พระพายยิ้มๆ เมื่อขับรถมาจอดอยู่ที่หน้ารีสอร์ทของศศิมา เพราะด้วยความที่ขับรถช้ามากๆ กว่าจะมาถึงเลยค่ำมืดอยู่พอสมควร ป่านนี้กุลธิดาคงเป็นกังวล จอดรถเรียบร้อยจึงรีบโทรศัพท์ไปรายงานตัว เพื่อจะได้ไม่เป็นห่วง ความเงียบกับลมที่พัดเย็นสบาย รวมถึงเสียงร้องของหรีดหริ่งเรไรที่ดังระงม ทำให้พระพายรู้สึกคลายอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี หลังจากขับรถมาหลายชั่วโมง นึกถึงเจ้าของรีสอร์ท ถ้าได้เห็นเธอเข้าคงแปลกใจ เพราะไม่ได้บอกล่วง หน้าเอาไว้ว่าจะมา เมื่อนึกถึงศศิมากับดาริกา ทำให้ภาพของใครบางคนผุดขึ้น มา พระพายถอนใจเบาๆ เมื่อนึกถึงคนที่เธอเลือกที่จะอยู่ห่างให้มากขึ้น
เสียงจามของพิมพ์พลอยดังเสียจน เพื่อนที่ร่วมบ้านอยู่ด้วย หัวเราะออกมา ยิ้มๆ ในขณะที่กำลังเก็บของลงกล่อง เพราะจะต้องย้ายออกในอีกไม่ กี่วัน พิมพ์พลอยแบ่งห้องที่ว่างให้เพื่อนเช่าอยู่ ซึ่งรายได้ส่วนนี้สามารถมาช่วยผ่อนแรงสำหรับค่าผ่อนบ้าน รู้สึกเหงาขึ้นมาล่วงหน้า เมื่อนึกถึงว่า จะต้องอยู่เพียงลำพัง แต่ก็ยิ้มกับความสุขของเพื่อนที่จะได้กลับไปทำงานใกล้บ้านได้อยู่กับครอบครัว
“จามดังขนาดนี้ สงสัยมีคนคิดถึงนะ” เพื่อนของพิมพ์พลอยพูดขึ้น
“คิดถึง หรือด่าอยู่ก็ไม่รู้นะ”
“สงสัยจะอันหลัง” เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนทำให้พิมพ์พลอยยิ้มกว้างขึ้น เมื่อได้ยินคำว่าคนคิดถึง ความรู้สึกที่อยากปฏิเสธ
ตัวเอง ซึ่งแอบคิดถึงใครบางคนอยู่บ่อยๆ นั้น กลับมาย้ำเตือนให้รู้สึกคิดถึงมากขึ้นกว่าเดิม
“แหม คนรักคงเยอะนะ แม่พลอย” พิมพ์พลอยพูดถึงตัวเอง
“เออ แต่งงานก็บอกเพื่อนด้วยนะ อยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวจะแย่ล่ะ”
“รอต่อไปนะคะ ฉันคงคิดถึงแก่แย่เลยนะ เวลาเมากลับบ้านใครจะดูแลล่ะทีนี้” พิมพ์พลอยหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นเพื่อนท้าวสะเอวทำท่าเอาเรื่อง
“ก็ไม่ต้องเมาสิยะ หล่อน แต่อยู่คนเดียวก็ระวังหน่อยนะ แก เมาก็ไปนอนบ้านเพื่อน อยู่คนเดียว ไม่ปลอดภัย”
“คงต้องหาคนมาอยู่ด้วยแทนแก ไม่อย่างนั้น รายได้หดหาย ไม่มีเงินผ่อนบ้านพอดี” พิมพ์พลอยบอก
“โหย แม่เศรษฐีทำมาพูดไม่มีเงินผ่อนบ้าน ใช้เสียบ้างนะเงินน่ะ เดี๋ยว ราขึ้นนะเว๊ย” สองสาวยังคงพูดคุยและช่วยกันเก็บของจน
เสร็จเรียบร้อย
“มาขอกอดที คงคิดถึงแกมากแน่ๆ”
“เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วยล่ะ อยู่ตามลำพัง รีบหาคนมาเช่าด้วย ขอโทษทีที่เหมือนทิ้งแกเลย”
“ไอ้บ้า คิดงั้นได้ไง ดีใจกับแกด้วยที่ได้กลับบ้านไปดูแลพ่อแม่น่ะ”
“จ้ะ ฉันว่ารีบแต่งงานน่าจะดีที่สุด จะได้ให้พี่โจมาดูแลอย่างถาวร”
“แกคิดจริงๆ หรือว่า มันจะดีขนาดนั้น ถ้าแต่งงาน” พิมพ์พลอยถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังหาแฟนไม่ได้เลย แต่พี่โจก็โอเคแล้วนะ ฉันว่า”
“แหม ได้ค่าจ้างมาหรือเปล่า ออกแรงเชียร์ขนาดนี้”
“นิดหน่อย ไปนอนดีกว่า แกก็รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องขับรถทางไกล” พิมพ์พลอยกอดเพื่อนของเธอ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
เช้าวันใหม่ ณ รีสอร์ทศศิมา เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วอยู่เป็นระยะ อากาศเย็นสบายกำลังดี ไม่ถึงกับทำให้หนาวเย็น ดาริกากับศศิมาตื่นเช้ากว่าทุกวันเพราะมารอต้อนรับแขกที่มาเยือน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่นานนักพระพายก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะสำหรับอาหารมื้อเช้า
“รับอะไรดีคะ” ดาริกาถามยิ้มๆ
“ฝุ่นไปจัดการเองก็ได้ค่ะ ดาว ขอบคุณมาก” พระพายยิ้ม นึกขอบคุณในความมีน้ำใจของเจ้าบ้าน แต่อาหารเช้าที่รีสอร์ทจัด
แบบบุฟเฟ่ต์ พระพายจึงเลือกที่จะบริการตัวเอง อากาศบริสุทธิ์ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น พระพายตื่นนานแล้วออกไปเดินสำรวจบริเวณ
รอบๆ รีสอร์ท ไม่แปลกใจเลยที่ศศิมาเลือกที่จะอยู่ที่นี่ อากาศดี ต้นไม้สีเขียวชอุ่มที่สำคัญคงจะเป็นดาริกาที่อยู่เคียงข้าง
พระพายยิ้มกับภาพที่ได้เห็น ความน่ารักระหว่างสองสาว ซึ่งเป็นคนรักกัน ศศิมาเป็นคนน่ารักมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เด็กๆ และ
จนถึงทุกวันนี้ ยามมีปัญหาในบางเรื่อง ศศิมาก็จะช่วยแนะนำหรือช่วยให้เรื่องราวที่เป็นปัญหาผ่าน ไปได้ทุกครั้ง รอยยิ้มของศศิมาทำ
ให้พระพายยิ้มกว้างขึ้น เพราะรู้ดีว่า คนที่เป็นดั่งพี่สาวอีกคนมีความสุขจากการที่ได้อยู่ในสถานที่ๆ ตัวเองชอบ รวมถึงการได้อยู่กับคนรักที่แสนจะน่ารักอย่างดาริกา
“อิจฉา พี่ศศิ” พระพายพูด หลังจากกลับมานั่งรวมโต๊ะกับสองสาว
“เรื่องอะไรจ้ะ พี่หรือเปล่าที่ควรจะอิจฉาเรา” ศศิมาอมยิ้มกับหน้าบูดบึ้งของพระพาย
“ฝุ่นมีเรื่องไหนให้พี่อิจฉา ด้วยหรือคะ” พระพายพูด มองสบตากับศศิมาและดาริกาที่ยิ้มๆ ให้อยู่เช่นกัน
“ไฮโซสาว ควงหนุ่มหล่อ ฐานะดี ออกงานไม่ซ้ำหน้างี้ น่าอิจฉาจะตายไป” ศศิมาหัวเราะคิกคัก เมื่อได้พูดแหย่คนที่ยิ่งหน้าบูด
หนักกว่าเดิม
“พี่ศศิ ก็ชอบแหย่” ดาริกาพูดปรามศศิมา
“หายกันนะ แอบมาเซอร์ไพรส์พี่ตั้งแต่เมื่อคืน ว่าแต่ว่า นัดแนะกับใครมาหรือเปล่า ก่อนมาน่ะ” ศศิมาแอบถาม
“นัด หมายถึง อะไรคะ” พระพายถามกลับ หลังจากได้ยินคำถามแปลกๆ ของศศิมา
“เปล๊า ไม่มีอะไร ก็ถามดู”
“พี่ศศิ มีลับลมคมนัย ใช่ไหมคะ ดาว ตกลงมีอะไรที่ฝุ่นควรจะรู้หรือเปล่า” พระพายทำหน้าเข้มจ้องมองดาริกากับศศิมาสลับกัน
ไปมา ทั้งสองสาวยิ้มๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“สายๆ คงรู้คำตอบ ว่าพี่หมายถึงอะไร เออ เดี๋ยวจะไปดูผักที่ไร่ติด กันนี่ จะไปด้วยกันไหมล่ะ ฝุ่นน่าจะชอบนะ ผักปลอดสารที่
ไปส่งที่โรงแรมปลูกที่นี่แหละ” สิ่งที่ศศิมาบอกทำให้พระพายยิ้มกว้างมากขึ้น
“จริงหรือคะ ดีจัง จะได้เจอตัวเสียที เห็นพี่กุลชมนักชมหนา ว่าคุณบุ๊คน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้ อันที่จริงน่าจะแนะนำให้รู้จักกัน
นานแล้วนะคะ พี่ศศิเก็บมิตรน่ารักๆ ไว้คนเดียวเลย” น้ำเสียงงอนๆ ของพระพาย ทำให้ดาริกาอมยิ้ม แล้วนึกไปถึงพิมพ์พลอยเวลาพูด
งอนๆ ใส่เธอ ลักษณะท่าทางคล้ายกันจนน่าแปลกใจ
“เสียใจ รายนั้นพี่หวง” ศศิมาอมยิ้ม แต่เมื่อถูกดาริกาหยิกเข้าที่แขน รอยยิ้มที่กว้างๆ อยู่เมื่อสักครู่ กลายเป็นรอยยิ้มจ๋อยไปใน
ทันที
“หวง ยังไงกันคะ” ดาริกาพูดเสียงเข้ม พระพายหัวเราะกับภาพที่ได้เห็น ศศิมาเริ่มพูดและออกอาการง้อคนที่ทำเป็นแกล้งงอนอยู่
“แสดงว่า ต้องน่ารักมากสิ ดาวถึงออกอาการขนาดนี้” พระพายยิ้มมองสบตากับศศิมาที่ยิ้มๆ ให้
“มากค่ะ แต่วันนี้คงไม่ได้พบ ได้ยินว่าไปทำธุระนะคะ คงเจอพี่พราว”
“น่าเสียดาย เอาไว้เชิญมาทานมื้อค่ำด้วยกันสิคะ ฝุ่นอยากเจอ ได้คุยกันเรื่องพืชผักชนิดอื่นๆ ด้วย ผักของคุณบุ๊คสดกรอบและงามมากๆ ค่ะ”
“โห อย่าบอกนะคะว่า เจ้าของโรงแรมต้องดูแลไปถึงในครัวด้วยน่ะ” ดาริกาทำตาโต แต่ก็ยิ้มๆ เพราะคิดว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น
ศศิมาเล่าเรื่องของพระพายให้ฟังบ่อยๆ ตั้งแต่มีโอกาสได้รู้จักกัน
“ล้างชามก็เคยมาแล้ว ตอนถูกส่งไปฝึกงานโรงแรมในต่างประเทศ”
“แม่เจ้า ใครจะเชื่อ” ดาริการำพึงออกมา ทำเอาทุกคนขำกับน้ำเสียงที่ฟังดูน่ารักน่าชังของดาริกา
“ติดภาพไฮโซล่ะสิ ไต้ฝุ่นน่ะ ติดดินมากกว่าพี่เสียอีก ทำอาหารเก่งด้วยนะ ตอนอยู่เมืองนอก พี่ไปฝากท้องบ่อยๆ” ศศิมายิ้มให้
ดาริกาที่รู้สึกแปลกใจ ภาพลักษณ์ที่เห็นกับสิ่งที่เป็นช่างแตกต่างจนน่าประหลาดใจมาก
“งั้นดีเลยค่ะ ชักอยากชิมฝีมือ เผื่อคนบางคน จะได้เห็นอีกด้านบ้าง” ดาริกาหันไปสบตากับศศิมาแล้วยิ้มแปลกๆ พระพาย
สังเกตเห็น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดหมายถึงใคร เลยไม่ได้ถามไถ่อะไรเพิ่มเติม
“ยินดีค่ะ แต่ไม่ได้อร่อยมากมายอะไรนักนะคะ” พระพายพูดออกตัว
“ไต้ฝุ่นทำอาหารไทยเก่ง ใครๆ ก็ชม พี่รับรอง” ศศิมาพูดยืนยันกับ ดาริกาที่อมยิ้มกับความน่ารักของไฮโซสาวสองคน ซึ่งมีอีกด้านที่คงไม่มีใครได้รู้จักมากนัก
“พี่ศศิก็ชมเกินไปค่ะ อายดาว เกิดไม่ถูกปากขึ้นมา พี่ศศิจะโดนบ่นเอานะคะ มาการันตีฝุ่นแบบนี้” พระพายยิ้ม
“ต้องลองด้วยตัวเองดีกว่าเนอะ”
“เป็นบุญของดาว ที่เจ้าของโรงแรมยักษ์ใหญ่กลางเมือง จะโชว์ฝีมือทำอาหาร ว่าแต่ ถ้าเกิดติดใจขึ้นมา จะทำอย่างไรล่ะคะ ไต้ฝุ่น” ดาริกายิ้ม หัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนที่ยิ้มอายๆ พระพายดูน่ารัก เวลาอยู่กับคนที่คุ้นเคยและได้ทำตัวสบายๆ เคยเจอกันก่อนหน้านี้ ดูนิ่งๆ หยิ่งๆ ตามสไตล์ที่คนทั่วไปจะได้เห็น พอรู้จักคุ้นเคยเข้าจริงๆ ไม่มีเลยสักนิด ความหยิ่งที่ใครๆ ว่ากัน
“ไปที่โรงแรม ถ้าฝุ่นอยู่ ฝุ่นจะลงมาเข้าครัวทำให้ทานเองเลยค่ะ”
“ใจดี น่ารักกว่าพี่ศศิอีกเนอะ” ดาริกายิ้มทะเล้นให้ศศิมา
“เหรอ แต่ผิวพี่สีสวยกว่า ไต้ฝุ่น นะ เห็นได้ข่าวว่าชอบผิวสีเข้มๆ รายนั่นน่ะ ขาวไปไหม” ศศิมาอมยิ้ม เมื่อเห็นยิ้มอายๆ ของดา
ริกาที่หยิกเข้าที่แขนอีกครั้ง
“พูดอะไร อายคนอื่นบ้างสิคะ”
“คิดเสียว่า ฝุ่นไม่ได้ยินก็แล้วกันค่ะ ตกลงพี่ศศิ ผิวดีขนาดไหนหนอ”
“ไต้ฝุ่น เดี๋ยวเถอะนะ มาแซว ดาว” ดาริกายิ้มๆ กับพระพาย น่าแปลกใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของพระพาย ทำไมถึงได้คิดถึง
พิมพ์พลอยขึ้นมาได้ ดาริกาอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ดูไปดูมา รอยยิ้มก็คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะดวง ตาที่ดูสดใส ดาริกาเพิ่งจะสังเกตใบหน้าที่ก็ดูคล้ายคลึงกัน ระหว่างพระพายกับเพื่อนรักของเธอ
“มีอะไร ติดอยู่ที่หน้าฝุ่นหรือเปล่าคะ ดาว” พระพายถาม เมื่อเห็น ดาริกาจ้องมองดูจริงจังมาก
“เปล่าเห็นไต้ฝุ่นแล้วคิดถึงใครบางคนน่ะ ไปกันเถอะค่ะ พาไต้ฝุ่นไปไร่พี่บุ๊คดีกว่า” ศศิมายิ้มจางๆ ถอนใจเบาๆ เพราะรู้ดีกว่า
ใครบางคนที่ดาริกาพูดออกมานั้น เป็นใคร
พราวฟ้าดีใจที่มีโอกาสได้ต้อนรับศศิมากับดาริกา ซึ่งมีแขกมาเยือนด้วยอีกคน ไม่ใช่ใครที่ไหน ถือเป็นน้องสาวอีกคนของศศิมา แถมยังเป็นลูกค้าคนหนึ่งของไร่ผักปลอดสารพิษแห่งนี้ด้วย
หลังจากดาริกากับศศิมาคุยธุระกับพราวฟ้าเสร็จ จึงได้ฝากคนที่ท่า ทางจะหลงใหลไร่แห่งนี้เอาไว้ให้กับเจ้าของไร่ดูแลต่อ
พราวฟ้ารับปากจะดูแลอย่างดี รวมถึงจะขับรถกลับไปส่งที่รีสอร์ทด้วยตัวเอง
“ฝุ่นเลยโดนเอามาทิ้งไว้เลย รบกวนเวลาทำงานของพี่พราวแย่เลยค่ะ” พระพายพูดออกตัว หลังจากที่ศศิมากับดาริกาขอตัวไป
ดูโรงงานผลิตนมวัว ซึ่งเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งของศศิมา ถึงแม้จะวางจำหน่ายไม่มากนัก แต่ก็ได้ รับความสนใจอยู่มากพอสมควร
“ไม่กวนหรอกค่ะ ดีออกพี่ได้มีเพื่อนคุยด้วย ไต้ฝุ่นไม่เห็นเหมือนในข่าวที่เขาเขียนถึงเลยนะคะ” พราวฟ้ายิ้มให้พระพายที่ยิ้มอายๆ
“แล้วตกลง ฝุ่นตอนนี้ที่พี่พราวได้รู้จัก ดีหรือไม่ดีล่ะคะ” พระพายถาม พราวฟ้ายิ้มๆ กับความน่ารักของคนที่ยิ้มอายๆ กับคำถาม
ของตัวเอง
“อย่างกับคนละคนเลยค่ะ ข่าวก็คือ ข่าว หรือบางทีไต้ฝุ่นอาจจะไม่ ได้แสดงบางด้านออกมาให้เห็นก็ได้ พี่โชคดีที่คุ้นเคยกับพี่
ศศิใช่ไหมล่ะ ไต้ฝุ่นถึงได้ยอมให้เห็นความน่ารัก” พราวฟ้าพูดชมด้วยความจริงใจ
“พี่พราว ก็ชมเกินไปค่ะ อยู่ที่นี่คงสุขภาพดีมากแน่ๆ ผักและผลไม้ปลอดสารพิษ แถมเจ้าของไร่ ก็ใจดี๊ใจดี” พระพายยิ้มให้กับความน่ารักของพราวฟ้าที่ดูแลอย่างดี
“มาเที่ยวบ่อยๆ สิ แค่นี้เอง ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก”
“พี่พราวไม่รำคาญใช่ไหมคะ ถ้ามาบ่อยๆ” พระพายถาม นึกถึงคำถาม ที่เคยถามพิมพ์พลอยคล้ายๆ แบบนี้ แต่พราวฟ้ายิ้มให้
ต่างกับอีกคนที่ทำหน้า บูดบึ้งใส่
“ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ เอาไว้ถ้าได้ไปส่งผักที่โรงแรม พี่จะเก็บผลไม้ไปฝากให้ไต้ฝุ่น รับรองได้ว่า จะคัดอย่างดีให้เลยค่ะ” พราว
ฟ้ารู้สึกถูกชะตากับน้องสาวคนนี้ของศศิมา แววตาที่ดูสดใสในบางครั้ง ก็ดูเหมือนมีบางสิ่งบาง อย่างที่คิดหรือเป็นกังวลอยู่
“ขอบคุณมากค่ะ พี่พราวใจดีที่สุดเลย” พระพายยิ้มกว้างขึ้น กลิ่นหอมๆ ของดอกมะลิ ทำให้รู้สึกสดชื่น พระพายมองหา หลังจากเดินมาและได้กลิ่นหอมๆ นั้น
“แป๊บนะ อยู่ตรงนี้ก่อน” พราวฟ้ายิ้ม พอจะดูออกว่า พระพายคงได้กลิ่นหอมของดอกมะลิ ซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ บ้านพักของเธอ
“ค่ะ” พระพายยังคงมองดูบริเวณรอบๆ แต่ก็ไม่เห็น ต้นมะลิเลยสักต้น ไม่รู้เหมือนกันว่าได้กลิ่นได้อย่างไร
“อ๊ะ ของฝาก สำหรับน้องใหม่” พราวฟ้าเดินกลับมาพร้อมดอกมะลิหนึ่งดอก ซึ่งถูกตัดมาพร้อมกิ่ง ทำให้เห็นดอกสีขาวที่ตัดกับ
สีเขียวของใบดูสวย งามมากขึ้น
“ขอบคุณค่ะ ดอกใหญ่ดีจัง” พระพายรับมาและสูดดมกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมากกว่าเดิม
“มีของแถม หลับตาก่อน” พราวฟ้าพูดยิ้มๆ กับคนที่มองเธอด้วยความแปลกใจ แต่ก็ปฏิบัติตามแบบว่าง่าย เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่า มีบางสิ่งที่มาทัดเข้าที่หูพระพายยิ้มๆ แต่รอยยิ้มก็หุบลงในทันที เมื่อได้ยินเสียงของใครบางคน
“สวัสดีค่ะ” เสียงนั้นดังขึ้น พระพายลืมตา หันไปมองตามสายตาของพราวฟ้าที่กำลังส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งพูดทักทายไปเมื่อสักครู่
“พี่ศศิกับดาว อยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ” พิมพ์พลอยถาม ใบหน้าที่ยิ้มสวยๆ อยู่เมื่อสักครู่เรียบนิ่งในทันที เมื่อได้เห็นว่า อีกคนนั้นเป็น
ใคร รอยยิ้มจางๆ ของพระพายไม่ได้รับความสนใจจากพิมพ์พลอย ใบหน้าเรียบนิ่งสายตาที่มองมาอย่างเฉยเมยเหมือนคนไม่รู้จัก ทำให้รอยยิ้มที่ยิ้มให้จากพระพายจางลงอย่างเห็นได้ชัด พราวฟ้าสังเกตอาการของคนที่เพิ่งมาถึงมองมายังพระพายและคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
ก็มีอาการแปลกๆ ที่ได้เห็นผู้หญิงที่เพิ่งมาถึง
“เพิ่งออกไปค่ะ ไปที่โรงงาน” พราวฟ้าบอก
“ใช่คุณพราว เจ้าของไร่หรือเปล่าคะ” พิมพ์พลอยถาม
“ใช่ค่ะ รู้จักพราวได้อย่างไรคะ”
“พี่ศศิเล่าให้ฟัง เอาไว้วันหลังจะมารบกวนชมไร่นะคะ”
“ยินดีค่ะ” พราวฟ้าท่าทาง งงๆ กับคนที่เพิ่งมา และขอตัวกลับไปหันมามองพระพายที่ยืนหน้าจ๋อย ก็ยิ่งทำให้แปลกใจมากขึ้น
สองคนนี้รู้จักกันหรือเปล่า หรือไม่ค่อยชอบหน้ากันนะ เพราะท่าทางแปลกๆ ตอนที่เห็นกัน
“ไต้ฝุ่น รู้จักหรือคะ” พราวฟ้าถาม
“ค่ะ แต่พลอยไม่ค่อยชอบขี้หน้าฝุ่นเท่าไหร่ พลอยไม่ค่อยชอบไฮโซ น่ะคะ พี่พราว” พราวฟ้ายิ้ม เมื่อได้ยินพระพายบอกออกมาอย่างนั้น
“มิน่า ถึงได้มองไต้ฝุ่นแปลกๆ ไม่ชอบ หรือไม่พอใจพี่ก็ไม่รู้นะ”
“ยังไงคะ พี่พราว” พระพายถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน แล้วยังไงล่ะทีนี้ ไม่ชอบหน้ากัน แต่ท่าทางจะพักที่เดียวกันนะคะ” พราวฟ้ายิ้มๆ กับสายตาแปลกๆ ของสาวทั้งสองคน
“นั่นสิ คงรำคาญฝุ่น หนีกลับกรุงเทพฯ ไปเลยมั้งคะ ทักทายยังไม่ยอมจะทักสักคำ” พระพายพูดเหมือนฟ้องพราวฟ้าที่กลั้น
หัวเราะเอาไว้ รู้สึกแปลกๆ เหมือนสองคนนี้ออกแนวพ่อแง่แม่งอนมากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน
“อาจจะเข้าใจอะไรผิด ก็ได้นะ” พราวฟ้ายิ้ม ลองคิดถึงตอนที่หญิงสาวคนที่เดินเข้ามาพอดีกับที่เธอกำลังนำดอกจำปีทัดหูให้กับพระพาย สายตาแปลกๆ นั้นจ้องเธอเขม็ง ดูดุๆ ชอบกล ตอนนั้นพราวฟ้าไม่ได้คิดอะไร แต่ตอน นี้คิดแล้วก็ยิ้มๆ นึกถึงตัวเอง เมื่อครั้ง
ที่แง่งอนอักษรา ตอนที่ยังไม่เข้าใจกัน ออกอาการคล้ายๆ กันกับสาวที่เพิ่งกลับไปเลย
“ช่างเขาเถอะค่ะ ขอบคุณสำหรับดอกจำปีด้วยนะคะ”
“มองตามขนาดนี้ พี่ขับรถไปส่งที่รีสอร์ทเลยดีกว่า อยู่อีกสองสามวัน ค่อยแวะมาไหมก็ได้ ตัวอยู่นี่ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ล่ะ พี่ว่า” พราวฟ้าหัวเราะเล็กๆ เห็นรอยยิ้มอายๆ ของพระพาย ก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น
“ฝุ่นไม่ได้มองตามพลอยสักหน่อย”
“เหรอคะ งั้นอยู่กับพี่ที่นี่ทั้งวันเลยก็แล้วกันเนอะ ค่ำๆ ค่อยไปส่ง”
“พี่พราว แหย่ฝุ่นแบบนี้ ต่อหน้าพลอยไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพลอยจะไม่ชอบหน้าพี่พราวด้วยอีกคน ฝุ่นไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น” พระพายยิ้ม ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน แต่กลับทำให้รู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้รู้จักกันมานาน อาจจะเพราะพูดคุยกันถูกคอ
ซึ่งตัวเธอเองนั้น ปกติเป็นคนพูดน้อยแต่ด้วยอัธยาศัยที่ดี และพราวฟ้าดูเป็นคนใจดี รวมถึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สนใจค่อนข้างจะคล้ายกันทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของพิมพ์พลอย ซึ่งพราวฟ้าพูดจาแปลกๆ
“ตามไปง้อดีกว่า เข้าใจผิดพี่ไปด้วยอีกคนจะแย่นะ” พราวฟ้าหัวเราะเดินนำหน้าพระพายออกมา ซึ่งยังคงทำท่างงๆ กับคำพูดแปลกๆ ที่ได้ยิน
พราวฟ้ามาส่งพระพายที่รีสอร์ทของศศิมา และขอตัวกลับไปทำงานต่อ ยังคงมีงานค้างอยู่อีกมากมาย แต่รับปากกับเพื่อนใหม่เอาไว้ว่า ค่ำๆ จะมารับประทานอาหารด้วย พระพายยิ้มกว้างขึ้น อยากตอบแทนความมีน้ำใจของพราวฟ้าที่มีให้กับเธอ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กน้อยก็ตาม หลังจากแยก กัน พระพายว่าจะกลับไปที่ห้องพักเพื่อล้างไม้ล้างมือ ยิ้มๆ กับดอกจำปีที่ยัง
ทัดหูอยู่ มิน่าเดินเข้ามาในรีสอร์ทถึงเห็นพนักงานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้
“เอ้า” พระพายตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นพิมพ์พลอยนั่งอยู่ที่บ้านพักหลังติดกัน คนที่นั่งอยู่ก็แสดงท่าทางตกใจเล็กน้อย มองไปที่ดอกไม้ซึ่งพระพายถืออยู่กับดอกจำปีที่ทัดอยู่ที่หู ก่อนที่จะทำทีเป็นไม่ได้
สนใจกับคนที่เพิ่งมา
“ขอโทษค่ะ ที่เสียงดังทำให้ตกใจ คนไม่รู้จักกันไม่น่าจะตกใจเนอะ” พระพายพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ จนพิมพ์พลอยหันกลับมา
“ท่าทางอารมณ์ดีนี่” พิมพ์พลอยพูดขึ้นลอยๆ
“แน่สิ เจอคนใจดีมีน้ำใจ พูดจาก็เพราะ ไม่เหมือน” พระพายพูดเพียงแค่นั้น
“สวยด้วย” พิมพ์พลอยรำพึงออกมา
“ใช่ ตัวหอมอีกต่างหาก” พระพายยิ้ม เมื่อนึกถึงพราวฟ้า
“ใครอนุญาตให้นั่ง” พิมพ์พลอยพูดดุพระพายที่นั่งลงข้างๆ เธอ
“ที่นี่ของพี่ศศิ ฝุ่นจะนั่งที่ไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ”
“แต่นี่บ้านพักของพลอย”
“ก็อยากนั่งตรงนี้ อยากนั่งข้างพลอยนี่”
“ตัวไม่ได้หอมเท่า คนสวยนั่นหรอกนะ ไปนั่งไกลๆ เถอะ”
“ก็อยากนั่งด้วย คิดถึงจะแย่” พระพายพูด ยิ้มจางๆ ให้คนที่หันมามองสบตากับเธอ
“คิดถึง ไม่ขำหรอกนะ” พิมพ์พลอยรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้ยินคำว่าคิดถึงจากคนที่กำลังขยับเข้ามานั่งใกล้มากขึ้นอีก
“ไม่ได้ให้ขำ อยากให้ได้ยิน” พระพายกระซิบบอก
“ใครเชื่อก็บ้าแล้วล่ะ หวานไปทั่วล่ะสิ”
“หวง หรือ” พระพายถาม
“ก็กล้าถามเนอะ มีอะไรให้น่าหวงนักล่ะ พี่พราวก็น่ารักดีนี่ ถ้าชอบผู้หญิงก็น่าสนใจนะ” พิมพ์พลอยมารู้สึกทีหลังว่า ไม่น่าจะพูดเรื่องชอบหรือไม่ชอบผู้หญิงกับพระพาย
“ชอบ ก็คือ ชอบ ไม่ได้สนใจว่าหญิงหรือชาย ไม่ได้มีแฟนหล่อแสนดีเหมือนพลอยนี่ แฟนมาด้วยไหม” พระพายมองดูรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร แอบคิดว่าพิมพ์พลอยอาจจะมาเที่ยวกับจิรายุส เพราะศศิมากับดาริกาที่ออกอาการแปลกๆ คงไม่อยากบอกเรื่องที่พิมพ์พลอยจะมาพักที่รีสอร์ทนี้เช่นกัน
“ไปไหนก็ไปเถอะ อยากอยู่เงียบๆ”
“ถ้าเป็นคนอื่น พลอยจะไล่เหมือนที่ไล่ฝุ่นไหม” พระพายถาม
“เราอยู่ห่างๆ กันดีแล้ว ฝุ่นก็สบายดีไม่ใช่หรือ กับช่วงเวลาที่เราไม่ ได้เจอกัน” พิมพ์พลอยหันมาถาม รู้ตัวดีว่า ถามเพราะอยาก
รู้ว่า คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ รู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า คิดถึงเธออย่างที่เธอคิดถึงบ้างหรือเปล่า
“ฝุ่นกลัว” พระพายพูด หลบสายตาของพิมพ์พลอยที่กำลังจ้องมองมาด้วยความไม่เข้าใจ
“กลัว อะไร”
“กลัวอยู่ใกล้ๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ” พระพายพูดเสียงอ่อยๆ
“ฝุ่นหมายความว่าอย่างไร กลัวที่จะรู้สึกดี”
“มันแปลกๆ ฝุ่นอธิบายไม่ถูก” พระพายเงยหน้ามามองสบตากับคนที่กำลังมองมา ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไป ไม่ได้เรียบนิ่งเหมือน
เมื่อสักครู่
“แต่จากที่เห็น ก็ดูร่าเริงดีนี่ ตอนที่อยู่กับพี่พราวน่ะ” น้ำเสียงแปร่งๆ ของพิมพ์พลอย ทำให้พระพายขยับเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“เคยคิดถึงฝุ่นบ้างไหม ถามจริงๆ” พระพายยิงคำถาม ซึ่งพิมพ์พลอยไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามอย่างนี้ จากปากของคนที่นั่งอยู่
ใกล้มากเสียจนหัวใจเริ่มเรรวนขึ้นมา
“ทำไมต้องคิดถึงด้วยล่ะ”
“นั่นสิ ไม่น่าถาม คิดเอง เออเองคนเดียวตลอด” พระพายบ่นพึมพำ
“พอได้แล้ว มาเที่ยวไม่ได้มาหาคนชวนทะเลาะนะ”
“ขออะไรอย่างสิ”
“อะไรอีกล่ะ” พิมพ์พลอยหันมาจ้องมอง คนที่ดวงตาดูเศร้าๆ ไป
“ขอกอดได้ไหม ฝุ่นคิดถึงพลอย” พิมพ์พลอยนิ่งงันกับแววตาอ้อนวอนของพระพายที่จ้องมองมา ความรู้สึกไม่พอใจที่เกิดขึ้น
ตอนที่เห็นพราวฟ้านำ ดอกไม้ทัดหูให้พระพาย มลายหายไปสิ้น ตัวเธอเองดีใจมากมายขนาดไหนที่ได้เห็นพระพายยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึก
ตกใจตอนที่ได้เห็น เพราะไม่คิดว่า คนที่คิด ถึงจะมายืนอยู่ต่อหน้า คำว่า คิดถึง ทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกคิดถึงคนที่อยู่ตรง หน้ามากขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากเรียวสวยนั้นที่พิมพ์พลอยกำลังจ้องมองอยู่กำลังดึงดูดให้เข้าใกล้และประทับริมฝีปากตัวเองเบียดแน่น เพราะเป็นความอบอุ่นที่แฝงตัวและโหยหาอยู่ลึกๆ ในหัวใจ ซึ่งพิมพ์พลอยพยายามพูดเตือน และบอกตัวเองให้หยุดคิด พระพายกอดพิมพ์พลอยเอาไว้แนบแน่น อยากให้อีกคน รู้สึกและสัมผัสได้ถึงความคิดถึงที่มีอยู่ตลอดเวลา
“ฝุ่น”
“แบบนี้ยิ่งคิดถึงมากกว่าเดิมอีก กอดฝุ่นไว้ก่อนนะ พลอย”
“แววตาฝุ่น ทำให้พลอยใจอ่อนได้ทุกที เป็นแม่มดหรือเปล่าเนี่ย”
“หวงฝุ่นล่ะสิ ถึงได้งอนกลับมาก่อน” พระพายพูดยิ้มๆ พิมพ์พลอยรีบคลายอ้อมกอดออก
“หลงตัวเอง”
“พี่โจ มาด้วยหรือเปล่า” พระพายบางครั้งก็รู้สึกผิดที่แอบคิดถึงคนที่มีคนรักอยู่แล้ว
“พลอยมาคนเดียว ฝุ่นล่ะ แฟนไม่มาด้วยหรือ” พิมพ์พลอยถามเสียงเข้มไม่กล้าสบตากับพระพายเกรงว่าจะใจอ่อนกับแววตาอันอ่อนโยนนั้น
“ฝุ่น ไม่มีใคร” พระพายพูดเสียงดังฟังชัด
“เชื่อไม่ได้”
“จูบไปแล้ว ยังไม่เชื่ออีกหรือ” พระพายรวบตัวพิมพ์พลอยเอาไว้และกอดไว้แน่น พิมพ์พลอยเบี่ยงตัวเล็กน้อย ยิ่งขัดขืน ยิ่งรู้สึก
ว่า หัวใจตัวเองนั้นก็อยากได้รับอ้อมกอดของพระพายมากยิ่งขึ้น
“รู้มาก่อนหรือเปล่า ว่าพลอยจะมา”
“ไม่รู้ค่ะ พี่ศศิกับดาวท่าทางแปลกๆ แต่ไม่ได้บอกอะไร ฝุ่นมาถึงตั้ง แต่เมื่อคืน” พระพายบอก
“ปล่อยพลอยได้แล้วล่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” พิมพ์พลอยบอก
“จริงสินะ”
“ฝุ่น” พิมพ์พลอยรำพึงชื่อของพระพายออกมาเบาๆ
“ฝุ่นรู้ ว่าไม่ควรอยู่ใกล้มาก” พระพายพูดเสียงอ่อยๆ
“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย รู้ว่าฝุ่นจะคิดมากน้อยใจล่ะสิ”
“หรือควรจะตัดใจ เลิกคิดถึงดี”
“ใจร้าย คิดถึงจะแย่ รู้บ้างไหม” ประโยคหลังเป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในใจของพิมพ์พลอย ซึ่งกำลังกอดพระพายเอาไว้