พิมพ์พลอยขับรถกลับบ้าน หลังจากแยกกับศศิมาและดาริกา รวมถึง จิรายุสซึ่งต้องกลับไปทำงาน เมื่อโทรศัพท์ไปบอกกับจิรายุสเรื่องที่ขับรถถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงนั่งอยู่ในรถ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านเปิดกระจกให้ลมเข้ามาพัดผ่านร่างกาย พิมพ์พลอยถอนใจเบาๆ มองดูโทรศัพท์
“ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมากังวล เรื่องของคนอื่นนี่” พิมพ์พลอยบ่นพึมพำ ลงจากรถปิดประตูปังใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไร เครื่องเสียงชุดใหญ่ที่มักถูกใช้งานอยู่ทุกวัน ในวันปกติที่กลับมาจากทำงาน เสียงเพลงคลอเบาๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่วันนี้พิมพ์พลอยเปิดเพลงจังหวะเร็วและเสียงดังกว่าปกติ เหมือนอยากให้เสียงกึกก้องของเพลงที่ได้ยินกลบความคิดที่คิดวนไปเวียนมาอยู่
ศศิมายิ้มจางๆ เมื่อนึกถึงพระพาย หลังจากได้พูดคุยกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเรื่องของพิมพ์พลอย ศศิมาไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งมากนัก คงจะ ต้องรอให้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังเอง แต่จากอาการของพระพายที่ได้เห็น กับท่าทางแปลกๆ ของพิมพ์พลอย ทำให้อดห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อได้มาเจอกับคนรักของพิมพ์พลอย ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ยินเพียงจากการบอกเล่าของดาริกาเท่านั้น
“เป็นห่วงไต้ฝุ่น หรือคะ” ดาริกาถาม เมื่อศศิมาจอดรถที่หน้าบ้าน
“แฟนพลอย ดูดีนะ” ศศิมายิ้มให้ดาริกา
“ค่ะ พี่โจคบพลอยคนเดียว ไอ้พลอยถึงได้ไม่โลเลไปกับใครเลย ทั้งๆ ที่หนุ่มๆ รุมล้อม ไม่น้อยไปกว่าน้องรักของพี่ศศิหรอกนะ” ดาริกายิ้ม
“แต่กำลังจะโลเล หรือเปล่า” ศศิมาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ดาวก็สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ไอ้พลอยเหมือนจะห่วงๆ ไต้ฝุ่นจนผิดปกตินะคะ วันนี้” ดาริกาบอก
“ถ้าเกิดสองคนห่วงใยกันมากกว่าที่เราคิดล่ะ ดาวคิดว่าอย่างไร”
“น่าเป็นห่วงมากนะคะ เรื่องบ้านไต้ฝุ่นที่พี่ศศิเคยเล่าให้ฟัง คงจะยอม หรอกนะ แล้วไต้ฝุ่นเองก็เกรงใจพ่อกับแม่จะตายไป ไอ้
พลอยเองก็มีพี่โจอยู่ทั้งคน สองคนนั้นก็ไม่น่าที่จะ” ดาริกาไม่กล้าพูดต่อ เพราะชักไม่มั่นใจ หลังจากที่สังเกตด้วยตัวเอง รวมถึงจากคำ
บอกเล่าของศศิมาด้วย
“หรืออาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ เราสองคนอาจจะกังวลกันไปเอง สองคนนั้นอาจจะอยากญาติดีเป็นเพื่อนกัน เลยออกอาการขัด
เขินไปบ้าง ไม่มีใครยอมใครอะไรแบบนี้ พี่อยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่า” ศศิมาพูดสรุป
“เอาไว้ดาว จะลองเลียบๆ เคียงๆ ถามไอ้พลอยให้ พี่ศศิอย่าไปถามไต้ฝุ่นเลยนะคะ เดี๋ยวจะดูไม่ดี กับไอ้พลอยไม่เป็นไร ดาว
จัดการได้” ดาริกายิ้มมองสบตากับคนที่มองอยู่ด้วยแววตาอ่อนโยน
“น่ารักไปเสียทุกเรื่องเลยนะ แฟนพี่เนี่ย” ศศิมาแกล้งดึงจมูกโด่งๆ ของดาริกาและบิดไปมา
“น้องรักพี่ศศิ ดาวก็ต้องดูแลด้วยสิ อีกอย่างไอ้พลอยก็เพื่อนรักของดาว อย่างไรก็ต้องดูแลทั้งสองคนนั่นแหละ” ดาริกายิ้มและ
โผเข้ากอดศศิมาด้วยความรัก
“ไปแวะเยี่ยมสาวชาวไร่ของเราสองคนสักหน่อยไหม ไม่ได้เจอมาพักใหญ่แล้ว จะได้ซื้อผักไว้ทานด้วย” ศศิมายิ้มคลายอ้อม
กอดออกจากดาริกาที่ทำหน้ายุ่งมองสบตาอยู่
“แหมเอ่ยปากอยากไปเองเลยนะ คิดถึงพี่บุ๊คมากล่ะสิ งอนแล้ว”
“หรือดาวไม่คิดถึง ถ้าดาวไม่คิดถึง พี่ไปคนเดียวก็ได้นะ” ศศิมาพูดแหย่ดาริกาที่ยังทำหน้าง้ำอยู่
“อย่าได้หวังเลยค่ะ หวงนะ”
“หวงพี่ หรือหวงบุ๊ค” ศศิมาหัวเราะ เมื่อเห็นดาริกาหน้ายุ่งยิ่งกว่าเดิม
“ถามจริง ยังชอบพี่บุ๊คอยู่ไหม”
“ชอบสิ ชอบมากด้วยนะ” ศศิมาพูดยิ้มๆ ทำทีชะเง้อมองไปยังร้านผักปลอดสารพิษ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ก็ดี งั้นก็ไปคนเดียว จะได้คุยกันได้สะดวกๆ” ดาริกาทำท่าจะเดินเข้าบ้าน
“บุ๊คเป็นน้องอีกคนหนึ่ง แต่ดาวเป็นคนเดียวที่พี่รัก บุ๊คน่ะ ปล่อยให้ยายพราวดูแลดีแล้ว หวานกันซะจนผักจะเป็นผักหวานไป
หมดทั้งไร่แล้วมั้ง”
“ชอบแกล้งดาว ไปบ้านคราวหน้า จะฟ้องแม่ให้ดุพี่ศศิ”
“ไม่สงสารพี่หรือคะ แม่เวลาดุ น่ากลัวออกนะ” ศศิมาพูดอ้อนดาริกา
“ไม่สงสารค่ะ เห็นพี่บุ๊คดีกว่าดาว คืนนี้ให้นอนห้องรับแขก”
“ไม่เอา หนาวตายพอดี” ศศิมายิ้มทะเล้นให้ดาริกา
“ก็ปิดแอร์สิคะ จะได้ไม่หนาวตาย”
“พูดเหมือนไม่รักพี่แล้วงั้น” ศศิมายิ้มจางลง
“ห้ามพูดแบบนี้นะ พี่ศศิ ไม่อย่างงั้นดาวโกรธจริงๆ นะ รักสิ”
“ล้อเล่นค่ะ หายงอนหรือยัง รักดาว เดี๋ยวเจอบุ๊คนะ จะยืนคุยห่างๆ” ศศิมาอมยิ้ม เมื่อเห็นดาริกายิ้มได้
“จริงนะ ดี งั้นดาวกอดพี่บุ๊คคนเดียว ไปล่ะ” ดาริกายิ้มทะเล้นให้ศศิมาก่อนที่จะวิ่งนำหน้าไปยังร้านผักปลอดสารของอักษรา
อักษราเจ้าของร้านผักและผลไม้ปลอดสารพิษ อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงประตูซึ่งมีกระพรวนติดอยู่ดังขึ้น และมองเห็นว่าเป็นใคร จึงยิ้มกว้างขึ้นมาก กว่าเดิม
“สวัสดี ชาวไร่” ศศิมาทักทาย อักษราจึงพนมมือไหว้ทักทายศศิมา ซึ่งอาวุโสกว่า
“สวัสดีค่ะ พี่ศศิ ดาวด้วย” อักษรารับไหว้ดาริกา
“สวัสดีค่ะ พี่บุ๊ค คิดถึงจังเลย” ดาริกาอยากแกล้งศศิมา จึงเดินรี่เข้าไปหาอักษรา หากแต่พราวฟ้าก็เดินรี่มายืนขวางไว้เสียก่อน
“หยุดตรงนั้นเลย ดาว” พราวฟ้าอมยิ้ม เมื่อเห็นดาริกายืนยิ้มจ๋อยๆ อยู่ตรงหน้า
“โห โผล่มาจากไหนกันคะ พี่พราว ไวมาก” ดาริกาบ่นงึมงำ ทำเอาทั้งอักษราและศศิมาหัวเราะออกมา
“ไงล่ะ จะแกล้งพี่ โดนเข้าเสียเอง ยายพราวน่ะ หวงบุ๊คยิ่งกว่าแม่เสือหวงลูกอีกนะ รู้หรือเปล่าคะ” ศศิมาได้ทีพูดแหย่ดาริกาที่
ทำหน้าง้ำ
“กอดพี่พราวแทนก็ได้ สบายดีนะคะ ทั้งสองคนเลย” ดาริกายิ้ม
“สบายดีค่ะ ดาวล่ะ” พราวฟ้าถาม
“มีคนมากวนใจอยู่หลายวันแล้วค่ะ สบายใจดีมากค่ะ พี่พราว”
“กวนใจซะ แววตาสดใสเชียวนะคะ พี่ศศิ” พราวฟ้าหันมายิ้มให้ศศิมา
“ถามพี่ทุกคืน ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”
“พี่ศศิ เดี๋ยวเถอะนะ เอาเรื่องนั้นมาพูดได้ไงคะ ไม่อายหรือไง” ดาริกาพูดดุศศิมาที่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
“คนกันเอง อายทำไมกันคะ คนได้ยิน เค้ายังไม่อายเลย” ศศิมายิ้มมองสบตากับทั้งอักษราและพราวฟ้า
“บุ๊คมีความสุขทุกครั้งเลยนะคะ ที่เห็นรอยยิ้มพี่ศศิกับดาว”
“เห็นไหมล่ะ” ศศิมาแกล้งทำหน้าทะเล้นให้ดาริกา
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ดาวไปเลือกผักดีกว่า” ดาริกาหันมายิ้มกับศศิมาที่ดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้
“พี่ศศิ เวลาอยู่กับดาว น่ารักมากนะคะ เห็นแล้วมีความสุข” พราวฟ้าพูดแล้วเดินมาจูบแก้มอักษราและโอบเอวเอาไว้
“ต้องขอบคุณ ความสดใสของดาวเขามากกว่า น่ารักได้ตลอดเวลา”
“แต่แอบมีกังวล มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” อักษราถาม ด้วยความสนิทสนมกันมานาน ทำให้พอจะมองออกจากแววตาของคนที่เป็นดั่งพี่สาว
“เออ ไปส่งผักที่โรงแรม เคยเจอไต้ฝุ่น บ้างหรือเปล่า” ศศิมาถาม
“ยังเลยค่ะ เจอแต่คุณกุลค่ะ”
“น่าเสียดาย อยากให้ไต้ฝุ่น ได้คุยกับบุ๊ค” ศศิมายิ้มจางลง เมื่อได้พูดถึงพระพาย อาจจะเพราะความห่วงใยที่มี
“มีเรื่องอะไรคะ ถ้าบุ๊คพอจะช่วยได้ ว่าแต่เจ้าของโรงแรมจะยอมให้ บุ๊คพบได้ง่ายๆ หรือคะ” อักษรายิ้ม เพราะตัวเองเพียงแค่
เอาผักไปส่งเท่านั้น
“คือ อย่างนี้ ไต้ฝุ่น อาจจะเจอเหตุการณ์คล้ายๆ บุ๊คกับพราว”
“ยังไงกันคะ”
“ไม่แน่ใจ กับความสัมพันธ์ หากว่า เป็นผู้หญิงด้วยกัน” ศศิมาถอนใจเมื่อนึกถึงพิมพ์พลอยขึ้นมาอีกคน
“แต่พี่ศศิคะ คุณพระพายออกงาน ควงหนุ่มๆ ไม่ซ้ำหน้า เห็นข่าวแว่วๆ ว่า อาจจะแต่งงานในอีกไม่นานด้วยหรือเปล่าคะ” พราวฟ้าถามด้วยความแปลกใจ เพราะดูจากข่าว หรือเรื่องราวตามหน้าหนังสือพิมพ์ และรวมถึงบทสัมภาษณ์ต่างๆ ทั้งจากตัวพระพายเอง และครอบครัว ก็ออกมาในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน
“ไต้ฝุ่นยังไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ไอ้อีกฝ่ายสิ ท่าทางจะคล้าย พราว ตอนที่ไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อบุ๊ค อีกคนน่ะ เพื่อนรักของดาว ชื่อ พิมพ์พลอย”
“โหย ทรมานมากนะคะ พี่ศศิ ถ้ามีอะไรให้พราวช่วย บอกได้นะคะ หรือจะส่งน้องมาคุยกับพราวก็ได้ เพื่อนยายดาว ก็เหมือน
น้องอีกคนของพราวกับบุ๊คล่ะคะ” พราวฟ้าหันมายิ้มให้อักษรา
“พี่เองก็ยังไม่แน่ใจ เอาไว้ถ้ามีอะไร พี่จะมาบอกเราสองคนก็แล้วกันนะ แพคของให้สาวเจ้าดีกว่า คงซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ดาริกาเดินกลับมายื่นตะกร้าให้อักษรา
“แค่นี้ล่ะค่ะ นมสดหกขวดด้วยค่ะ พี่บุ๊ค” ดาริกายิ้ม
“ย้ายไปอยู่ที่รีสอร์ทเสียก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องซื้อนมทาน” อักษราพูดขึ้นลอยๆ แต่ก็แอบยิ้มกับศศิมา เพราะรู้ดีว่า ศศิมาอยาก
ให้ดาริกาไปอยู่ด้วย กันที่รีสอร์ทมานานแล้ว
“เพิ่งใจอ่อน ตอบตกลงไปค่ะ” ดาริกายิ้มอายๆ เมื่อศศิมาเข้ามาโอบกอดและหอมแก้มเสียงดังฟอดใหญ่
“ดีใจด้วยค่ะ พี่ศศิจะได้ไม่ต้องบ่นคิดถึงดาวให้ได้ยินแล้วนะ ทีนี้”
“ใช่สิ ใครจะเหมือนเราสองคนล่ะ ตัวติดกันเป็นตังเม มีตอนไหนไหมที่ห่างกันน่ะ” ศศิมาพูดแหย่อักษราและพราวฟ้าที่ยิ้มอายๆ
“ห่างกันข้ามโลกมานานแล้วนี่คะ พี่ศศิ เลยอยากอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้” อักษรายิ้มให้ศศิมา
“อิจฉาแกมหมั่นไส้ ไปเถอะดาว อยู่ก็เกะกะสองคนนี้เนอะ” ศศิมายิ้ม ทะเล้นก่อนเดินเข้าไปกอดสองสาวด้วยความรัก
“เราสองคน หวงพี่บุ๊คมากนะคะ พี่พราว ดูแลให้ดีๆ ล่ะ ปล่อยไปล่ะก็อย่าหวังนะว่าจะได้คืน” ดาริกากอดกระชับพราวฟ้าที่ยิ้มกว้างในทันที
“เลิกหวังได้เลยค่ะ” พราวฟ้าอมยิ้ม
กุลธิดายกจานซึ่งมีผลไม้หลากหลายชนิด มาวางให้คนที่ทำงานอยู่พักใหญ่โดยไม่แตะอะไรเลย แม้กระทั่งน้ำดื่ม รวมถึงไม่ปริปากอะไรเลยสักคำ ตั้งแต่กลับเข้ามาทำงาน ซึ่งผิดไปจากปกติที่จะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
“ให้กุลช่วยยกภูเขา ออกจากอกให้ไหมคะ” กุลธิดาพูดยิ้มๆ มองคนที่กำลังจ้องมองมา แววตาไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ
“ไม่มีภูเขาใดๆ ค่ะ ฝุ่นแค่อยากทำงานเงียบๆ”
“พักบ้างก็ได้ คิ้วขมวดเป็นปมขนาดนี้ เดี๋ยวแก้ไม่ออกนะคะ”
“พี่กุลอ่ะ” พระพายถอนใจ ขอตัวเข้าไปพักให้ห้องพักซึ่งติดอยู่กับห้องทำงาน อยากอยู่นิ่งๆ ไม่คิดอะไรเลยสักครู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้ไหม แต่ที่รู้ก็คือ ความรู้สึกในเวลานี้ คือ อยากอยู่เพียงลำพัง
“ให้กุล ยกจานผลไม้ไปให้นะคะ” กุลธิดาพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฝุ่นยกไปเองได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“คิดอยู่คนเดียว อีกคนเขาไม่เข้าใจหรอกนะคะ ถ้าไม่คุยกัน” กุลธิดายิ้มให้กับคนที่ทำหน้านิ่งๆ มองจานผลไม้ที่เธอกำลังยื่นให้
“คุยก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ ต่างคนต่างอยู่คงจะดีกว่า”
“อยากเล่าเมื่อไหร่ ก็มาได้เลยนะคะ กุลพร้อมฟังคุณไต้ฝุ่นเสมอ”
“ฝุ่นคงต้องลืม อยู่กันห่างๆ เดี๋ยวคงลืมไปเอง ของีบสักครู่นะคะ ถ้ามีอะไรด่วนเรียกได้นะคะ พี่กุล” พระพายยิ้มให้กับกุลธิดาที่
ส่ายหน้า เมื่อได้ยินน้ำเสียงแปลกๆ รวมถึงรอยยิ้มจางๆ ของพระพาย
“ยิ่งห้ามตัวเอง ก็ยิ่งอยากพบอยากเจอ มันจะเป็นอย่างนั้นมากกว่าสิคะ คุณไต้ฝุ่น” กุลธิดาถอนใจ มองตามคนที่กำลังเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง
พิมพ์พลอยมองดูโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือ ข้อความที่ขึ้นให้เห็นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานเสียมากกว่า แอบถอนใจเบาๆ กดดูรูปที่ถ่ายไว้ ตั้งแต่งานเมื่อคืน จนกระทั่งเห็นรูปคนที่นอนหนุนตักหลับอยู่เมื่อเช้านี้ รอยยิ้มเล็กๆ นั้นทำให้พิมพ์พลอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว