“ข้า...” เซี่ยหนิงอ้าปากกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ต้องปิดปากเงียบ จะแก้ตัวหรืออธิบายอะไรได้เล่า ในเมื่อตอนนี้นางก็คือเซี่ยหนิงที่ทุกคนไม่ชอบ
ซ่งเฉียนเอียงคอมองพี่สะใภ้อย่างฉงน เหตุใดสีหน้าของนางถึงดูหม่นหมองพิกลเล่า เด็กสาวเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ก็พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ปกติแล้วพี่สะใภ้ผู้นี้ปากไวเกินใครโดยเฉพาะกับตน นางไม่ยอมนิ่งเฉยเช่นนี้แน่
ซ่งเฉียนรีบกระตุกมือหลี่เสี่ยวลู่ทันที “พี่เสี่ยวลู่รีบเข้าไปข้างในกันเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม รีบไปกันเถอะ” หลี่เสี่ยวลู่ขานรับ ไม่ยอมมองหน้าเซี่ยหนิงแม้แต่น้อย
แขกทยอยเข้างานและไปรวมตัวกันที่ห้องโถง บ่าวรับใช้เริ่มทยอยยกสำรับเข้ามา
เซี่ยหนิงตรวจนับเทียบเชิญจนครบตามรายชื่อจึงค่อยเดินเข้าห้องโถงมาเป็นคนสุดท้าย ฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังมองหาหลานสะใภ้อยู่พอดีจึงรีบกวักมือเรียกให้ไปหา
“ท่านย่ามีอะไรหรือเจ้าคะ” เซี่ยหนิงนั่งลงข้างฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเป็นหญิงชราที่จิตใจดีมีเมตตา แม้เซี่ยหนิงจะเกียจคร้านไม่เคยช่วยงานการที่จวนก็หาได้ตำหนิไม่ อีกทั้งยังยอมรับในตัวเซี่ยหนิงโดยง่าย
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เซี่ยหนิงออกงาน ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอยากแนะนำหลานสะใภ้ผู้นี้ให้ทุกคนได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือเหี่ยวย่นแตะหลังมือเซี่ยหนิงเบาๆ แล้วเอ่ยกับแขกคนสนิทที่มาร่วมงานว่า “ทุกท่าน วันนี้ข้าอยากแนะนำสาวน้อยคนหนึ่งให้ทุกท่านได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายข้าผู้นี้มีนามเซี่ยหนิง เป็นหลานสะใภ้คนโตของจวนสกุลซ่ง”
ผู้คนในงานไม่ได้แปลกใจมากนัก คิดไว้อยู่แล้วว่าแม่นางผู้นี้คงเป็นหลานสะใภ้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เพราะมีข่าวคราวที่ว่าซ่งหลานแอบแต่งงานกับหญิงงามที่เมืองซานเยวี่ยถูกลือหนาหูอยู่ช่วงหนึ่ง
เจียวซื่อที่นั่งเยื้องออกไปเอ่ยขึ้น เรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย “หลานสะใภ้ฝูซื่องดงามเช่นนี้นี่เอง ถึงว่าซ่งหลานรีบจับจองเป็นภรรยา” ข่าวลือที่ว่าซ่งหลานแต่งงานกะทันหันเพราะหลงใหลหญิงงามก็ถือว่าไม่เกินจริง
มีเพียงสวีซื่อมารดาของหลี่เสี่ยวลู่เท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกขบขันไปด้วย เพราะความใจง่ายของซ่งหลานเป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรสาวของนางต้องตรอมใจจนร่างกายผ่ายผอม ไม่ยอมออกจากเรือนไปพบหน้าผู้ใดเป็นปี แม้ตอนนี้บุตรสาวจะทำใจได้มากแล้ว แต่คนเป็นมารดาเช่นนางย่อมรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ดี
ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ แม้จะขัดเคืองในคราแรกที่หลานชายอีกฝั่งทำให้หลานสาวตนต้องเจ็บช้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องทำใจและปล่อยให้เรื่องของเด็กๆ เป็นไปตามโชคชะตาตามที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกล่าว นางเองก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์กับสหายที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นอย่างฝูซื่อ
ซ่งเฉียนแม้ยังเด็กแต่ก็เข้าใจความรู้สึกระหว่างผู้ใหญ่ นางที่นั่งข้างหลี่เสี่ยวลู่รีบเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย “พี่เสียวลู่อยากออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกสักครู่หรือไม่” หลังจากทานอาหารเสร็จไปได้สักพัก ซ่งเฉียนก็นึกอยากชวนพี่เสี่ยวลู่ออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ทุกคนกำลังชื่มชมความสวยของผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงนิสัยไม่ดีเช่นเซี่ยหนิงนอกจากหน้าตาแล้วมีดีอะไรให้น่าชื่นชมอีกงั้นหรือ ท่านย่าก็เช่นกัน แค่เซี่ยหนิงช่วยงานจัดโต๊ะวางตะเกียบถูกข้างแค่วันเดียวก็ชื่นชมนางแล้ว
ยิ่งคิดในใจซ่งเฉียนก็ยิ่งหงุดหงิด
“ก็ดีเหมือนกัน” หลี่เสี่ยวลู่ตอบรับทันที นางหันหน้าไปทางมารดาที่นั่งอยู่อีกข้าง สวีซื่อเองก็พยักหน้าอนุญาต
หลังมื้ออาหารผ่านไป บ่าวรับใช้ก็ช่วยขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำขนมเข้ามาสำหรับทำขนมฮัวเกา อีกทั้งยังมีดอกเบญจมาศอีกหลายกระบุงไว้สำหรับหมักเหล้า
ขนมฮัวเกานั้นทำไม่ยาก เพียงนำแป้งข้าวไปนึ่งและโรยด้วยธัญพืช
เซี่ยหนิงนั่งอยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่า ช่วยเป็นมือคอยหยิบจับนั่นนี่ นางเป็นคนเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง อีกอย่างที่นี่ก็เปรียบเสมือนโลกอีกใบที่ไม่คุ้นเคย ยังดีที่มีฮูหยินผู้เฒ่า ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่ออยู่ข้างหญิงชราผู้นี้ถึงทำให้นางรู้สึกอุ่นใจ คงเพราะท่านมีกลิ่นอายคล้ายคุณยายของนางกระมัง
“อีกเดี๋ยวเจ้าให้คนไปนำเหล้าที่หมักเมื่อปีที่แล้วออกมานะ อยู่ห้องปีกขวาสุดทางเดิน” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปเอ่ยกับหลานสะใภ้
“ได้เจ้าค่ะ” เซี่ยหนิงรับคำ
กิจกรรมของเหล่าสตรีดำเนินไปอย่างช้าๆ กระทั่งทุกคนช่วยกันหมักเหล้าและทำขนมฮัวเกาเสร็จ เซี่ยหนิงจึงขอตัวออกมา เพื่อสั่งบ่าวให้ไปนำเหล้าหมักดอกเบญจมาศเมื่อปีที่แล้วมาแจกจ่ายทุกคน
ลั่วเอ๋อร์เห็นสีหน้านายหญิงดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว จึงถือวิสาสะยื่นมือไปแตะบนหน้าผาก นางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนถามอย่างเป็นห่วงว่า “นายหญิงตัวร้อนมากเลยเจ้าค่ะ ท่านไหวหรือไม่”
เซี่ยหนิงพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้หน้าซีดปากไร้สี นางกำลังฝืนทนเพื่อให้งานวันนี้จบไปอย่างราบรื่น ถึงคราวนั้นนางก็จะได้นอนพักเสียที “ข้าไหว... เจ้าไปตามคนให้ช่วยกันไปขนเหล้าที่หมักปีที่แล้วไปที่ห้องโถง...”
“นายหญิง!” ลั่วเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ขานรับ ผู้เป็นเจ้านายดันล้มตึงไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว นางรีบเข้าไปประคองนายหญิง ก่อนตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้ช่วยหน่อย ฮูหยินเป็นลม!”