“แม่จะพาน้องไปพักผ่อนสมองที่ต่างประเทศสักพัก หนึ่งว่าดีไหมลูก”
คุณหญิงอรอุมาเอ่ยถามความเห็นจากลูกชายคนโต เช้านี้ดูท่าทางของอิศราไม่ปกตินัก ดูแปลกๆอย่างไรชอบกล บางทีก็นั่งเหม่อลอย บางทีก็นั่งถอนหายใจทิ้งดูแล้วไม่ต่างจากคนอมทุกข์สักเท่าไหร่ นางจับสังเกตมานาน ดูเหมือนลูกชายคนโตกำลังขบคิดปัญหาอะไรไม่ตกสักเรื่องอยู่ และดูเหมือนเรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องของอรอินก็ว่าได้ แต่ทว่าความจริงแล้วนั้น ไอ้อาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของอิศรา มันเป็นเพราะเขากำลังคิดไม่ตกเรื่องของมนต์รสาต่างหาก...
“มีเรื่องอะไรต้องคิดหนักอีกหรือหนึ่ง เล่าให้แม่ฟังได้ไหม...” ผู้เป็นแม่ละสายตาจากร่างบนเตียงแล้วหันไปทางลูกชายแทน
“ไม่มีหรอกครับแม่ ผมกำลังคิดเรื่องของอรอยู่นั่นแหละ...” อิศราส่งยิ้มแห้งไปให้มารดา
“แม่ว่าจะพายายอรไปเที่ยวหลายประเทศสักหน่อย อาจจะไปรอบโลกเลยก็ได้ ยายอรกลับมาเมืองไทยคราวนี้อาจทำใจเรื่องของคชาได้บ้างแล้ว ส่วนงานในหน้าที่ของอรที่รับผิดชอบ แม่จะส่งคุณน้ำผึ้งให้เข้าไปทำแทนก็แล้วกัน คงไม่กระทบอะไรกับบริษัทมากนัก...”
พอพูดถึงลูกสาวคนเล็ก ฝ่ามือผอมบางหากเต็มไปด้วยความอบอุ่นมากมาย ยกขึ้นลูบใบหน้าขาวซีดซึ่งกำลังนอนหลับตาบนเตียงคนไข้ด้วยความรู้สึกสงสารจับขั้วหัวใจ แววตาซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าครึ่งชีวิตหมองเศร้าลง นางอดรู้สึกสงสารลูกสาวคนเล็กไม่ได้ เรื่องทำนองนี้ไม่น่ามาเกิดขึ้นกับอรอินเลย รักมากเท่าใดย่อมต้องเจ็บปวดมากเท่านั้น ขึ้นชื่อว่าการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจของเราไม่มากก็น้อยอยู่วันยังค่ำ การรับมือกับมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกิน ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน ลูกสาวของนางมีภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยเกินไป เลยทำให้อรอินเจ็บหนักจนไม่อยากมีลมหายใจต่อไปนั่นเอง...
ในหัวของอิศรายังคงวนเวียนเฝ้าคิดหาเหตุผลนานัปการมาตัดสินใจ เขาจะเลือกการแก้แค้นต่อไปหรือหยุดไว้แล้วยอมรับหัวใจของตัวเองสักที เลยไม่ทันฟังว่ามารดาเอ่ยปากถามอะไร...
“ตาหนึ่ง ลูกว่าดีไหมหึ...” ผู้เป็นแม่หันไปถามซ้ำ แต่ทว่าลูกชายคนโตของนางยังคงนิ่งเงียบ สองมือยกขึ้นมากุมกันไว้เหนือหัวเข่าดวงตายังเหม่อลอยเหมือนเดิม
“ตาหนึ่ง...” คุณหญิงอรอุมาเรียกซ้ำแต่เพิ่มน้ำเสียงให้ดังขึ้น นางย่นหัวคิ้วมองลูกชายคนโตอย่างนึกสงสัย
“ตาหนึ่ง!” คราวนี้นางเพิ่มน้ำหนักของเสียงมากกว่าครั้งก่อน จนอิศราสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ่อ...ว่าไงครับคุณแม่” อิศราทำสีหน้าเลิกลักตวัดสายตาขึ้นมองมารดา
“เป็นอะไรหรือเปล่า...แม่ถามเราตั้งนาน ไม่ได้ยินเลยหรือไง...”
“ขอโทษครับ...” อิศราเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย มองไปทางมารดาเพื่อรอฟัง
“แม่จะพายายอรไปเที่ยวต่างประเทศสักพัก หนึ่งว่าดีไหมลูก...”
“ก็ดีครับ ผมเห็นด้วย พาอรไปเปิดสมองไกลๆบ้านบ้าง น้องคงจะทำใจได้”
ชายหนุ่มสนับสนุน เขาเองก็คิดเอาไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ยิ่งถ้าน้องสาวเขาไปกับคุณแม่ เขาก็หมดห่วงไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องอะไรอีก
“งั้นผมจะให้คุณน้ำผึ้งเขาเตรียมจองตั๋วเครื่องบินกับที่พักเอาไว้ให้ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะครับ ถ้ายายอรอาการเป็นปกติดีเมื่อไหร่ค่อยไปก็ได้ ส่วนเรื่องไอ้...”
“ไม่เอาตาหนึ่ง อย่าไปเรียกคชาว่าไอ้...บางทีเขาทั้งสองคน อาจไม่ได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันก็ได้ สุดท้ายมันถึงได้ลงเอ่ยกันคนละทิศละทางแบบนี้ไง คชาเขามีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นกับยายอร และแม่ก็ยอมให้อภัยเขาได้เช่นกัน...”
คนเป็นแม่ส่ายหน้าปรามลูกชายพร้อมกับพูดเตือนสติ นางไม่คิดโทษคชาเลยสักนิดเมื่อรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด ตรงกันข้ามนางออกจะเห็นใจคชาอยู่ไม่น้อย การถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ต้องฝืนใจตัวเองมาเป็นเวลานาน คนๆนั้นจะหาความสุขอันแท้จริงได้อย่างไร
คชามีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งทางบ้านชายหนุ่มนั้นรับไม่ได้ ใจเขาไม่คิดรักชอบผู้หญิงเลยสักนิด หากที่ต้องทำเป็นรักลูกสาวของนางนั้น เป็นเพราะทางบ้านบังคับให้ทำ คชาไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อถูกมารดาขู่จะฆ่าตัวตาย หลายปีนี้คชาถึงไม่เคยมีข่าวเรื่องความเจ้าชู้แถมยังเอาอกเอาใจอรอินสม่ำเสมอไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักเรื่องเดียว คชารักอรอินเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง จนสุดท้ายความดีในตัวของอรอินที่มีต่อคชา ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาด ยอมเปิดใจบอกความจริงทั้งหมดให้อรอินฟัง ก่อนงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมาถึง เพื่อยุติเรื่องราวทุกอย่างไม่ให้มันเลวร้ายไปจนเกินแก้ไขในอนาคต...
“แต่มันเป็นสาเหตุทำให้อรคิดสั้นฆ่าตัวตายนะครับแม่”
อิศราแย้งขึ้นเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม เขากำมือเข้าหากัน เมื่อหวนนึกถึงวันที่เขาเห็นคชายืนกอดกับมนต์รสาตรงริมรั้วบ้านของเจ้าหล่อน
ผู้เป็นแม่ลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ เปลี่ยนมานั่งลงเคียงข้างกับบุตรชายแทน...
“แม่จะถือเสียว่ามันเป็นเวรกรรมของยายอรก็แล้วกัน ผ่านนาทีชีวิตมาได้ขนาดนี้ แม่คิดว่าอรคงจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อีกอย่าง...แม่ก็ไม่อยากให้หนึ่งไปเจ็บแค้นคชาอะไรมาก มันเป็นเรื่องของคนสองคน จะดีหรือร้ายแม่ว่าปล่อยให้เขาสองคนเป็นคนตัดสินใจจะดีกว่า บทเรียนครั้งนี้อาจทำให้สองคนนี้ มองอะไรในชีวิตได้มากขึ้นกว่าอารมณ์ชั่ววูบก็ได้นะ...”
“แต่มันนอกใจยายอรนะครับแม่...”
“ใครบอกหนึ่งว่าคชานอกใจยายอร...” จะเรียกเป็นการนอกใจมันก็ไม่ถูกนักหรอก
“ถ้าคชาไม่มีคนอื่น แล้วมันจะบอกเลิกกับยายอรทำไมล่ะครับคุณแม่ ไอ้ผู้ชายหลายใจ ผมเกลียดมันทั้งคู่...” เขากำหมัดแน่นเริ่มเพิ่มน้ำหนักให้กับความคิดแรก หญิงก็ร้ายชายก็เลว...
คุณหญิงอรอุมาเลิกคิ้วมองใบหน้าลูกชาย นางสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นในแววตาทั้งสองดวง อิศรากำลังเข้าใจผิด สาเหตุมันไม่ใช่เพราะคชามีคนอื่นแต่เป็นเพราะ...
“เพราะคชาไม่ได้มีรสนิยมปกติเหมือนชายหนุ่มทั่วไป คชาไม่ได้ชอบผู้หญิง...
“อะไรนะครับแม่!” อิศราตกใจ หัวใจของเขามันหล่นกระดอนตกไปอยู่บนพื้น แล้วภาพวันนั้นที่เขาเห็นล่ะ...
“หมายความว่า คชามันเป็น...” คุณหญิงพยักหน้า
“ไม่จริงใช่ไหมครับ...”
“แม่ถึงไม่คิดโกรธอะไรคชาไงลูก เพราะอย่างน้อยคชาก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวทำตามครอบครัวเขาสั่งทั้งหมดจนปล่อยให้ทุกอย่างมันสายเกินไป การทำตามใจครอบครัวได้เป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนแม่ว่าคชาเขาตัดสินใจยุติเรื่องนี้มันถูกต้องที่สุดแล้วนี่” อิศราเงยหน้ามองร่างบอบบางบนเตียงด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ น้องสาวเขาเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของหัวใจ น้องสาวเขาเปราะบางเกินไปจริงๆ
“คชากล้าสารภาพบอกความจริงกับอรก่อนที่อะไรมันจะสายจนเกินแก้ไข แค่นี้แม่จะถือว่าเขาทำสิ่งสมควรทำถูกต้องที่สุดแล้ว ขืนปล่อยให้แต่งงานอยู่กินกันไปตามประสาผัวเมีย แล้วยายอรมารู้ความจริงเข้าที่หลัง คนที่เจ็บหนักคงหนีไม่พ้นยายอรอยู่ดี จบตอนนี้ก็แค่เสียใจ แต่...” ผู้เป็นแม่มองไปที่เตียงคนไข้
“ลูกสาวของแม่ บอบบางเกินไปกับเรื่องของความรัก น้องถึงได้คิดสั้น เวลาเท่านั้นจะช่วยเยียวยาทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม...”
อิศราถอนหายใจหนักหน่วง ตอนนี้สมองเขาตื้อไปหมด เขาจะทำอย่างไรกับมนต์รสาดีนะ จะตีมึนทำตามแผนเดิมที่วางไว้ หรือจะยืดอกรับผิดชอบเจ้าหล่อนดี แต่ถ้าเขารับผิดชอบเจ้าหล่อน มนต์รสาจะอยู่ในฐานะอะไร เมียออกหน้าออกตาของเขาอย่างนั้นเหรอ โอ้ย!ไม่ได้เด็ดขาด มันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมาตรฐานภรรยาของนายอิศรา ไวยเวศ จะต้องเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบที่มีฐานะทางสังคมเท่าเทียมกับเขาทุกอย่างทุกประการ มันจะช่วยเอื้ออำนวยด้านธุรกิจได้อย่างสวยหรู และนั่นก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างมนต์รสาอย่างแน่นอน เจ้าหล่อนเป็นเพียงหลานคนรับใช้ ถึงจะเป็นแม่นมที่เขาทั้งรักและผูกพันมากก็ตาม จะให้เขาพาออกหน้าออกตา เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน...
อิศราว้าวุ่นใจเหลือเกิน...
“ผมรักคุณแม่นะครับ”
“แม่ก็รักหนึ่งลูก...” คุณหญิงระบายยิ้มอบอุ่นให้บุตรชาย
อิศราหันไปกอดร่างอุ่นของมารดาไว้เต็มอ้อมแขน เพื่อต้องการซึมซับความรักจากตัวท่าน คุณแม่ของเขาพูดถูก เรื่องของความรักมันต้องเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น อารมณ์รักมันรุนแรง ถ้ารักแบบขาดสติเหมือนอรอิน ผลสรุปสุดท้ายมันอาจไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้อีกก็ได้
“จงรู้จักให้อภัยให้ชินเป็นนิสัย แล้วใจเราจะเป็นสุขนะลูก”
“ครับแม่...ผมจะพยายาม” อิศรารับคำเสียงอ่อน หากทว่าภายในหัวใจของเขาตอนนี้กับร้อนรุ่มทุรนทุราย เมื่อลมหายใจเข้าออกของเขามันมีแต่
มนต์รสาคนเดียวเท่านั้นตอนนี้...
************************************