“ตอแหล”
“นาไม่ได้ตอแหลค่ะ นา...”
แล้วสรินนาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ดาราจึงรีบรับมือต่อจากลูกสาว
“คุณพลอยขา... อย่าดุอย่าว่าอะไรนาเลยค่ะ ถ้าไม่พอใจมาลงที่ดิฉันแทนเถอะค่ะ”
พราวพลอยโมโห และสะอิดสะเอียนสองแม่ลูกนี่มาก “น่ารำคาญมาก คิดว่าฉันมองพวกเธอสองแม่ลูกไม่ออกหรือไง”
หญิงสาวกระแทกช้อนกับจานอย่างหงุดหงิดและลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ลูกพลอย อย่าก้าวร้าวแบบนี้สิลูก”
หล่อนหันไปมองบิดาอย่างอ่อนใจ และก็ปรายตามองเดวิดอีกคน ซึ่งก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบ
เมื่อไหร่นะ ผู้ชายถึงจะมองมารยาของพวกตอแหลเหล่านี้ออกเสียที
“พลอยขอตัวนะคะ กินไม่ลงแล้วค่ะ”
หญิงสาวเดินจากมาแล้ว แต่สองหูก็ยังได้ยินเสียงตอแหลของสองแม่ลูกนั้นชัดเจน
“คุณลุงขา นาขอโทษนะคะ นา... นาไม่ดีเอง พรุ่งนี้นาจะไม่มาร่วมโต๊ะอาหารแล้วค่ะ เผื่อคุณพลอยจะได้เจริญอาหารกว่านี้...” สรินนาพูดเสียงดัดจริต และบีบน้ำตาไม่หยุด
“ดาด้วยค่ะ ดา... จะไปกินข้าวในครัวกับยายนาเองค่ะ”
“พอๆ กันเถอะ ฉันปวดหัวจะบ้าอยู่แล้ว”
วิชาญพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยหนักใจ
“แล้วนั่นอิ่มแล้วหรือเดวิด”
“ครับท่าน”
“งั้นฉันฝากดูแลลูกพลอยด้วยแล้วกันนะ”
“ครับท่าน”
สรินนามองตามร่างของเดวิดไปจนลับตา ก่อนจะรีบขอตัวไปบ้าง เพราะต้องการตามเดวิดไป
“อิ่มแล้วเหรอยายนา”
“ค่ะแม่ คุณลุงคะ นา... ขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อวิชาญอนุญาต สรินนาก็รีบปลีกตัวตามเดวิดมาทันที
“พี่เดวิดคะ”
เดวิดชะงักเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสรินนา
“ครับคุณนา”
“เอ่อ... วันนี้พี่เดวิดจะพาคุณพลอยไปไหนเหรอคะ”
เมื่อเห็นสายตาแคลงใจที่เดวิดมองจ้องมา สรินนาก็รีบแก้ตัว
“คือนา... จะออกไปข้างนอกน่ะค่ะ จะไปซื้อของมาเตรียมเอาไว้จัดงานเลี้ยงให้กับคุณพลอยน่ะค่ะ นาก็เลยอยากจะขอติดรถไปด้วย”
“คนขับรถที่นี่ก็มีตั้งสามคนนี่ครับ ผมว่าคุณพลอยอาจจะไม่ค่อยชอบใจ ถ้าผมให้คุณนาไปด้วย”
“นาทราบค่ะว่าคุณพลอยน่ะชังน้ำหน้านาแค่ไหน”
หล่อนแสร้งทำหน้าน่าสงสาร
“แต่นา... นาไม่อยากรบกวนคนขับรถน่ะค่ะ เพราะวันๆ ก็มีงานเยอะแยะอยู่แล้ว แต่ถ้าพี่เดวิดลำบากใจ นาขึ้นรถเมล์ไปเองก็ได้ค่ะ”
สรินนาแกล้งยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะเดินหนี และก็อมยิ้มเมื่อเดวิดเรียกเอาไว้
มันได้ผลเสมอแหละ หากหล่อนงัดมารยาหญิงออกมาใช้
“พี่เดวิด ยอมให้นาไปด้วยแล้วใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา และก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“เรื่องนั้นผมคงต้องไปถามความสมัครใจของคุณพลอยก่อนน่ะครับ”
หล่อนหน้าหงิก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“แล้ว... พี่เดวิดเรียกนาไว้ทำไมเหรอคะ”
ดวงตาคมกริบของเดวิดมองจ้องมาที่ลำคอ จนหล่อนต้องยกมือขึ้นลูบไล้ไปมา และเอ่ยถาม
“พี่เดวิดมองนาแบบนี้... นาก็เขินแย่สิคะ”
เดวิดระบายยิ้มบางๆ ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยไม่ต่างจากอิสตรีจะขยับ
“ที่ผมมองก็เพราะผมอยากจะเตือนให้คุณนาระวังมดระวังยุงน่ะครับ”
“ทำไมเหรอคะ”
“ก็คอของคุณนาแดงเป็นจ้ำเลย น่าจะถูกมดหรือยุงกัดเอาน่ะครับ”
ใบหน้าของสรินนาซีดเผือด และก็นึกขึ้นได้ว่าวิริยะดูดคอของตัวเองแรงมากเมื่อคืน
ไอ้วิริยะ!
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวนาขอตัวไปทายาก่อนนะคะ นี่คันมากเลยค่ะ”
“ครับ”
สรินนาแกล้งยกมือเกาที่ลำคอของตัวเอง ก่อนจะรีบเดินจากมาทันที
“ไอ้ยะบ้า ที่อื่นให้ดูดไม่ดูด มาดูดที่คอ ไอ้ระยำ!”
เมื่อเดินออกมานอกบ้านก็พบว่าเดวิดยืนรออยู่ที่รถ เรือนกายใหญ่โตพิงอยู่กับตัวถังรถคันงาม
หัวใจของหล่อนสั่นไหวทุกครั้งที่พบเห็นเขา แต่ก็ต้องทำใจแข็งเอาไว้เสมอ
“วันนี้ฉันจะไปคนเดียว”
“ไม่ได้ครับ เพราะท่านต้องการให้ผมไปกับคุณทุกฝีก้าว”
หล่อนกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะไปพ้นๆ ฉันเสียที รู้ไหมว่าฉันรำคาญ”
“ก็จนกว่าคุณจะปลอดภัยจากไอ้ศัตรูที่ซุ่มอยู่ในเหงามืดนั่นแหละครับ”
“ฉันตายมันก็เรื่องของฉัน”
“สำหรับผมน่ะใช่ครับ คุณตายไม่เกี่ยวอะไรกับผม แต่สำหรับท่าน...” เขาจ้องหน้าหล่อนใกล้กว่าทุกครั้งที่เคยกระทำ “ท่านจะเสียใจมาก ถ้าคุณเป็นอะไรไป”
หล่อนเบี่ยงหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับดวงตาสีฟ้าสวยของเดวิด
“ถอยออกไปได้แล้ว ฉันจะขึ้นรถ”
เขาถอยออกห่างตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ทันที่จะเปิดประตูรถให้กับพราวพลอย เพราะหล่อนจัดการเองเสียแล้ว
“วันนี้จะไปไหนครับ”
เขาถามเมื่อก้าวขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยรถเรียบร้อยแล้ว
“คุณก็ขับรถไปก่อนเถอะน่ะ เดี๋ยวฉันบอกทางเอง”
“ครับ”
รถคันงามที่มีสารถีที่งดงามกว่าแล่นไปตามท้องถนนด้วยความเร็วพอประมาณ และก็ไม่น่าเชื่อว่าอดีตทหารรับจ้างดิบเถื่อนอย่างเดวิดจะขับรถได้นุ่มขนาดนี้