CHAPTER 4
“ครับท่านยาย” หม่อมดารุณียิ้มให้พวกเราที่เหลือจากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมจูงมือเตเดินเพื่อแยกออกไปทว่าพอผ่านหน้าฉันลูกชายตัวดีก็รั้งมือผู้เป็นยายแล้วใช้มือเล็กข้างหนึ่งยื่นเข้ามาแตะปลายจมูกด้วยการเขย่งเท้าสุดฤทธิ์ “แม่ฟางคนสวย เตรักแม่ฟางกับพ่อมากนะครับ”
“ลูกชายพ่อ อ้อนแม่กับพ่อให้รักเพิ่มหรือไง”
“พ่อ...อ่า”
เตเขินม้วนแล้วเป็นฝ่ายก้าวเดินรั้งมือผู้เป็นยายออกไปในทันที เมื่อทั้งเตและหม่อมดารุณีออกไปไกลลับสายตาพื้นที่ตรงนี้ก็เหลือแค่พวกเราทั้งสามคนซึ่งมีแต่ความเงียบงันปกคลุม
“คราวนี้พี่ชายตุลย์มาช่วยงานท่านพ่อแล้วใช่มั้ยครับ”
“อืม... ใช่”
“ขอแสดงว่าดีใจที่เรียนจบด้วยครับส่วนของขวัญผม...”
“ไม่ต้องให้อะไรพี่หรอก”
“งั้นขอโทษที่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีพร้อมหม่อมแม่และท่านพ่อที่อังกฤษด้วยพอดีวันนั้นเตลูกผม... ไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาลเลยไม่อยากทิ้ง”
“ชายเตเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาครับแต่พอไม่สบายทีก็เป็นหนักตามประสาเด็ก”
“ไม่เห็นใครบอกพี่เลย” น้ำเสียงเดิมที่ดูเหมือนพูดประชดแต่นัยน์ตาไม่ได้เป็นแบบนั้นมันมีความรู้สึกน้อยใจอยู่ “ถ้ารู้จะได้ไม่ต้องให้ท่านพ่อกับท่านแม่ไป”
“ขอบคุณครับแต่ไม่เป็นไรผมดูแลได้สบายมาก”
“ได้ข่าวว่าแกดื้อตลอด ชอบทำตัวเกเรเหรอ?”
“วิถีลูกผู้ชายก็มีบ้างครับ”
“อย่าให้มันมากแกยังมีน้องฟางกับลูกนะ”
“รู้ครับ”
“ว่าแต่... ชายเตไม่ชอบปืนเหรอ”
ไม่รู้ว่าพี่ชายตุลย์ยังติดใจกับเรื่องปืน
สงสัยเล่นกับความรู้สึกเขาละมั้ง
“หึ...” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงเยาะจากลำคอคนข้างตัวขึ้นมาพอหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มเหยียดผสมด้วยไม่ได้ปิดบังแต่มันกับเปิดเผยให้ได้เห็นแบบชัดเจน “ไม่ชอบเอามากๆ เลยแหละครับ”
“พี่ไม่รู้เลย”
“รู้สิครับแปลกพี่ชายตุลย์เจอเตแค่ไม่ถึงสามครั้งเองนะเอาจริงเตก็ชอบอะไรหลายอย่าง ลูกผมชอบรถบังคับ ชอบต่อเลโก้ต่างๆ ชอบสายกีฬาและก็ชอบถ่ายรูปมากเหมือนผมเลยพี่ชายตุลย์ว่ามั้ย”
“นี่...”
“อะไรก็พี่ชายตุลย์ไม่รู้พี่ก็แค่บอกเองฟาง”
พอฉันขัดเขาขึ้นเขาก็ไม่ฟังสักนิด
บทจะดื้อก็ดื้อเลยผู้ชายคนนี้
“อืมเหมือนแกมากเลย”
“ก็ลูกผมอ่ะ ก็ต้องเหมือนผมถูกแล้วสิครับ”
“…”
เพราะอีกฝ่ายเงียบลงไม่โต้ตอบอะไรเป็นฉันเองที่ต้องเอ่ยประโยคขึ้นมาเพื่อรักษาไม่ให้มีความอึดอัดเกิดขึ้นเพราะไม่ชอบเอาเสียเลย
“ฟางยินดีด้วยนะคะพี่ชายตุลย์ที่เรียนจบแล้ว”
“ขอบคุณครับน้องฟาง”
“แล้วต้องขอประทานโทษที่เตพูดไปแบบนั้นด้วยนะคะพอดี... เด็กก็เป็นแบบนี้แหละถ้าถือสาเลยนะคะ”
“พี่ไม่ได้อะไรเลยครับ ชายเตโตไว้มากเลยตอนนั้นยังกำลังหัดเดินแต่ตอนนี้สิลากคนเป็นยายไปได้แล้วอีกทั้งยังฉลาดมากด้วยเห็นท่านแม่บอกว่ากำลังหาโรงเรียนให้ใช่มั้ย”
“กำลังดูๆ ค่ะแต่...”
“กำลังจะหาว่าพี่เรื่องมากใช่มั้ย?”
“พี่พูดเองนะฟางไม่ได้พูดเลย”
“แค่มองก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่”
“เอาละๆ อย่าทะเลาะกัน” พี่ชายตุลย์เป็นคนเอ่ยห้ามปรามทั้งฉันกับเขา พูดถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็น่าโมโหทุกครั้งเพราะทั้งฉันและเขาไม่ลงรอยเรื่องโรงเรียนแม้แต่ที่เดียวถึงแม้ลูกจะยังไม่ถึงวัยเข้าก็เถอะ “คอยๆ คิด”
“ปัญหาเรื่องนี้อีกยาวครับไม่จบหรอก”
“นี่เริ่มหาเรื่องแล้วนะคะ ถ้าไม่จบจะไปต่อที่บ้านก็ได้นะฟางก็เตรียมด่าพี่เยอะเหมือนกัน”
“ได้สิเพราะพี่เสนอโรงเรียนไหนเธอก็ค้านหมดพอเธอเสนอพี่จะค้านมันก็ไม่ผิดอะไรมั้ยฟาง”
“พ่อครับ แม่ฟางครับ”
“ครับ/ครับลูก”
“แล้วนี่แบบนี้พร้อมใจกันดีเชียวทั้งเราแล้วก็น้องฟาง”
พร้อมใจกันก็ต่อเมื่อมีลูกเข้าแทรกแค่นั้นเองแต่พอไม่มีทั้งฉันและก็เขาเราก็แตกคอกันเช่นเดิมเหมือนทุกครั้งที่เคยเป็นมาแล้วดูเหมือนมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไม่จบสิ้นเลยแหละ การตกคอสำหรับฉันและเขาคือความคิดเห็นไม่ตรงกันซะส่วนใหญ่เมื่อฉันแย้งเขาขึ้นมาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามทุกครั้งอีกฝ่ายจะเงียบแล้วค่อยถามหาเหตุผลเสมอไม่ใช่เอาแรงชนแรงจนมันกลายเป็นการทะเลาะ
เพราะเขามีเหตุผลและถูกอบรมมาตั้งแต่เด็ก
เขาจึงสามารถรับกับอารมณ์ของฉันได้ ไม่ว่าครั้งไหนก็มีแค่คำว่า ‘ได้’ เสมอ
เราทั้งสามคนฝากท้องไว้ที่วังสัตตบรรณจริงๆ ในอาหารค่ำวันนี้ซึ่งของโปรดส่วนใหญ่ที่ได้ขึ้นโต๊ะอาหารก็มีด้วยกันหลากหลายประเภทมีของโปรดของทุกคนไม่มีการเลือกแค่คนใดคนหนึ่งทั้งนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จฉันกับลูกก็มานั่งเล่นที่ห้องรับแขกเมื่อตอนเย็นเพื่อรอเขาที่ตอนนี้ไปพบเจ้ารัชกรณ์ผู้เป็นบิดา
“ง่วงหรือยังครับ”
“ยังครับแม่ฟาง”
เป็นการปฏิเสธที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงมากเลยทั้งๆ ที่ดวงตากลมเกือบลืมไม่ขึ้นแล้วลูกชายตัวเล็กยังปฏิเสธพร้อมกับอ้าปากหาวออกมา
“จริงหรือเปล่าครับ รู้มั้ยเด็กดื้อต้องโดนตีนะ”
แค่คำว่าตีดวงตากลมที่ฉันก้มลงมองก็เบิกโตกว้างขึ้นหลายเท่าตัวทุกอย่างฉันสามารถเห็นได้ชัดเจนเพราะว่าลูกชายตัวแสบนอนยาวไปกับโซฟาเบสสีพื้นอีกทั้งยังใช้ศีรษะเล็กหนุนขาฉันเอาไว้พอดีกันกับหุ่นยนต์ตัวโปรดในมือเล็กนั้นลดลงเหลือแค่วางแนบไว้กับหน้าอก
“งั้นตอบใหม่ได้มั้ยครับแม่ฟาง”
“งึม... ก็ได้ครับ”
“เตง่วงนิดๆ เมื่อไหร่พ่อจะมา”
“อีกนิดพ่อก็มาแล้วครับ” ฉันเห็นน้ำตาของลูกชายที่หาวคลอกับดวงตากลมแบบนี้จึงทำได้แค่ส่งมือไปลูบศีรษะเล็กเอาไว้แทน “เตนอนรอพ่อได้เดี๋ยวแม่ฟางเฝ้าเอง”
“เดี๋ยวตื่นไม่เจอแม่ฟาง”
เสียงเริ่มงอแงแล้ว
เตเริ่มปฏิเสธทุกอย่างตามประสาเด็กแล้ว
“แม่ฟางสัญญาครับ ลูกชายคนหล่อนอนได้เลย”
ไม่มีคำตอบจากลูกที่นอนตักฉันแต่ดวงตากลมคู่นั้นกับหลับตาลงพร้อมกับกอดหุ่นยนต์ตัวโปรดที่คนเป็นพ่อพึ่งเอาจากรถมาให้เมื่อก่อนรับประทานอาหารอีกทั้งมือเล็กที่ยังคว้าแขนฉันข้างหนึ่งเข้าไปกอดทับหุ่นยนต์ตัวนั้นเอาไว้ด้วยราวกับกลัวว่าจะหายไปผ่านไปแค่พักเดียวลมหายใจของลูกชายตัวเล็กก็เข้าออกสม่ำเสมอไปเรียบร้อย
เด็กชายที่เข้ามามีชีวิตบนโลกได้สามปีกว่า
เด็กชายที่มีคำนำหน้าว่าหม่อมราชวงศ์ไม่ใช่เด็กชาย
เด็กชายที่มีพร้อมทุกอย่างในสายตาคนอื่นทว่ามีความลับมากมาย
เขาคือเด็กชายที่นอนหลับนิ่งบนตักของฉันเอง ม.ร.ว.เตวิชญ์โช สัตบรรณ ที่มีชื่อเล่นว่าเต
เขาเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด สดใสและก็มีรอยยิ้มทุกครั้งที่เห็นสิ่งที่ชอบใจหรือว่าสนใจจากนั้นก็จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
เขาเป็นเด็กที่ทั้งฉันและพี่ต้าพร้อมยอมทุกอย่าง
“ชายเตนอนหลับแล้วใช่มั้ยน้องฟาง”
แต่แล้วกับมีเสียงที่พึ่งคุ้นเคยไม่กี่ก่อนหน้าช่วงโมงนี้แทรกเข้ามาฉันจึงเงยใบหน้าขึ้นไปมองเขาคนที่พึ่งเข้ามานั่งโซฟาตรงกันข้ามระยะห่างที่ค่อนข้างมากเอาการอยู่
“พึ่งหลับไปก่อนหน้านี้เองค่ะพี่ชายตุลย์”
“นอนง่ายสงสัยจะง่วงแล้วแหละ ให้พี่ไปส่งที่บ้านก่อนมั้ยครับคงอีกนานถ้าจะรอ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟางรอดีกว่า” ไม่ว่ายังไงฉันก็จะปฏิเสธการช่วยเหลือของอีกฝ่ายอยู่ดีไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรทั้งนั้นจะถือว่าเสียมารยาทก็ตามแต่ “อีกอย่างรอที่นี่ก็สะดวกดี”
“อ่า... ครับ”
“พี่ชายตุลย์ไปนอนได้นะคะไม่ต้องรอเป็นเพื่อนฟางกับลูกหรอก”
“ไม่เป็นไรครับพี่นั่งเป็นเพื่อนได้ว่าแต่ขอถามเรื่องชายเตหน่อยได้มั้ยครับ” ฉันทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไปจึงทำให้พี่ชายตุลย์รีบเอ่ยประโยคคำถามใส่ในทันที “ชายเตป่วย... ตอนนั้นไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยน้องฟาง”
“ก็ไข้หวัดธรรมดาค่ะแต่เป็นหนักก็เลยทรุดนิดหน่อย”
“จริงเหรอครับ”
“จริงค่ะที่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วยเพราะเตงอแงมาก อยากอยู่กับพ่อตลอดเวลา งอแงแบบสุดๆ ทั้งเวลาตื่นหรือหลับก็ต้องเห็นหน้าคนเป็นพ่อเสมอไม่อย่างงั้นโรงพยาบาลแตกแน่ๆ”
“ชายเตติดพ่อมากเลยสินะ”
“ติดมากๆ เลยค่ะ พวกเขาใช้เวลาว่างอยู่ด้วยกันเสมอถึงแม้คนเป็นพ่อจะเรียนหนักแค่ไหนก็ตามเขาจะแบ่งเวลามาดูแลลูกชายสุดที่รักได้”
“…”
“มันเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขมาก”
“…”
“พี่ชายตุลย์หายห่วงได้เลยค่ะ”
“พี่กลับมาอยู่ไทยแล้ว อยู่แบบถาวรเลยนะครับอยากจะขออยู่กับชายเตบ้างได้มั้ย”
“…” ฉันไม่มีคำตอบให้กับเรื่องนี้แต่มีคำถามเต็มไปหมดเชื่อไหม
“ชายเตน่ารักพี่อยากสนิทด้วยครับ”
“ถ้าเป็นในฐานะลุงก็ได้นะคะ”
“…”
“ฟางคิดเสมอถ้าไม่ล้ำเส้นอย่างที่เคยพูดกันไว้มันก็ได้แต่ถ้ามากกว่านั้นอย่าเลย ปล่อยให้ไปใช้ชีวิตที่ดีเถอะ”