่เป็นไร ฉันจะนอนฟังเสียงพวกเขาคุยกันนี่แหละ มีแรงลืมตาขึ้นเมื่อไร จะไปปิดแอร์ละกัน
“เชิญท่านหมอตรวจอาการน้องสาวข้าได้เลยขอรับ” ฉันได้ยินทุกอย่าง แต่ร่างกายขยับตัวไม่ได้ กำลังคิดว่าหรือเป็นซีรีส์เรื่องใหม่ที่ยังไม่ได้ดูมั่ง
“คุณหนูปลอดภัยแล้ว แต่ช่วงนี้อย่าให้ร่างกายโดนความเย็น มิเช่นนั้นแทนที่จะหาย อาจต้องนอนซมอีกหลายวัน แล้วข้าจะเขียนยาที่ต้องนำมาต้มให้นางกิน”
“ขอบคุณท่านหมอ เชิญขอรับ จงอุ้ยไปส่งท่านหมอ”
“ขอรับคุณชาย”
“จิงจิงไปทำข้าวต้มให้น้องสาวข้า”
“เจ้าค่ะคุณชายใหญ่”
“เฟยเอ๋อร์ เจ้าฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ ด้วยหนา พี่ใจมิดีเลย เหลียงเหว่ยก็ทำกับเจ้าเกินไป ไม่เห็นแก่เจ้าที่เป็นน้องสาวที่พี่รักเลย” อยู่ ๆ ผกาปวดหัวแปล๊บ ๆ เหมือนศีรษะจะแตกเสียให้ได้ จากนั้นเธอไม่รู้สึกตัวอีกเลย
เอ๊ะ…นั่นเธอนอนตะแคงบนเตียงนี่น่า แล้วนี่วิญญาณเธอออกจากร่างหรือนี่ ผการีบเดินเข้าไปพยายามที่จะเข้าร่างตัวเอง ทำอย่างไรก็เข้าไม่ได้ วิญญาณผกาเดินไปเดินมา เธอตายง่ายเกินไปแล้ว เธอยังตายมิได้ สวรรค์ฉันต้องดูแลพ่อกับแม่และอาม่า พวกเขาแก่ตัวลงทุกวัน ฉันมีห่วงมากมาย ท่านเทวดาเจ้าขา…ให้ฉันได้เข้าร่างเดิมด้วยเถอะนะ
เสียงอ้อนวอนของฉันสูญเปล่า ทุกอย่างกลับเงียบ ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับฉัน จนเมื่อล่วงเลยเวลาบ่าย ๆ คุณแม่ได้มาเคาะห้อง แต่ไร้เสียงตอบรับ ท่านเปิดประตูเข้ามา แล้วเดินมาหาเธอที่นอนตะแคงแนบนิ่ง
“ผกา ลูกดูซีรีส์จนหลับคาไอแพดเหรอนี่…เอ๊ะ…ผกา ผกาตื่นลูก ทำไมตัวแข็งแบบนี้…กรี๊ดดดดดด” แม่พวงกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้าน เมื่อเอามือมาอังที่จมูกเธอ แล้วรู่ว่าร่างบุตรสาวไร้ลมหายใจ
ผกาทนดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ได้ เธอเดินออกไปนอกบ้านทันที เสียงร่ำไห้ยังดังก้อง ตามด้วยเสียงตกใจของอาม่า
28 ปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำให้พวกท่านต้องเสียใจ คุณพ่อกับคุณแม่มีลูกยาก จึงมีฉันคนเดียว แล้วฉันตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูท่านในยามแก่เฒ่า แต่ไม่คิดว่าต้องมาจากพวกท่านไปเสียก่อน
“เจอแล้วนายท่าน วิญญาณที่ท่านเทพชะตาให้พวกเราตามหา” อยู่ ๆ ฉันเห็นยมทูตสามคนเดินตรงมาหาฉัน(ลักษณะการแต่งตัวเหมือนยมทูตที่ดูในซีรีส์) อีกอย่างที่ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นยมทูตเพราะ ทั้งสามคนมีเขา คนที่สูงใหญ่มีหนวดเคราถือง้าวสามง่าม อีกสองคนถือเคียวยมทูต
“นี่เจ้ามนุษย์ กลับเข้าไปข้างในเถอะ เจ้ายังมิหมดอายุขัย”
“ท่านจะให้ฉันกลับเข้าร่างเดิมใช่ไหมคะ” ผกาเริ่มมีความหวังขึ้น
“ข้ามีหน้าที่ควบคุมวิญญาณเท่านั้น เจ้าเข้าไปคุยกับท่านเทพชะตาที่มีหน้าที่นำส่งวิญญาณเถอะ”
“ได้ ฉันจะไปกับท่าน รีบพาฉันไปเถอะ”