EP.7 ความทรงจำที่ขาดหาย
“มะ...ไม่ อย่านะ อะ...อืมอย่า”
หญิงสาวพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เบือนหน้าหนีสายตาคมที่จ้องมองมายังเธออย่างไม่ยอมละสายตา เธอพยายามดันร่างหนาให้ถอยห่าง รู้สึกหวาดกลัวจับใจเมื่อมือหนาเลื่อนจากเอวบางล่วงล้ำเกาะกุมสะโพกผายไว้เต็มมือ ยกเรียวขาขึ้นสูงแล้วไล้ปลายนิ้วไปยังเรียวขาช้าๆ อย่างหลงใหล ฐิตารีย์เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก หูอื้อ อ่อนแรงราวกับจะเป็นลมเสียให้ได้ มือบางจำต้องยึดอกกว้างเอาไว้เป็นที่พักพิง มือหนาหยาบลูบไล้จากเรียวขาขึ้นมาที่สะโพกแล้วกอบกุมทรวงอกคู่งามไว้อีกครั้ง
“นายหัวยะ...อย่า อะ...อืม...อย่า ปล่อยนะ” เธอหอบหายใจแรงจนหน้าอกคู่สวยกระเพื่อมขึ้นลงบดเบียดแผงอกหนาราวกับยั่วยวนทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ
“ทำไมเธอถึงไม่หยุดตารีย์ เธอต้องการผู้ชายอีกสักกี่ร้อยกี่พันคนถึงจะสนองตัณหาของเธอได้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อคิดว่าร่างบางที่เขากำลังกกกอดเคยผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน แต่ทำไม! ทั้งที่เขารังเกียจเธอเขากลับไม่สามารถบังคับร่างกายไม่ให้หลงใหลเรือนร่างงดงามของเธอได้
“ไอ้ชั่ว! ปล่อยฉัน” คำพูดดูแคลนทำให้หญิงสาวได้สติ พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดทว่าเขากลับปิดเรียวปากนุ่มไว้อีกครั้ง สัมผัสคราวนี้มิได้หยาบโลนเรียกร้องเอาแต่ใจ ทว่ามันกลับอ่อนหวานเล้าโลมจนหญิงสาวแทบไม่มีทางสู้
“จูบตอบฉันสิตารีย์ อย่างที่เธอเคยทำ” ชายหนุ่มกระซิบพร่า ทว่าดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รับรู้ใดๆ เมื่อร่างบางในอ้อมกอดแน่นิ่งไปเสียแล้ว
“ตารีย์! ตารีย์!” ชายหนุ่มเขย่าร่างบางก่อนจะอุ้มเธอไปนอนบนเตียง รีบกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที
“เธอเป็นอะไรหรือครับคุณหมอ” ชายหนุ่มถามไถ่อาการเมื่อนายแพทย์เดินออกมา
“เธอแค่เป็นลมครับ สักพักก็ฟื้น ช่วงนี้ร่างกายภรรยาคุณค่อนข้างอ่อนแอ ผมแนะนำว่าควรให้เธอพักผ่อนมากๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เหลียวมองหญิงสาวบนเตียงอย่างชั่งใจ เมื่อหมอและพยาบาลเดินออกไปแล้ว เขาก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง มองใบหน้าซีดเผือดทว่ากลับมิได้ลดทอนความสวยหวานของหญิงสาวลงได้เลย ทำไมนะ...เมื่อก่อนเขามองว่าฐิตารีย์เป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยว ทว่าวันนี้ในขณะที่เขามองเธออยู่เช่นนี้เขากลับรู้สึกว่าเธอสวยหวาน สายตาไล่ระไปยังแก้มนวลก่อนจะเลื่อนไปยังริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อจากรสจูบเมื่อสักครู่
“นางแม่มด” ชายหนุ่มรีบละสายตาเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะแพ้ใจตนเอง บอกตัวเองว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอย่างฐิตารีย์อีก เพราะผู้หญิงคนนี้จะทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด
ฐิตารีย์ลงจากรถกระบะหยุดยืนอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นสีเขียวไข่กา หน้าบ้านมีระเบียงยื่นออกมาเป็นลานกว้าง ชุดเก้าอี้ไม้สีขาวเข้าชุดยังมีแก้วกาแฟดื่มแล้ววางอยู่หนึ่งใบกับจานเปล่า กล้วยไม้สีม่วงสดทิ้งตัวจากกิ่งไม้ที่พันไว้ด้วยลวดห้อยจากขื่อไม้ด้านบนระย้าลงมาราวกับเป็นม่านดอกไม้เล็กๆ หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน น่าแปลกทั้งที่ใครๆ ต่างเรียกชายหนุ่มว่านายหัว แต่ทำไมบ้านของเขาจึงเป็นแค่บ้านไม้สองชั้นแม้จะหลังค่อนข้างใหญ่แต่ไม่หวือหวาสมฐานะ บริเวณบ้านปกคลุมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ ไม่แปลกใจที่ใครๆ ต่างก็เรียกบ้านหลังนี้ว่า ‘บ้านสวน’ ลมเย็นพัดพากลิ่นดอกไม้หอมเย็นระเรื่อยมาสัมผัสที่ปลายจมูก หญิงสาวหันไปถามคนงานที่จิณณวัตรส่งไปรับเธอออกมาจากโรงพยาบาล
“กลิ่นดอกอะไรหรือคะ” คนงานยังไม่ทันจะเอ่ยตอบก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ต้นพญาสัตบรรณที่เธอแสนเกลียดนักหนายังไงล่ะ” ศรีนวลเอ่ยแทรกขึ้น มองหน้าหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า
“ฉันน่ะหรือคะไม่ชอบ ฉันว่ากลิ่นมันหอมอ่อนๆ เย็นชื่นใจ ใช่ต้นนั้นหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวชี้ไปที่ต้นไม้สูงใหญ่สองต้นปลูกคู่กันทางด้านหลังของศาลาสีขาว ตันไม้สูงใหญ่ออกดอกสีขาวนวลเต็มต้นส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน กลิ่นหอมขนาดนี้อาจจะส่งกลิ่นไปถึงหน้าปากซอยบ้านสวนเสียด้วยซ้ำไป หญิงสาวคิดพลางแหงนหน้าขึ้นมองร่มไม้ใหญ่ที่บัดนี้ออกดอกสีขาวเต็มต้น
“อย่ามาทำเป็นเสแสร้งหน่อยเลย ก็เธอเองนั่นแหละที่แพ้เกสรดอกไม้ บ่นว่าทั้งเหม็นทั้งปวดหัว รบเร้าจะให้นายหัวตัดต้นไม้สองต้นนี้ทิ้งทั้งที่คุณพ่อคุณแม่ของนายหัวเป็นคนปลูกมากับมือ”
“จะ...จริงหรือคะ” ฐิตารีย์หน้าซีดเผือด เมื่อเจอทั้งสายตาน้ำเสียงและท่าทางไม่เป็นมิตรเช่นนั้น
“อ่อยนายหัวอีท่าไหนล่ะ นายถึงยอมให้หล่อนเข้าบ้าน”
“คือฉันไม่มีที่ไป” หญิงสาวพูดไปตามจริง เพราะตอนนี้เธอมืดแปดด้านจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหนอาศัยอยู่กับใครและกลับมาที่นี่ทำไม
“หน้าด้านนะยะ พูดมาได้ว่าไม่มีที่ไป พวกผู้ชายหน้าโง่พวกนั้นคงเพิ่งตาสว่างพากันทิ้งเธอไปหมดแล้วน่ะสิ เธอถึงหันมาเกาะนายหัวอีกครั้ง” ศรีนวลยังคงพูดกระแทกแดกดันหญิงสาวตรงหน้าที่บัดนี้ใบหน้าของเธอซีดเผือด ดวงยิหวารีบวิ่งออกมาจากในบ้านตรงเข้ามาหาหญิงสาวทันที
“นายหญิงคะเชิญเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ ข้างนอกลมแรงมาก” ดวงยิหวาฉวยถุงยาจากมือหญิงสาวก่อนจะเชื้อเชิญเธอเข้าไปในบ้าน ฐิตารีย์ส่งยิ้มให้เด็กสาววัยละอ่อนก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
“นังยิหวาแกไปทำดีกับมันทำไม” ศรีนวลเท้าเอวมองหลานสาวอย่างเอาเรื่อง
“โธ่ป้า นายหญิงเธอไม่สบาย” ดวงยิหวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนมองหน้าหญิงสูงวัยอย่างรู้ทัน ศรีนวลเป็นป้าแท้ๆ ของเธอ หลังจากบิดามารดาของเธอเสียชีวิตก็ได้ป้าศรีนวลนี่ล่ะดูแลส่งเสียให้เธอเรียนจนจบชั้นมัธยมหกก่อนที่เธอจะมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาวของนายหัวจิณณวัตรและเรียนมหาวิทยาลัยเปิดไปด้วย
“มันสำออยแกก็ไปเชื่อมัน” น้ำเสียงไม่อ่อนลงเลยซ้ำยังดังขึ้นแสดงชัดว่าเกลียดชังหญิงสาวมากเพียงไร