CHAPTER 7
อย่าให้เขามายุ่งกับลูกของเรา
ทำไมผมจะจำประโยคนี้ของฟางเมื่อคืนไม่ได้กัน ทางออกของคนเมาที่มีสติเพียงเล็กน้อยมักพูดอะไรที่กักเก็บไว้ออกมาจนหมดสิ้นไม่หลงเหลือเลยด้วยซ้ำอีกทั้งน้ำตายังเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าสิ่งที่เธอเครียดจนต้องหาทางออกเอามาลงกับของมึนเมาแบบนั้นมันคงสุดทางแล้วจริงๆ แหละ
ฟางชอบเก็บเรื่องคนอื่นมาทำให้ตัวเองกังวลและเอาเรื่องคนอื่นมาเป็นปัญหาชีวิตเสมอโดยไม่แยกแยะไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรคำว่า ‘ช่างแม่ง’ ใช้ไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้เลยสักนิดเดียวนี่คือข้อเสียที่ไม่ว่าจะถูกผมต่อว่ารวมถึงแนะนำไปเท่าไหร่อีกฝ่ายจะกันออกจากความคิดเสมอ
ไม่รู้เหมือนกันทำไมไม่รักตัวเองก่อนรักคนอื่น
ห่วงตัวเองก่อนห่วงคนอื่น
หลากหลายความรู้สึกที่ได้รู้และได้เห็นมาจากผู้หญิงคนนี้มันต่างจากหลายครั้งที่ผมได้เห็นจากคนอื่นและชัดเจนสุดก็เมื่อ 3 ปีก่อนแบบนั้นละมั้งผมถึงได้พยายามรู้จักเธอให้มากขึ้น
“ชาตอนบ่ายค่ะคุณชายต้า”
“ครับ”
สาวใช้ประจำบ้านใหญ่ที่ได้รับการอบรมมารยาทอย่างอย่างดีเอาชามาให้แล้วก็ถอยตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อส่วนผมนั่งมองไปด้านหน้าซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ใจกลางเมืองไหลผ่านนานครั้งจะมีเรือใหญ่แล่นผ่านอีกฟากตรงข้ามเป็นตึกสูงเรียงลดขั้นต่ำสูงไปตามกัน
ตรงที่ผมอยู่คือวังสัตตบรรณในส่วนด้านหลังที่สร้างเป็นระเบียงใหญ่บริเวณนี้ถ้าไม่มีอะไรก็จะเป็นเพียงระเบียงไว้สูดอากาศและนั่งซึมซับบรรยากาศแต่ถ้ามีช่วงเทศกาลก็ไว้จัดปาร์ตี้เล็กๆ สำหรับครอบครัว
สนามหญ้าสีเขียวสดสะท้อนสายตาของผมทุกครั้งที่เข้ามาที่นี้และทุกครั้งถ้าเข้ามาผมก็จะชอบมานั่งตรงนี้เสมอ ที่โปรดถ้าถามก็คงตอบว่าใช่แหละเพราะถึงขนาดทุกคนในวังเรียกระเบียงชายต้าแบบนี้แล้วผมยอมรับมันก็ได้
“มานานยัง”
“ไม่นาน” ร่างสูงโปร่งคล้ายตัวเองใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวชายเสื้อสอดเข้าไปในกางเกงเรียบร้อยสไตล์คุณชายใหญ่หรือที่ทุกคนเรียกว่าชายตุลย์มันยังไม่เปลี่ยนต่างไปจากเดิมสักนิดเดียว “เป็นไงบ้างการทำงาน”
“ยุ่งว่ะ หัวหมุนมาก”
“แล้วทำไมยังคิดจะเข้าใกล้ชายเต”
ระหว่างที่ไม่อยู่ต่อหน้าใครคำหยาบไม่ใช่เรื่องต้องห้ามระหว่างผมกับมันใช้ได้เลยแหละและตอนนี้ผมก็เริ่มเข้าธุระของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“มันก็มีเวลาว่างอยู่”
“ทุ่มกับงานเถอะตุลย์”
“กีดกันว่างั้นใช่มั้ยว่ะต้า”
“ไม่หรอกถ้าเจอปกติแบบครอบครัวแต่ถ้าเกินเหตุก็ไม่”
“แต่ที่มึงต้องการเหมือนมันจะเป็นแบบนั้นมากกว่าว่ะต้า”
“ถ้ากูว่าใช่มึงจะหยุดมั้ยล่ะตุลย์”
“…”
แน่นอนความเงียบเกิดขึ้นเพราะอีกฝ่ายไม่สามารถให้คำตอบได้ขาของผมจึงเหยียดยาวออกไปก่อนทิ้งตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายแม้จะมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายตัวเองแต่ทำไมจะไม่รู้ว่ามันทำหน้าแบบไหนในตอนนี้ การคาดเดาของผมไม่เคยผิดไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม
“ในฐานะลุงกับหลานกูให้มึงได้เสมอ”
“ฐานะอื่นไม่ได้เหรอ”
“มึงต้องการอะไร” คราวนี้ผมรู้ว่าน้ำเสียงตัวเองแข็งขึ้นความจริงจังเริ่มเข้ามาเยือนไม่มีการล้อเล่นหรือว่าประวิงเวลาให้มันยาวนานอีกต่อไปแล้วยังไงมันก็ไม่ได้ผล “ต้องการในสิ่งที่ไม่เคยต้องการมันใช่เหรอวะ”
“ไอ้ต้า”
แค่นี้ก็ขึ้นแล้วเหรอ
“มึงทำตัวเองนะตุลย์ กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ย”
“…”
“มาตอนนี้มึงก็ไม่ได้อะไรนะ”
มันคือความจริงที่มันต้องยอมรับให้ได้เพราะถ้าตอนนั้นมันไม่ยอมแน่นอนผมไม่มีสิทธิอะไรทั้งนั้นเว้นแค่ว่าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เลยเพราะผมมีสิทธิทุกอย่างกลับกันกลายเป็นมันนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิสักนิด
“กูขอแค่นี้จริงๆ”
“ตอนนี้กูว่ามึงเริ่มล้ำเส้นในสิ่งที่เคยตกลงแล้วนะตุลย์”
“…”
“มันเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยนะสำหรับสิ่งที่ขอ”
อย่างอื่นผมให้ได้
แต่ไม่ใช่แบบนี้เพราะผมให้ไม่ได้
“…”
“อย่าทำเรื่องให้วุ่นวาย”
“กูแค่อยากใกล้เขาบ้าง อยากให้ชายเตเห็นกูอยู่ในสายตาบ้างต้า”
“…”
“อยากให้กูเป็นคนทำให้เขาหัวเราะ อยากให้กูเป็นคนทำให้เขายิ้ม อยากให้ทุกๆ อย่างที่เขาอยากได้แบบตาเป็นประกายเหมือนที่ชายเตมองมึงกับฟางบ้าง กูอยากเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“มันเป็นไปไม่ได้ไงตุลย์ เป็นไปไม่ได้จริงๆ เพราะความต้องการของมึงมันสวนทางกับความต้องการของฟาง”
ใช่ฟาง ฟางไม่ต้องการแบบที่ไอ้ตุลย์ต้องการ
“มึงพูดกับฟางให้กูหน่อยได้มั้ยวะ”
“…”
“กูอยากอยู่กับลูกบ้าง”
“อยู่แล้วยังไง...” เอาเถอะถึงผมจะพูดแบบโหดร้ายออกมาแต่มันก็ยังดีกว่าพูดประโยคดีๆ แล้วทำให้มันมีความหวังที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป “มึงไม่เคยรู้อะไรกับเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ไม่รู้ว่าเขาอยากไปไหนหรือว่าไม่อยากไปไหนแบบนี้มึงยังจะดันทุรังต่องั้นเหรอตุลย์”
“กูเป็นพ่อเขา”
ผมไม่มีคำตอบให้กับคนตรงหน้าผู้ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองในประโยคที่กำลังอ้างคำว่าพ่อออกมามันคงจนปัญญาจริงนั่นแหละถึงได้กล้าเอ่ย
“มันอดีต... ตอนนี้กูต่างหากที่เป็นพ่อของชายเต”
“…”
“ไม่ใช่มึง”
ผมปฏิเสธตอบโต้ทันควัน
พี่ชายก็พี่ชายเถอะ
ถึงจะเห็นนัยน์ตาคู่ตรงข้ามเจ็บปวดแค่ไหนมันก็ไม่สามารถทำให้ใจอ่อนได้สักนิดเดียว การดำเนินชีวิตก็เหมือนกับสายตาที่ไม่ว่าจะอยากกลับไปแค่ไหนสายน้ำก็ไม่มีวันหวนกลับคืนไปยังจุดเดิม
“ทำไมมึงใจร้ายกับกูนักวะ ชายเตไม่ใช่ลูกมึงนะ”
อ้างว่าเป็นพ่ออีกแล้วงั้นเหรอ
เอามาพูดแค่ตอนหน้าผมเท่านั้นแหละคำว่าพ่อที่หลุดจากปากมัน
“…”
“เถียงมาดิวะว่าเขาเป็นลูกมึง”
“…”
“เพราะไม่ใช่ไงมึงถึงไม่เถียงกูต้า”
“…”
“แล้วมึงยังใจร้ายอีกเหรอวะ”
“กูไม่ใจร้ายแต่แม่เขาไม่ชอบให้ใกล้มึง กูต้องเลือกแม่เขามั้ยตุลย์ในเมื่อเขาต้องการแบบนั้น” เพราะถ้าให้ผมเลือกอีกกี่ครั้งผมก็จะเลือกแม่เขาไม่ใช่เลือกไอ้ตุลย์ “ที่สำคัญนะมึงอย่าติดกับอดีตเลยชายเตไม่ใช่ลูกมึงตั้งแต่ 3 ปีก่อนที่เขาคลอดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“…”
“มึงต่างหากตุลย์ที่ไม่ใช่พ่อของชายเต”
“…”
“ข้อนี้มึงควรย้ำตัวเองให้มากๆ หน่อยนะ”
“…”
“แล้วอย่าทำให้เมียกูลำบากใจอีกไม่งั้นมึงเองที่จะอกแตกตายเพราะไม่ได้เจอชายเต”
“…”
“มึงก็รู้ว่าถ้าฟางสั่งอะไรกูไม่ขัดเขา กูทำตามที่เขาบอกทุกอย่างแม้กระทั่งมึงจะได้ไม่เจอชายเตอีก”
“…”
“อยากเป็นแบบไหนคิดดีๆ แล้วกันตุลย์ กูเตือนมึงได้แค่นี้”
ม.ร.ว.รังสิมันต์ สัตบรรณ : TALK END