CHAPTER 10
“จะซื้อให้รีบไปหาเตได้แล้วนะฟาง ลูกรออยู่”
“โอเคค่ะ”
“ลูกอยากกินอมยิ้มด้วย”
“ไม่ได้เตฟันผุ” หันขวับมาอีกฝ่ายที่ยังยืนท้าวแขนกับประตูรถในขณะที่ฉันพร้อมออกรถเพียงแค่อีกฝ่ายปิดประตูรถให้ “ทำไมชอบให้กินนักอีกสามวันต้องพาไปตรวจฟันนะคะคราวนี้จะโดนถอนหรืออุดก็ไม่รู้”
“ลูกอ้อน”
“ใจแข็งไว้สิพี่ต้า”
“เดี๋ยวพี่... ให้ลูกแปรงฟันก็ได้นะฟาง”
“ไปสัญญาอะไรกันไว้คะแค่กล้องถ่ายรูปฟางยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะพี่ต้า”
“แต่ฟางให้พี่นอนโซฟาสองอาทิตย์ไปแล้วนะครับนี่ไม่ใช่การคิดบัญชีเหรอ พี่ปวดหลังถึงกับไปร้านนวดกับไอ้พวกนั้นเลยนะฟาง”
“พี่แก่ต่างหาก” สรรหาการแถมากนั่นไงพอรู้ทันก็ยกยิ้มขึ้นตรงมุมปากไม่สบตาเลี่ยงมองสิ่งรอบตัวมันเป็นแบบนี้เสมอมาคิดว่ารู้ไม่ทันหรือไงกัน “ฟางถามว่าไปสัญญาอะไรกับลูกคะ”
“แลกกับการให้เตกินผักครับ พี่บอกจะให้อมยิ้มหนึ่งอัน”
“โอเคค่ะแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะคะที่ฟางจะยอมแล้วอีกสามวันเตรียมตัวไปหาหมอฟันด้วยกันกับลูกเลย ปลอบเก่งก็ต้องไปปลอบเองผิดนัดฟางโกรธ”
“ตกลงครับ”
“หวังว่าสัตตบรรณจะมีสัจจะกับคำพูดนะคะพี่ต้า”
“แน่นอนครับ เอาล่ะขับรถดีๆ ถึงบ้านก็บอกพี่ด้วยนะ พี่ห่วง...”
ฉันขับรถมาถึงบ้านโดยใช้เวลาเกือบชั่วโมงโดยการฝ่ารถติดอย่างใจเย็นมากสุดเท่าที่จะทำได้ทั้งที่ใจอยากจะกระโดดทิ้งรถตั้งแต่ติดอยู่กลางถนนมาถึงบ้านใจจะขาดแค่ไหนก็ตามแต่ความเป็นจริงมันทำได้ที่ไหนกันล่ะ ช่วงเวลาอันแสนน่าเบื่อได้จบลงเมื่อเท้าเคลื่อนออกจากรถกำลังสะพายกระเป๋าเข้าไปในตัวบ้านทว่าเสียงกริ่งหน้าบ้านกับดังขึ้น
ดังขึ้นติดๆ กันเหมือนคนสันดานเสียกดเรียก
ดังจนแม่บ้านรีบวิ่งออกมาแล้วก็หยุดเมื่อเจอกับฉันก่อน
“คุณผู้หญิง”
“ชายเตล่ะอยู่ไหน?”
ใช่แล้วฉันไม่สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถ้ายังไม่ได้รับคำตอบเรื่องลูกคนสำคัญของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใดอยากจะกดจนมือหงิกมือกระด้างตายก็กดไปเถอะกริ่งหน้าบ้านอ่ะ
“นอนเล่นที่ห้องรับแขกค่ะอยู่กับพวกป้าๆ อีกสองคน”
“งั้นเราตามฉันมา”
ฉันเปลี่ยนรองเท้าส้นสูงเป็นรองเท้าแตะคู่โปรดจากนั้นก็เดินไปยังหน้าบ้านดูจากช่วงระยะไกลคนที่กดกริ่งเป็นผู้หญิงตัวผอมแต่งตัวเปรี้ยวหน่อยด้วยเดรสสีขาวสั้นและเธอกำลังหงุดหงิดเอาการ ปกติแล้วบ้านหลังนี้มีระบบประตูอัตโนมัติมีไว้แค่ฉันกับพี่ต้าส่วนคนอื่นๆ ถ้ามาเยี่ยมก็จะต้องผ่านคนของพี่ต้าก่อนมันเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยนพอฉันมาถึงคนของพี่ต้าก็หลบไปอยู่มุมหนึ่งของประตูส่วนผู้หญิงคนนั้นที่อยู่นอกเกาะรั้วเธอยกริมฝีปากขึ้นก่อนเชิดใบหน้าเล็กน้อยพอประมาณแล้วปล่อยมือทั้งสองลงแนบข้าง
ฉันไม่เป็นคนเริ่มบทสนทนาแน่ๆ
ฉันไม่พูดและเลือกเงียบ
แต่ใช้สายตามองประเมินคนตรงหน้าไปเรื่อยๆ ไม่หยุดไม่ว่าจะเป็นสีหน้าท่าทางอาการหงุดหงิดหรือแม้กระทั่งกิริยาที่อีกฝ่ายนั้นแสดงออกมาให้เห็น เธอปัดเส้นผมไปทางด้านหลังเผยริมฝีปากยิ้มขึ้นนิดๆ เพื่อให้เห็นหรือว่ากำลังเบ่งบารมีตัวเองซึ่งแน่นอนฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย
น่าจะเป็นเด็กของพี่ต้างั้นเหรอ
พี่ต้าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้จะถ้าซุกไว้ก็ไม่รู้สิ
รู้แค่ไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาจุดนี้มากกว่าเลือกอยู่ในที่ของตัวเอง
“ฉันมาหาพี่ต้า”
“…”
แล้วความอดทนของเธอก็หมดลงอย่างรวดเร็วแต่สีหน้าท่าทางก็ยังเหยียดคนอื่นๆ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปสักนิดเดียวถึงเป็นครั้งแรกในการเห็นแต่ก็ทำให้ฉันรับรู้ทันทีว่าคนตรงหน้านิสัยเป็นยังไงมาวันนี้ต้องการอะไร
อยากเป็นคนโปรด
อยากเป็นที่หนึ่ง
กล้าได้กล้าเสีย
หยิ่งและทะเยอทะยานเกินเหตุ
นี่คือสิ่งที่ฉันมองเห็นจากผู้หญิงคนนี้
“พี่ต้าอยู่ไหน?”
“มีธุระกับคุณชายติดต่อคุณชายไว้ก่อนมั้ยคะ” ไม่ใช่ฉันตอบแต่เป็นแม่บ้านคนเดิมที่ติดตามมาตั้งแต่ทีแรกเธอเอ่ยตอบขึ้นมา “คือ...”
“ฉันบอกหรือยังว่ามีธุระ ฉันแค่ถามว่าพี่ต้าอยู่ไหน”
“…”
“แล้วนี่กะไม่ต้อนรับเข้าบ้านหรือไงกัน”
“ใครจะเข้ามาต้องได้รับอนุญาตจากคุณชายก่อนค่ะ ไม่สามารถเปิดให้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย ฉันมาก็เพราะรู้จักพี่ต้า”
“ต้า... หมายถึงต้าคนเดียวกันเหรอคะ?” คราวนี้ประโยคนี้ไม่ใช่ของแม่บ้านแต่เป็นของฉันเอง “คนละคนมั้ย”
“อีนี่... คนใช้ไม่มีมารยาท อบรมสั่งสอนยังไงกัน”
“…”
อบรมสั่งสอนยังไงไม่รู้แต่ที่รู้ๆ คนที่ไม่มีมันเป็นใครกันแน่อยากให้ย้อนกับไปมองตัวเองเสียหน่อยมองในฐานะความเป็นจริงกับสิ่งที่กระทำลงไป
“คงไม่ต้องบอกนะว่าฉันเป็นอะไรกับพี่ต้า”
“บอกเถอะค่ะโลกสมัยนี้ความมโนมันเยอะจนไม่รู้ว่าอันไหนจริงและอันไหนปลอมกันแน่”
ฉันแค่ต้องการคำตอบจากปากผู้หญิงคนนี้ให้แน่ชัดแต่ยังไม่เชื่อหรอกนะ ไม่ว่าสิ่งไหนโลกนี้ล้วนมีสามด้านเสมอด้านของเขาด้านของเราและด้านของความเป็นจริง
“ปากดีนะมึง กูคบกับพี่ต้าอยู่”
“ไม่เห็นจะทราบเลยค่ะว่ากำลังคบกันอยู่”
“แล้วทำไมพี่ต้าต้องบอกแม่บ้านอย่างแกด้วย เรื่องแบบนี้ไม่สมควรพูดโพนทะนาให้คนอื่นฟังเสียหน่อย”
ก็คิดได้แล้วทำไมถึงยังทำ
“นั่นสิคะ” ฉันเดินเข้าไปใกล้รั้วมากกว่าเดิมจากนั้นก็ยกมือทั้งสองขึ้นกอดอกมุ่งสายตาลอดช่องรั้วมองคนตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหนเสร็จแล้วจึงยกยิ้มเหยียดเช่นเดียวกันกับที่เธอทำออกมา “แล้วแบบนี้คุณมาโพนทะนาให้ฉันฟังทำไมว่าเป็นอะไรกับใครในฐานะไหน ที่คุณทำอยู่กลืนคำพูดตัวเองอยู่รู้มั้ยคะ”
“อีหน้าด้าน”
“เหมาะกับคุณเลยค่ะคำนี้ ไม่มีใครเหมาะเท่าคุณอีกแล้วแหละมาปากดีพูดว่าคบกับสามีต่อหน้าภรรยาแบบนี้มักสูงจังนะคะ” นัยน์ตาผู้หญิงคนนั้นเบิกกว้างขึ้นแล้วก็หายไปแต่เชิดหน้าเช่นเดิม “ว่ามั้ยว่ามาผิดที่ไปหน่อย”
“…”
“แก้ตัวมาสิคะฉันรอฟังอยู่”
“…”
“จะหนีไปไหนคะรู้มั้ยว่าหน้าบ้านฉันมีกล้องวงจรปิดด้วย”
“อย่ามาขู่” นาทีนั้นเป็นฉันเองที่ยกมือข้างหนึ่งชี้ไปยังจุดที่กล้องตั้งอยู่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นยิ่งซีดเผือกลงถนัดตาฝ่ามือทั้งสองจิกบีบกำแน่นเสมือนกำลังกดดันตัวเองให้แกร่งทั้งที่ฝืนต่อไปมันก็ไร้ประโยชน์ “ไม่เคยขู่ใครค่ะแต่ชอบเอาจริงมากกว่าที่มาทำแบบนี้ไม่สืบมาก่อนเลยเหรอ”
“เธอรู้อะไร?”
“…”
รู้และก็รู้มากด้วยทว่ายังไม่ทันตอบก็มีแม่บ้านอีกคนเข้ามาร่วมวงสนทนาก่อนยื่นโทรศัพท์บ้านเข้ามาให้ฉัน
“คุณผู้ชายต้องการพูดกับคุณผู้หญิงค่ะ”
“ขอบใจจ๊ะไปดูชายเตเถอะ”
“นิบอกมานะ รู้อะไรมา!”
[เสียงใคร?] ฉันยกหูขึ้นทำท่าทางจุ๊ๆ ส่งให้ผู้หญิงคนนั้นได้เห็นแล้วก็หยุดแหกปากส่วนหูก็ได้ยินเสียงปลายสายออกมา [ฟังพี่อยู่หรือเปล่าฟาง]
“ฟังค่ะ ฟางพึ่งถึงยังไม่ได้โทรไป”
[ไม่เป็นไรจะบอกพี่ได้ยังว่าใคร]
“เธอชื่ออะไรนะ?” พี่ต้ารู้ว่าฉันไม่ได้พูดกับเขาจึงเงียบส่วนผู้หญิงคนนั้นก็เงียบเช่นกัน “ไม่บอกค่ะบอกก่อนหน้าแค่ว่า..คบกับพี่ต้าอยู่”
“อีเด็กปากดี! รู้ว่ากูเป็นเมียมึงก็หยุดอิจฉาสักที!”
“นี่ไงคะได้ยินมั้ย”
[บ้าหน่า คบอะไร ไม่เคยคบ]
“เด็กพี่เหรอคะ?”
[ไม่ ไม่มี]
จากนั้นเสียงพี่ต้าก็เงียบลงแต่ไม่วางสายนะ
“อยากจองเวรกับกูหรือไงกัน เปิดประตูบ้านกูจะเข้าไปอย่ามาหลอกว่าคุยกับผัวคนอื่นให้ยากเลย!”
“เวรย่อมระงับด้วย... การจองเมรุก็ได้นะ” เป็นประโยคที่ฉันสาดเข้าไปทำให้อีกฝ่ายร้อนรนอยู่ไม่นิ่งเธอบีบกำรั้วแน่นกว่าเดิมหลายเท่าแต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นปลายสายที่ฉันกำลังถือสายอยู่นั้นถอนหายใจยาวสบถคำหยาบเรื่องรถติดติดต่อกันหลายครั้งทั้งที่ไม่เคยเป็น “จองมั้ยล่ะคะ”
“มึงหมายความว่าไง”
นี่คงยังคิดว่าฉันเป็นสาวใช้อยู่เหรอทั้งที่บอกไปแล้ว
ประสาทแดกยังไม่พอยังโง่เข้ากะโหลกอีก
“แนะนำให้ไปถามหม่อมราชวงค์รังสิมันต์ สัตตบรรณดูสิคะว่าฉันเป็นใคร” ประโยคแรกพูดกับผู้หญิงคนนั้นส่วนประโยคนี้พูดกับปลายสาย “ใช่มั้ยคะคุณชายต้า รีบมาเคลียร์ด้วยค่ะ”
ฉันตัดสายไปทันที ฉันหันหน้าเดินกลับเข้าบ้าน
ฉันไม่สนใจอะไรแต่ให้ลูกน้องเขาจัดการ