ตอนที่ 12 เรื่องวุ่นในวังหลวง

2098 คำ
เสวี่ยอี้นั่งบนตั่งนุ่ม เท้าคางบนโต๊ะไม้เตี้ย ในหัวเอาแต่ครุ่นคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยขององค์หญิงเหม่ยหลี่ไม่หยุด ตอนแรกข้านึกว่าจะเป็นการวางแผนลอบสังหารองค์หญิงอย่างแนบเนียนโดยใช้ยาสมุนไพรเป็นตัวกระตุ้นร่างกายขององค์หญิงให้เกิดอาการแพ้จนถึงขั้นรุนแรง แต่ที่ไหนได้! ข้าคิดมากเกินไปอย่างนั้นหรือ... ตอนนี้คงทำได้แค่รักษาเพียงแค่เบื้องต้น หากข้ารู้สาเหตุที่แท้จริง ข้าก็จะสามารถรักษาองค์หญิงให้หายขาดได้ แล้วข้าต้องทำอย่างไรกันล่ะ? เสวี่ยอี้ปิดม่านตาลง มุ่นอยู่ในความคิด พยายามทบทวนอีกครั้ง แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่า หากไปสำรวจดูยังสถานที่ต้นเหตุของวันที่องค์หญิงประชวร คงจะพบเบาะแสของเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย เมื่อคิดเช่นนั้น นางก็ไม่รีรอที่จะมุ่งหน้าไปยังตำหนักที่องค์หญิงทรงประทับทันที โดยเดินไปสอบถามสาวใช้ที่เดินสวนทางกันระหว่างทาง “ข้าเป็นหมอมารักษาองค์หญิงเหม่ยหลี่ เจ้าพอจะรู้จักพระตำหนักของผู้มีศักดิ์เป็นอาขององค์หญิงหรือไม่” เสวี่ยอี้เอ่ยถาม สาวใช้ผู้นั้นเผลอปากขึ้น มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย นางยืนขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “เจ้าค่ะ เดินตรงไปจนสุดทาง แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันออก ตำหนักของพระนางจิงหนานอยู่ทางซ้ายมือเจ้าค่ะ” พระนางจิงหนาน อย่างนั้นหรือ! ข้าจะจำเอาไว้ให้แม่น เผื่อว่าอยากได้ข้อมูลอะไร จะได้เรียกชื่อของนางถูก เสวี่ยอี้เผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พลางเอ่ยตอบ “ขอบใจเจ้ามากนะ” หลังจากนั้นนางก็เดินไปตามที่สาวใช้ผู้นั้นบอกกล่าวเส้นทางเอาไว้ ถึงจนหน้าตำหนักในที่สุด… “เสวี่ยอี้! เจ้ามาทำอะไรหน้าตำหนักท่านอาอย่างนั้นหรือ” เสวี่ยอี้หันขวับมองด้วยความประหลาดใจ แล้วก็รู้ว่า เสียงนั้นมิใช่คนอื่นไกล แต่เป็น เสียงขององค์ชายสิบนั่นเอง “หม่อมฉันมาสืบหาต้นตอของสาเหตุการป่วยขององค์หญิงเพคะ” องค์ชายสิบขมวดคิ้วมุ่น แสดงสีหน้างงงวย “ที่ตำหนักของท่านอาอย่างนั้นหรือ? ” “องค์หญิงเล่าให้หม่อมฉันฟังว่า หลังจากที่องค์หญิงมาที่ตำหนักนี้ กลับไปก็เกิดอาการประชวรขึ้นมาอย่างที่เห็นเพคะ หม่อมฉันสามารถประคองอาการขององค์หญิงไปได้เรื่อย ๆ แต่ก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากหม่อมฉันสามารถเจอต้นตอของสาเหตุนี้ หม่อมฉันจะสามารถรักษาองค์หญิงให้หายขาดได้เพคะ” “อย่างนี้นี่เอง…” องค์ชายสิบผงกศีรษะ ทำท่าทางเข้าใจในสิ่งที่เสวี่ยอี้เล่า “เช่นนั้น...ข้าขอติดตามเจ้าไปช่วยอีกคนได้หรือไม่” “จะดีหรือเพคะ หม่อมฉันเกรงว่า…” ยังไม่ทันพูดจบ องค์ชายสิบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “ดีสิ! หากอยู่ดี ๆ ท่านอาเกิดกลับมาที่ตำหนัก ข้าจะได้ปกป้องเจ้าได้ ว่าอย่างไรล่ะ! เหตุผลนี้พอจะฟังขึ้นหรือไม่” องค์ชายสิบเลิกคิ้ว กระดกริมฝีปากขึ้นอย่างมีเสน่ห์ เสวี่ยอี้นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะประดับรอยยิ้มเจิดจ้าเอ่ยตอบ “ตกลงเพคะ” เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในตำหนัก เหล่าสาวรับใช้สามคนที่กำลังกวาดพื้นอยู่หน้าลาน ต่างก็ทิ้งสัมภาระและวิ่งกุลีกุจอกันเข้ามาหาองค์ชายสิบทันที “องค์รัชทายาทมาขอเข้าพบพระนางจิงหนานหรือเพคะ” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ย “หรือว่า...องค์ชายมาเยี่ยมเยียนสิ่งสวยงามในตำหนักกันแน่เพคะ” สาวใช้คนที่สองเอ่ยเสริม หลังจากนั้น พวกนางก็พากันใช้มือป้องปาก ก้มหน้าหัวเราะคิกคักกันอย่างมีจริตจะก้าน อะไรกัน! ปกติแล้ว สาวรับใช้จะต้องเคารพองค์รัชทายาทมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ ไฉนถึงได้กล่าวแทะโลมกันโต้ง ๆ เช่นนี้ เสวี่ยอี้กะพริบตาถี่ กวาดตามองสาวรับใช้เหล่านั้นด้วยความแปลกใจ ก่อนหันไปเอ่ยกับองค์ชายสิบว่า “หม่อมฉันขอตัวไปเดินดูรอบ ๆ ตำหนักก่อนนะเพคะ เผื่อว่าจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง” เอ่ยจบ นางก็รีบหันตัวและพุ่งตัวมุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาของตำหนักทันที ปล่อยให้องค์ชายสิบยืนทำหน้าฉงนและเดินตามนางไปติด ๆ “ช้าก่อนเสวี่ยอี้! ข้าไปกับเจ้าด้วย” ภายในเรือนทางห้องปีกซ้ายและปีกขวา ทั้งสองลอบหย่อนฝีเท้าอย่างเบาเสียง เดินแยกทางกันตามหาร่องรอยต่างๆ โดยอาศัยความรวดเร็วเป็นหลัก จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ทั้งสองก็เดินวนมาเจอกันบริเวณจุดนัดพบตามที่ได้นัดแนะกันไว้ “เจ้าเจอสิ่งใดหรือไม่เสวี่ยอี้” องค์ชายสิบเอ่ยด้วยน้ำเสียงลนลาน จะเจอได้อย่างไรกันเล่า...แบบนี้มันยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก เสวี่ยอี้ทำหน้านิ่ว พรูหายใจออกมาเฮือกยาว พลางเอ่ย “ไม่เพคะ...องค์ชายล่ะเพคะ? ” องค์ชายสิบเผยรอยยิ้มแห้ง ก่อนเอ่ยตอบ “ข้าก็...ไม่พบเหมือนกัน” “ไม่เป็นไรเพคะ เราทำสุดความสามารถแล้วนี่เพคะ หม่อมฉันก็ไม่รู้จะเริ่มค้นหาสาเหตุของอาการป่วยองค์หญิงจากตรงไหนเหมือนกัน” เสวี่ยอี้หลุบตาลง แสดงสีหน้าผิดหวัง องค์ชายสิบเขยิบกายเข้าไปใกล้ พลางเอื้อมมือไปตบที่บ่าของเสวี่ยอี้เบา ๆ เพื่อปลอบใจ “เจ้าอย่าเศร้าไปเลย เราค้นดูกันแค่ในเรือน แต่นอกเรือนเรายังไม่ได้ค้นมิใช่หรือ” เสวี่ยอี้เบิกตากว้าง สายตาเป็นประกาย “จริงด้วยเพคะ...เช่นนั้น เราแยกกันเดินดูรอบ ๆ สวนอีกครั้งนะเพคะ” “อื้ม” องค์ชายสิบพยักหน้าตอบรับ แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันเดินตรวจสอบอีกครั้ง… “เสวี่ยอี้ ๆ ข้าพบเศษดำแปลกประหลาดใต้ต้นไม้ เจ้าลองมาดูนี่สิ” เสียงเรียกตะโกนขององค์ชายสิบจากอีกฝั่งดังขึ้น ทำให้เสวี่ยอี้รีบวิ่งไปดู “ไหนเพคะ…” เสวี่ยอี้จับเศษนั้นขึ้นมาพลิกทางซ้ายที ทางขวาทีเพื่อตรวจดูอย่างละเอียด “มิใช่เศษผงธรรมดานี่นา...สิ่งนี้คือแมลงชนิดหนึ่งต่างหากล่ะเพคะ” “แมลงงั้นหรือ…” องค์ชายสิบผูกคิ้วขมวดแน่นด้วยความสงสัย “เพคะ...แมลงชนิดนี้หากได้พ่นพิษใส่ผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะมีอาการคันรุนแรง และเมื่อมันได้พ่นพิษหมดตัวมันจะตายในทันทีเพคะ” “ไม่คิดเลยว่า แมลงตัวเล็กคล้ายดั่งเศษฝุ่นปานนี้จะมีพิษสงแฝงอยู่” “ใช่เพคะ เราดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริง ๆ แล้วหม่อมฉันก็คิดว่าแมลงตัวนี้เป็นอาจสาเหตุที่ทำให้องค์หญิงเกิดอาการประชวรด้วยเพคะ” เสวี่ยอี้พูดพลางหยิบจับแมลงตัวนั้น ใส่เข้าไปในขวดโหลแก้วแล้วมันปิดอย่างมิดชิด "เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้น" องค์ชายสิบกล่าว "เพราะว่าองค์หญิงก็มีอาการคันคะเยอ เลยคิดว่าเป็นไปได้เพคะ หม่อมฉันจะนำไปตรวจสอบอีกครั้ง ขอบพระทัยองค์ชายที่ช่วยหม่อมฉันในวันนี้นะเพคะ” "อื้ม...ข้าเต็มใจช่วย" องค์ชายสิบฉีกยิ้มกว้างเอ่ยตอบ เมื่อได้ความจากการสำรวจในตำหนักของพระนางจิงหนานแล้วนั้น เสวี่ยอี้ก็ไม่รีรอที่จะนำเศษซากของแมลงชนิดนั้น ไปปรึกษาคนในตระกูลและตรวจสอบให้แน่ชัดที่โรงหมอสกุลซ่ง ทันทีที่บังเ**ยนของรถม้าจอดตัวลง นางก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในโรงหมอทันที "ท่านพ่อ...ท่านแม่...อี้ฉาง ข้ามาหาพวกท่านแล้ว" เสวี่ยตะโกนร้องเรียกจนเสียงดังสะท้อนไปทั่วทั้งจวน สิ้นเสียง อี้ฉางที่กำลังนั่งอยู่ด้านนอกชานนั้น ก็รีบเดินเข้ามาหาพี่สาวของตนทันที พลางเข้าไปกระโดดกอดแน่น "ท่านพี่...ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้พบท่านพี่อีกครั้ง" "อี้ฉาง...เจ้ากอดข้าแน่นเกินไปแล้ว" เสวี่ยอี้บ่นอุบอิบทั้งๆ ที่ในใจมีความรู้สึกสุขใจยิ่งนัก อี้ฉางค่อย ๆ ถอนกอดอย่างเชื่องช้า พลางเอ่ย "ท่านพี่เป็นสุขดีหรือไม่" "ข้าสบายดี...เจ้าล่ะอี้ฉาง" เสวี่ยอี้เอ่ยถาม "ข้าสบายดีขอรับ ตอนท่านพี่ไม่อยู่ ท่านพ่อ ท่านแม่พูดถึงท่านพี่ทุกวันเลย" "แล้วตอนนี้ท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ไหนล่ะ? เจ้าพาข้าไปหาท่านพ่อ ท่านแม่ได้หรือไม่" "ท่านพ่อไปว่าราชการ ส่วนท่านแม่ออกไปหาสมุนไพรในป่าขอรับ กว่าจะกลับคงมืดค่ำท่านพี่จะรอหรือไม่ขอรับ" "น่าเสียดายนัก ข้ามาได้แค่เพียงครู่ คงรอให้ถึงยามเย็นไม่ได้ เช่นนั้น...เจ้าช่วยเอาตำราแพทย์ประจำตระกูลมาให้ข้าทีอี้ฉาง" "ขอรับท่านพี่ ว่าแต่...เหตุใดท่านพี่ถึงต้องการใช้ตำราหรือ" อี้ฉางเอ่ยถามด้วยความสงสัย "องค์หญิงทรงพระประชวร ข้าอาสาดูแลพระองค์ แต่ก็ยังไม่อาจหาสาเหตุได้ เลยกลับมาที่จวนของเรายังไงล่ะ"' นัยน์ตาสีดำของอี้ฉางแวววาวเปล่งประกายราวกับว่าตอนนี้เขาเข้าใจทุกสิ่งกระจ่างแจ้งแล้ว เขาเดินเข้าไปในห้องลับที่อยู่ทางด้านหลังของห้องปรุงยา ห้องลับนั้นถูกปิดด้วยไม้เอาไว้อย่างแน่นหนา โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ นอกจากคนในตระกูลซ่งเพียงเท่านั้น เมื่อนำมาได้แล้ว อี้ฉางก็ไม่รีรอที่จะยื่นตำราให้พี่สาวของเขาทันที "นี่ขอรับ" เสวี่ยอี้ยื่นมือรับ หลังจากนั้นก็ใช้มือคลี่เปิดหนังสือ เลื่อนสายตาดูเนื้อหาตำราแต่ละหน้าอย่างละเอียด จนมาสะดุดเอากับสมุนไพรนามว่า ใบเลี่ยงทำให้นางชะงักอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ "อี้ฉาง...เจ้าจำตอนเด็กได้หรือไม่ ที่เจ้าโดนแมลงกัด แล้วเจ้าก็มีแผลลุกลามน่ากลัว เพราะกินใบเลี่ยงไป" อี้ฉางพยายามนึกคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะจำได้และเอ่ยเล่าอย่างละเอียด "จำได้ขอรับท่านพี่...ตอนนั้นในป่า ข้าไปเล่นกับท่านพี่แล้วโดนแมลงกัดเข้า ท่านพี่ก็นำยามาทาให้ข้า แต่ระหว่างทางนั้นข้าเกิดหิว ข้าเหลือบไปเห็นใบเลี่ยงอยู่แถวนั้น ข้าเลยแอบดึงใบเลี่ยงมากินตอนที่ท่านพี่ไม่เห็น แต่แล้วไม่ถึงชั่ววัน แผลของข้าก็ลุกลามมากขึ้นจนเน่าพุพอง ชวนน่าขนลุกยิ่งนัก" "ใช่อี้ฉาง...ต้องใช่แน่ๆ ใบเลี่ยงโดยทั่วไปแล้วเป็นสมุนไพรชั้นดี แต่ถ้าหากใช้กับผู้ที่โดนพิษจากแมลงโดยตรง จะทำให้มันช่วยเสริมพิษให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ข้าว่ายาสมุนไพรต้องมีใบเลี่ยงเป็นส่วนผสมเป็นแน่" "เช่นนั้นองค์หญิงก็ถูกแมลงกัดใช่หรือไม่ขอรับ" อี้ฉางเอ่ยพลางครุ่นคิดตาม "ใช่! องค์หญิงถูกแมลงกัด อี้ฉาง...เจ้าดูนี่" เสวี่ยอี้ใช้มือคว้าขวดโหลที่ใส่แมลงต้นเหตุขึ้นมาให้อี้ฉางดู "เจ้าตัวนี้พิษมันคือทำให้คันคะเยอจนมิอาจหยุดได้ คนมุ่งร้ายผู้นั้นคงหวังแค่ให้องค์หญิงเสียโฉมจากการที่พิษค่อยๆ กัดกินแล้วลุกลามมายังใบหน้า มิได้ต้องการปลงพระชนม์แต่อย่างใด" "ข้าเข้าใจแล้ว…" เอ่ยจบ อี้ฉางก็เดินเข้าไปหยิบสมุนไพรจำนวนหนึ่งในตู้ยา และส่งยื่นให้กับเสวี่ยอี้ พลางเอ่ย "ท่านพี่นำสมุนไพรชนิดนี้ไปต้มในน้ำเดือดหนึ่งชั่วยาม จากนั้นก็นำไปถวายให้องค์หญิงเหม่ยหลี่ทานนะขอรับ ไม่เกินสิบวัน อาการจะดีขึ้นอย่างแน่นอน" "ขอบใจเจ้ามากอี้ฉาง แล้วข้าจะมาหาเจ้าและท่านพ่อ ท่านแม่อีก ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน" "ขอรับ ท่านพี่ดูแลตัวเองด้วย"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม