CHAPTER 6
“เกลียดนักคนรู้ทัน”
แต่ผมคงประเมินมันต่ำไปหน่อย เอาเป็นว่ามันก็ขี้เสือกไม่ต่างจากใคร
“ว่ามาเลย”
“ผมจะมาบอกว่า...” ไอ้ชาหันไปมองทางที่ทั้งผมกับมันพึ่งเดินมาหยุดเหมือนสำรวจอะไรบางอย่างพอมันแน่ใจก็หันกับมามองหน้าผมเช่นเดิม “มิ้นเหลนรหัสล่าสุดสนใจพี่อ่ะ เนี่ยให้ผมช่วยขอคอนแทคติดต่อ”
“กูมีเจ้าของแล้ว”
“เรื่องจริงเหรอครับ ผมนึกว่าเป็นเรื่องหลอกนะพี่ต้า”
“จริง” ผมย้ำอีกครั้งหนึ่ง
“…”
“กูไม่สนใจเหลนรหัสอะไรทั้งนั้น”
“งั้นแหวนนี่ก็...”
“ก็ตามที่เห็น ถึงกูไม่ใส่แหวนก็ใช่ว่ากูจะไม่มีใครนิทุกอย่างที่เปลือกนอกใครๆ ต่างเห็นนั้นมันต่างจากความจริงนะไอ้ชาแต่ที่กูเลือกใส่แหวนก็เพราะอยากใส่แล้วอีกคนเขาก็ใส่ด้วย”
“เป็นความลับเหรอวะพี่ แบบที่วังไม่ให้เปิดหรือว่าพี่ไม่อยากเปิดให้ที่วังรู้”
“ถึงกูปิดซ่อนแค่ไหนวังเขารู้ดี กูไม่ได้ปิดและที่วังก็รับรู้”
“แสดงว่าคนๆ นี้กุมหัวใจผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้ำแข็งแบบพี่ได้นี่ต้องโหดพอสมควรนะครับ” ไม่รู้สิโหดเหรอ... อ่าผมนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะโหดยังไงแค่ทำตัวเป็นธรรมชาติมั้ง “งั้นผมก็ยินดีด้วย ว่างๆ พามาเปิดตัวนะครับพี่ต้าแต่ถ้าพี่เปิดรับรู้ทั้งประเทศเลยมั้งเนี่ย”
“อย่าช็อคล่ะ”
“เอาละความเสือกเล่นงานกูแล้ว”
ไอ้ชาเบิกตานิดหน่อยก่อนพูดอะไรกับผมไปเรื่อยๆ ไม่นานมันก็ปลีกตัวออกไปหากลุ่มที่จากผมส่วนผมนั้นแยกมาทางห้องน้ำเพราะอยากล้างมือทว่าเหตุการณ์มันดันเกิดขึ้นเสียก่อน มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งล้มเอียงเข้ามาให้ผมรับประคองเอาไว้ ปลายผมน้ำตาลอ่อนร่วงปรกใบหน้าที่ซบตรงอกก่อนกลิ่นน้ำหอมอ่อนตีขึ้นให้ได้กลิ่น
เธอไม่ได้สติแล้ว
เธอคือคนเดียวที่กลุ่มผมมอง
และเธอก็เป็นคนที่ผมนั่นรู้จักดีเสียด้วย
แค่เสี้ยวผมยาวปรกใบหน้าที่แต่งแต้มให้เข้มขึ้นกรีดอายไลนเนอร์คมตวัดให้ตาดุและโตจรดริมฝีปากเรียวบางเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดไม่ทำให้ผมลืมได้แน่
“ตื่น!”
“อือ... เวียนหัวว่ะมึง”
“มึง?”
อ่อ... นี่คงนึกว่าผมเป็นเพื่อนสินะ
ให้ตายเถอะ
ให้ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเมาแบบนี้
“เหมือนโลกหมุน 10 รอบต่อหนึ่งวิเลยโว้ย”
“ลืมตา โลกมันอยู่ที่เดิมแต่เธอนั่นแหละที่หัวหมุนเอง”
“แป๊บๆ”
แป๊บๆ เป็นคำๆ คำหนึ่งที่ถ้าเกิดออกจากปากใครบอกเลยว่ามันแปลได้ในทางตรงข้ามกันนั่นคือช้ามากยิ่งคนเมาก็ยิ่งคูนเข้าไปอีกเมื่อคนที่พึ่งเอ่ยปากบอกว่าแป๊บไม่คิดทำอะไรเลยนอกจากนิ่งพิงซบไปกับร่างกายของผมแบบนั้นและถ้าไม่คว้าเอวเอาไว้ป่านนี้ร่วงกองลงพื้นแน่นอน
“แป๊บไป 5 นาที แป๊บอะไรของเธอฟาง”
เธอชื่อว่าฟาง
เธอคือผู้หญิงที่หมดสภาพ
เธอคือนางฟ้าแต่ตอนนี้คราบนางฟ้าหายไป
“เพื่อนเปล่าว่ะพวกมึงเนี่ยกูบอกว่ากู...”
แต่แล้วศีรษะที่หลุดออกจากการซบอกผมก็เงยหน้าขึ้นมองเส้นผมที่บดบังถูกมือหนึ่งแหวกออกไปด้านข้างเพื่อให้เห็นหน้าผมมากขึ้นแต่เอาจริงสายตาคนเมามันโฟกัสยากมากกว่าอีกฝ่ายจึงพยายามเพ่งใบหน้าผมแบบนั้นทั้งที่มีมือวางบนอกผมตลอดเพื่อพยุงตัวเองอีกที
“อะไรครับ กูอะไร”
“พี่...”
“ฟาง!/อีฟาง!”
แต่แล้วทุกอย่างก็ยิ่งไปกันใหญ่เมื่อมีกลุ่มเพื่อนของฟางเข้ามาแล้วยืนอึ้งกันแบบนั้นคงยังไม่ได้สติถึงขั้นตลึงที่เพื่อนตัวเองทำกับผม
“นี่ตาฝาดไปหรือเปล่าวะ อึก!
“ไม่ฝาด ความจริง”
“ไม่ๆ นี่เมาไง”
ยังมีนะครับคนเมาที่ยอมรับว่าเมาบนโลกไปนี้
“ใช่เมามากด้วยครับ”
“รู้มั้ยว่าเครียด รู้มั้ยๆ เครียดจนจะตายห่าอยู่แล้วโว้ย!” แบบนี้สินะถึงได้มาสถานที่แบบนี้แต่แล้วสิ่งที่ผมได้ถัดมาคือของเหลวอุ่นที่ย้อนสรมาจากท้องของอีกฝ่าย "แหวะ!"
“อีเหี้ยฟางอ้วกใส่คุณชายพี่ต้า!”
แบบนี้ไงที่เอ่ยปากบอกว่าสวยอย่างนางฟ้าลองเหล้าเข้าปากขึ้นมาคราบนางฟ้าได้หายไปแน่มันเกินจริงที่ไหนกันล่ะเพราะถ้าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มันจริงทุกประการ ไม่มีอะไรที่ผมจะไม่รู้เกี่ยวกับเธอหรอกและดูเหมือนจะรู้มากกว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำไปทว่าไม่อยากพูด
บางเรื่องพูดไปแล้วใช่ว่าจะดี
บางเรื่องพูดไปแล้วมีแต่เรื่องราว
และบางเรื่องควรปล่อยให้มันตายไปดีแล้ว
ผมไม่สนใจว่าเนื้อตัวจะเปื้อนอ้วกอีกฝ่ายมากแค่ไหนตอนนี้ทำได้แค่เพียงถอนหายใจมองไปทางเพื่อนของฟางที่เดินเข้ามาจะเอาตัวเธอไปทว่าไม่ได้หรอกผมเบี่ยงหลบไม่ให้แตะตัวเธอจนผู้ชายคนนั้นจ้องมองเขม็งแบบแข็งกร้าวขึ้นในทันที
ไอ้คนนี้มันพึ่งมาใหม่สมทบเมื่อกี้เอง
“ขอเธอคืนด้วยครับ”
“สนิทกันเหรอ?”
“เอ่อ... ขอโทษจริงๆ นะคะพี่ต้า” เป็นผู้หญิงอีกคนที่ก้าวขึ้นมาแล้วเอ่ย “พวกเรากลุ่มเดียวกับอี... เอ่อฟางค่ะ”
“กลุ่มเดียวกันก็สนิทกันไง”
แล้วผู้ชายคนนั้นมันก็เอ่ยพูดอีกครั้งหนึ่ง หึ... สนิทหรือว่าคิดไม่ซื่อกับคำว่าเพื่อนหรือคำว่ากลุ่มเดียวกันอย่าคิดว่าจะไม่รู้แค่มองตาทุกอย่างก็กระจ่าง
“อือ...” เช่นเดียวกันที่เวลานี้คนที่สติกำลังเลือนรางดังขัดขึ้น “ไม่ต้องห่วงพวกมึง”
“ฟางมึงเมามากนะเว้ย”
“ไม่ๆ คนๆ นี้กูรู้จัก”
“อย่าโกหกนะฟาง” แล้วผู้ชายคนนั้นมันก็ขัดขึ้นพร้อมทั้งขมวดคิ้วใช้สายตาจ้องมายังฟางที่ซบอกผมอยู่ มันไม่พอใจหรอกแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้กัน “มั่วแล้วนะตอนนี้”
“นี่พี่...อึก...ต้าไง”
“ไปกับพวกกูเถอะฟาง”
“ไม่ๆ ไอ้อุ่นบ้านกูใกล้เขา”
“มึงเมาจริงๆ แหละเนี่ย”
“อุ่นมึงฟังฟาง” แล้วเพื่อนผู้หญิงของฟางก็เอ่ยขัดขึ้นมา “อย่าหัวร้อน”
“แต่มันเมา”
“มันรู้ตัว”
“รู้ตัวเหี้ยอะไรแทบเอาตัวไม่รอดขนาดนี้วะ”
“มึงนั่นแหละที่กำลังเดือดร้อนทั้งที่อีฟางมันยังไม่คิดอะไรเลย รู้จักก็คือรู้จักอุ่น”
เพื่อนฟางทั้งสองถกเถียงกัน
“สนิทกันเหรอกับเพื่อนคนนี้”
เป็นผมเองที่พูดขึ้นบ้างอีกทั้งก้มหน้ามองคนที่ซบอกตัวเองพร้อมอีกแขนหนึ่งก็ค่อนเคลื่อนโอบรอบเอวซุกเข้าฝ่ามือของผมจนสัมผัสกับโลหะแข็งเย็นเฉียบบนนิ้วนางข้างซ้าย ของแข็งโลหะอันนี้ไม่มองก็พอรู้ว่าทั้งลวดลายทรงมันแทบเหมือนเช่นเดียวกันกับของผมเลยยกเว้นขนาดที่เล็กกว่าเท่านั้น
ใช่มันถูกสร้างไว้คู่กัน มันเป็นของกันและกันครับ
นี่ไงฟาง ภรรยาของผมเองและเป็นเจ้าของร่วมกันกับแหวนที่ทั้งผมและเธอสวมใส่
“เพื่อนกลุ่มเดียวกันค่ะ”
“อืม”
“พี่ต้า...”
“ฟางมึงกลับกับพวกกูเลยมั้ย มึงไม่ไหวแล้วเดี๋ยวไปส่งเอง” แล้วก็มีฝ่ายสาระแนขึ้นมาอีกครั้งใช่ผมรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองก็แทบควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้วเช่นกัน มันรู้สึกรำคาญไปหมดไม่ว่าไอ้นั่นจะใช้สายตามองหรือว่าพูดอะไรก็แล้วแต่อย่างเช่นตอนนี้ที่มันมองมือฟางที่ซุกเข้าจับมือผมอยู่ “พี่ก็ปล่อยเพื่อนผมเสียทีครับ”
“ไม่ปล่อย!” แล้วคนที่บอกเพื่อนไปคือฟางเอง “วันนี้กูกลับ จะกลับกับพี่ต้าโว้ย”
ชัดนะครับอยากพูดแบบนี้กระแทกหน้าไอ้นั่นแต่ทำได้แค่ส่งสายตาล้อไปแทน
แค่นี้ก็ทำให้ไอ้นั่นแพ้ผมแล้วแหละว่าไหมครับ
“…”
“อีฟาง...”
“ไม่ได้ฟาง”
“ทำไมจะไม่ได้ไปกับพี่ต้าปลอดภัยมากพวกมึงไม่ต้องห่วงนะเพื่อน” ไม่รู้ว่าใครจะเอ่ยอะไรอีกแต่ฟางรั้งตัวให้ผมโอบอุ้มเธอเต็มๆ ก่อนชี้ไปทางออกจากร้าน “กลับบ้านกันค่ะ กลับบ้าน”
ผมพายัยขี้เมามาถึงรถโดยใช้แรงเพิ่มมากกว่าเดิมซึ่งมาพร้อมกับอาการปวดประสาทอีกเท่าตัวเพราะฟางดื้อมากกว่าปกติหลายเท่าขนาดเปิดประตูรถกว้างเอาร่างเล็กยัดนั่งข้างคนขับฟางยังเอาขาทั้งสองข้างห้อยออกประตูไม่ยอมนั่งดีๆ ด้วยซ้ำอีกทั้งเธอยังเอาแต่กอดผมแน่น
“ขอเช็ดอ้วกเธอก่อน ปล่อยก่อน” ปล่อยที่หมายความว่าปล่อยทั้งหมดแต่คงไม่เข้าสติของอีกฝ่ายในเมื่อยังมีมือดึงชายเสื้อผมอยู่เมื่อเป็นแบบนั้นผมจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกโยนทิ้งถังขยะแถวนั้นมือเล็กยอมปล่อยชายเสื้อเพียงแป๊บเดียวก็ฉุดดึงชายเสื้อกล้ามใหม่อีกครั้ง ผมเคลื่อนตัวเข้ามายืนนอกรถแต่ใกล้ร่างเล็กที่นั่งมองอยู่กระทั่งท้าวแขนทั้งสองข้างกับประตูรถ “ไหนพูดมา”
เธอต้องการพูดกับผมในสภาพนี้แหละ
เพราะอีกฝ่ายกำลังคิดมือผมจึงเอื้อมทิชชู่เปียกหน้ารถมาเช็ดลงใบหน้าที่เงยมองตัวเองเบาๆ ไม่ได้เปื้อนมากหรอกแต่ขนาดนี้ก็ขี้เหล่แล้วสำหรับยัยคนนี้
“แรง เช็ดแรง”
“เอาน้ำมั้ย?”
“ค่ะ”
แล้วก็เป็นผมอีกที่เอื้อมมือเข้าไปหน้าคอนโซนรถคว้าขวดน้ำขนาดเล็กมาเปิดฝาแล้วยื่นให้อีกฝ่ายได้ดื่มจากนั้นก็ยังเช็ดปากให้อีกครั้งหนึ่ง
“ไหนเครียดเรื่องอะไรบอกพี่มา”
“...”
“ไม่เครียดเหรออย่าปิดบังครับ”
“…”
“บอกมาครับเดี๋ยวพี่จัดการให้”
“เรื่องลูก”
ลูก... โอเค
“เรื่องมีว่า?”
“พี่ต้ารู้มั้ย... อึก... พี่ชายตุลย์ขอฟางว่าอยากอยู่กับเต อยากสนิทกับเต อยากอยู่กับลูกเรา...”
หมับ!
แล้วฟางก็เงียบลงโดยที่ใบหน้าซบลงกับหน้าท้องของผมพร้อมทั้งแขนทั้งสองข้างกระชับกอดรอบเอวแน่นไปหมดรู้แล้วเธอร้องไห้ออกมาแล้ว ความเปียกชื้นเข้าแทรกลงเนื้อผ้าทำให้ร่างกายของผมสัมผัสกับความเปียกชื้นชุ่มไปหมดไม่นานเสียงสะอื้นก็ออกมาให้ได้ยิน
เสียงสะอื้นที่เบามาก
แต่มันโคตรดังเลยเมื่อผมได้ยิน
“อย่าร้อง” ผมลูบศีรษะเธอพร้อมปลอบ “อย่าร้องได้มั้ย”
“…”
ไม่ได้สินะ
ไม่ตอบแบบนี้ไม่ได้หรอก
“ไม่ชอบใช่มั้ยครับ”
“อือ... ไม่ชอบเลย”
“โอเคเดี๋ยวพี่จัดการให้นะครับ”
“รีบเลยนะอย่าให้เขามายุ่งกับลูกเรานะพี่ต้า”
“ครับ เขาจะไม่เข้ามายุ่งกับลูกเราได้อีก”