“สำเร็จไหมยะ”
สรินนากรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์ด้วยความหวังล้นเปี่ยม
“ไม่สำเร็จนา”
“อะไรนะ?! ไม่สำเร็จ”
“นาจ๋า... คือว่าพลอยน่ะพาผู้ชายมาด้วย ตัวโต๊โต ยะก็เลยไม่ได้ปล้ำพลอยอย่างที่นาสั่งน่ะ”
วิริยะกำลังคบหากับสรินนาอยู่อย่างลับๆ ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่พราวพลอยเลิกกับวิริยะนั่นเอง
“โง่! ทำไมโง่แบบนี้นะยะ นี่มันครั้งที่สองแล้วนะ แต่ยะก็ทำพลาดทุกครั้ง!”
“นา ยะขอโทษนะที่ทำไม่สำเร็จ แต่เราก็อย่าไปยุ่งกับพลอยเลย ยังไงยะก็ไม่กลับไปหาพลอยแล้วล่ะ ยะรักนาคนเดียวนะครับ”
สรินนาเบ้หน้ากับโทรศัพท์มือถือของตนเอง เมื่อก่อนหล่อนอยากได้วิริยะมาเป็นของตนเอง จึงเอาตัวเข้าแลกจนวิริยะไปไหนไม่รอด แต่ตอนนี้หล่อนเบื่อหน่ายเขาที่สุด และแน่นอนว่าจะต้องเขี่ยทิ้งในทันทีที่หลอกใช้สำเร็จ
“ถ้ายะรักนา ยะก็ต้องทำให้สำเร็จสิ”
“ทำไมนาจะต้องไปยุ่งกับพลอยด้วยล่ะ แค่ที่เราสองคนมาคบหากัน พลอยก็เจ็บช้ำพอแล้ว ยะว่าเราอย่าไปยุ่งกับพลอยเลย ปล่อยพลอยไปเถอะ”
โดยเนื้อแท้แล้ว วิริยะไม่ใช่คนชั่วร้าย แต่ที่ทำไปก็เพราะไม่อยากขัดใจสรินนานั่นเอง
“ไม่... นาจะไม่หยุดจนกว่านาจะทำลายนังพลอยมันให้ย่อยยับได้ นาก็เคยบอกยะแล้วนี่ว่านังพลอยมันร้ายกาจแค่ไหน มันทำร้ายนา...!”
“แต่เท่าที่ยะเห็น เมื่อก่อนพลอยเขาก็ออกจะดีกับนานะ”
“นี่ยะเข้าข้างนังพลอยใช่ไหม!”
สรินนาระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างลืมตัว จนวิริยะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะปกติสรินนาจะอ่อนหวานเสมอ
“นา... ทำไมนาไม่เหมือนเดิมเลยล่ะ”
สรินนาถูกทักท้วง ก็รีบปรับเปลี่ยนเสียง แต่สีหน้าที่ไม่มีใครเห็นยังคงเต็มไปด้วยความคั่งแค้นเช่นเดิม
“นา... นาขอโทษนะยะ” หล่อนแสร้งร้องไห้ออกมา “แต่นา... นาเจ็บปวดมาก ยะไม่รู้หรอกว่าพอลับตาคนอื่น พลอยทำอะไรกับนาบ้าง”
“โอเคนา... อย่าร้องไห้นะ ยะขอโทษที่พูดไม่ดีกับนา”
“ไม่เป็นไรหรอกยะ นามันก็แค่ลูกคนใช้ที่จับพลัดจับพลูได้ดีแค่นั้นเอง”
“ไม่เอาน่านา อย่าพูดอย่างนี้เลย... ยะเสียใจ ยะขอโทษนะนา เอาไว้ยะจะหาทางทำให้พลอยเสียชื่อเสียงให้ได้ ยะสัญญา”
รอยยิ้มชั่วร้ายผุดพรายขึ้นบนใบหน้าของสรินนา “ขอบใจมากนะยะ แต่นาไม่อยากให้ยะทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง นาเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะนา เราสองคนไม่ใช่แค่แฟนกัน นาก็รู้นี่...”
วิริยะทำเสียงกระเส่าบอกความต้องการนัย
“คืนนี้นาออกมายะที่หน้าบ้านนะ เดี๋ยวยะจะเอารถไปจอดรับ”
“คงไม่ได้หรอกยะ นากลัวใครจะเห็นน่ะ”
“แต่เราไม่ได้เจอกันมานานแล้วนะนา ยะคิดถึงนามาก นาก็น่าจะรู้”
เพราะต้องการหลอกใช้วิริยะต่อไป ทำให้สรินนาไม่มีทางเลือก ทั้งๆ ที่เบื่อหน่ายเต็มทน
“ก็ได้ยะ แต่นาออกไปนานไม่ได้นะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าแล้วจะสงสัยนา”
“ไม่นานหรอกนา ยะจะทำเร็วๆ”
“งั้นแค่นี้นะยะ นาออกไปหาแม่ก่อน”
“ครับ เอาไว้เจอกันคืนนี้นะครับ เวลาเดิม”
วิริยะส่งจูบมาตามสายโทรศัพท์ ทำให้สรินนาต้องเบ้หน้าด้วยความขยะแขยง
“พอแกทำงานให้ฉันสำเร็จ ฉันก็จะเขี่ยแกทิ้ง ไอ้ผู้ชายโง่เขลา”
สรินนาพูดกับโทรศัพท์มือถือของตนเอง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพัก แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อเจอดารายืนอยู่หลังบานประตูไม้
“แม่...”
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าตอนที่คุณท่านอยู่บ้าน อย่าแอบอู้งาน”
“ฉันแค่เข้ามาคุยโทรศัพท์น่ะแม่ และอีกอย่างฉันก็รู้ว่าฉันต้องทำตัวยังไง”
“รู้ก็ดีแล้ว”
ดาราเดินเข้ามาในห้องของลูกสาว
“ปิดประตูด้วย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
สรินนาจำต้องดึงบานประตูห้องปิดลงอีกครั้ง และลงกลอนอย่างแน่นนาน จากนั้นก็เดินมาหยุดตรงหน้าของมารดา
“แม่มีอะไรจะคุยกับฉันล่ะ”
ดาราช้อนตามองหน้าลูกสาว ก่อนจะเค้นเสียงเย็นชาออกมา
“แกรู้แล้วใช่ไหมว่าท่านจ้างบอดี้การ์ดมาให้คุ้มครองคุณพลอย”
“รู้แล้วล่ะแม่” สรินนาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ กับร่างของมารดา
“ต่อจากนี้ไป เราก็ทำอะไรได้ยากขึ้น แกคิดจะทำอะไรก็ต้องระวังให้ดี”
“ฉันรู้แล้วน่ะแม่”
สรินนากระแทกเสียงออกมา
“ก็ถ้าครั้งที่แล้ว ไอ้มือปืนมันยิงโดนนังพลอย เรื่องมันก็คงไม่ยืดยื้อมาถึงตอนนี้หรอกค่ะ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้มือปืนมันจะราคาคุย” น้ำเสียงของดาราหงุดหงิด “แต่ยังไงซะ เราก็ล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดคุณพลอยไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น เราสองคนแม่ลูกจะไม่ได้สมบัติอะไรเลย”
“แล้วถ้าหากนังพลอยมันตายไป แต่ท่านก็ยังไม่ยอมยกสมบัติให้เราล่ะแม่ จะทำยังไง” สรินนาสงสัยจึงถามออกมา
ดารายิ้มหยัน แววตามีความชั่วร้ายมากมาย
“แกไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนั้นหรอก ฉันเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว”
“ยังไงเหรอแม่”
ดาราหันมาสบสายตากับลูกสาว
“ก็ถ้าเกิดท่านไม่ยอมยกสมบัติให้กับพวกเรา เราก็จะเก็บท่านเอาไว้ทำไมกันล่ะ”
“ห๊ะ... นี่แม่ก็จะฆ่าท่านอีกคนเหรอ!”
“ก็ถ้าจำเป็น ฉันก็ไม่มีทางเลือก”
ไม่มีความละอายต่อบาปในน้ำเสียงของดาราเลยแม้แต่น้อย
“แม่นี่ใจเหี้ยมจริงๆ”
สรินนาชื่นชมมารดาของตนเอง
“จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าที่คุณนายตายไป แม่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย...”
ดารายิ้มหยัน ไม่สะทกสะท้าน
“แกคิดไม่ผิดหรอก ฉันทำเองทุกอย่าง แต่ที่ฉันทำมันก็เพื่อเราสองคนแม่ลูก แกรู้ใช่ไหมนา”
“ฉันรู้จ้ะว่าแม่ทำเพื่อเราสองคน”
สรินนายื่นมือไปกุมมือของมารดาเอาไว้
“และเพราะอย่างนี้ไง ฉันจึงเจริญรอยตามแม่ทุกฝีก้าว”
“แต่แกทำได้ดีกว่าฉันอีกนะ ตอแหลได้แนบเนียนสุดๆ”
“นี่แม่ชมฉันใช่ไหมเนี่ย”
ดาราหัวเราะร่วน ก่อนจะยกมือขึ้นตบบ่าของลูกสาวคนสวยเอาไว้
“ใช่ แกทำได้ดีมาก แสดงบทนางเอกผู้น่าสงสารต่อไปนะ อ้อ แล้วก็พยายามดึงไอ้บอดี้การ์ดตัวโตนั่นให้มาเป็นพวกของเราให้ได้ เพราะเวลาเราทำอะไรกัน มันจะได้ไม่สงสัยพวกเรา”
สรินนายิ้มมุมปาก “ฉันวางแผนเอาไว้แล้วล่ะแม่ รับรองว่าพี่เดวิด ไม่พ้นเสน่ห์ของฉันแน่นอน”
“เก่งมากลูกสาวแม่”
สองแม่ลูกหัวเราะครื้นเครงอย่างมีความสุข เมื่อสิ่งที่ปรารถนาอยู่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ