“หยี เย็นนี้เราไปวิ่งรอบบึงไหม”
“ทำไม” ปกติถ้าจะออกกำลังกายเราสองคนมักจะออกกันที่คอนโดเพราะส่วนกลางมีให้ใช้บริการอยู่แล้วเราเลยไม่ค่อยไปที่อื่น แล้วทำไมวันนี้ฝนถึงนึกอยากจะมาวิ่งในมอ
“ได้ยินสาว ๆ ในเซ็กเขาคุยกันว่าถ้าวันพุธนักกีฬามหา’ลัยจะชอบมาวิ่งรอบบึง”
“ใช่เหรอ ไม่ใช่เขาวิ่งรอบสนามบอลกันรึไง” ฉันว่าฝนโดนหลอกแล้วแหละ นักกีฬาที่ไหนจะมาวิ่งรอบบึงให้วุ่นวายกับคนอื่น ส่วนใหญ่เวลาซ้อมเขาก็ซ้อมที่สนามของแต่ละชนิดกีฬาไม่ก็สนามบอลกันทั้งนั้น
“เอ่อน่า ไม่ลองไม่รู้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนะ”
“เห็นอะไรเหรอ ขอไปด้วยได้ป่ะนี่ก็อยากเห็น” ธนนโผล่หน้าเข้ามาตรงกลางระหว่างฉันกับฝน เจ้าตัวมองหน้าเราสองคนสลับกันอย่างทะเล้น
“เรื่องของสาว ๆ นายไม่ต้องมายุ่งเลย” ฝนใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของธนนให้ถอยห่าง ด้านคนโดนผลักก็เบ้หน้าเบ้ตาอย่างน้อยใจ
“อะไรอ่า เพื่อนกันมีอะไรต้องแบ่งปันกันสิ”
“เรื่องอื่นได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ไง”
“แล้วทำไมจะไม่ได้!” ดึงแขนทั้งคู่ให้ถอยห่างจากประตูเมื่อเพื่อนร่วมเซ็กคนอื่นกำลังทยอยเดินออกมา ด้วยความที่พึ่งเรียนเสร็จเลยยังไม่ได้เดินไกลจากหน้าห้อง
“ก็เรากับหยีจะไปส่องผู้ รู้แบบนี้ยังอยากจะไปด้วยอยู่ไหม” ฝนเท้าเอวถามคนหน้างอ
“แล้วจะไปส่องที่ไหน”
“บึงเย็น” บึงเย็นที่ฝนพูดถึงคือบึงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังมอ ด้วยความที่บริเวณนั้นมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เยอะเลยทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งวันก็เลยถูกเรียกว่าบึงเย็น
“โอเค”
“โอเคอะไร” ฝนงง ฉันเองก็งงว่าธนนจะโอเคทำไม
“โอเคว่าจะไปด้วย ถ้าพวกเธอไปส่องผู้เราก็จะไปส่องหญิงเหมือนกัน” ท่าทางเชิดหน้าเชิดตาเหมือนอยากเอาชนะแบบนั้นคืออะไร
“ถามจริง?”
“จริง! ไป ๆ อย่ามัวทำหน้างง จะไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดก่อนใช่ไหม”
“อือ” คราวนี้ฉันเป็นคนตอบเพราะฝนมัวแต่ตบตีกับธนนให้อีกฝ่ายเลิกดุนหลัง
“งั้นส่งโลมาเดี๋ยวเราแวะไปรับ”
“ดิฉันสองคนมีรถขับค่าคุณธนน” ฝนชี้มือไปยังรถที่ลุงศักดิ์ป้าอุ่นพึ่งซื้อให้ก่อนที่เราสองคนจะเปิดเทอม
“ผมรู้ครับแต่อยากไปรับ จบปิ้ง?”
“ย่ะ! จบก็จบ ดีเหมือนกันจะได้ไม่เปลืองน้ำมันรถ!” ส่ายหน้าเมื่อเห็นเพื่อนสองคนเบ้ปากส่งให้กันไม่ยอมเลิก
ฝนกับธนนเรียกได้ว่าเป็นคู่กัดประจำกลุ่ม (ที่มีกันแค่สามคน) ในแต่ละวันต้องมีเรื่องให้ทะเลาะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็ชอบเถียงกันไม่หยุด ที่เคยได้ยินมาว่าถ้านิสัยคล้ายกันมากแล้วจะอยู่ด้วยกันยากฉันว่าท่าจะจริง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาธนนก็มารับเราหน้าคอนโด ฉันถูกบังคับให้นั่งหน้าเพราะฝนบอกถ้านั่งเองเดี๋ยวได้บีบคอคนขับรถ
“แค่ไปวิ่งพวกคุณจำเป็นต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้?” ไล่สายตามองฉันก่อนจะมองผ่านกระจกหลังไปยังอีกคน
“ไม่ได้ตั้งใจแต่ง แต่บังเอิญสวยอยู่แล้วมันก็เลยช่วยไม่ได้” ว่าจบก็ยกแขนกอดอกแล้วส่งสายตามองจิกใส่คนขับ
“ผมยอมความมั่นหน้านี้ของคุณ โอ๊ยยยย” ธนนสะดุ้งสุดตัวเมื่อฝ่ามืออรหันตีแขนจนดังเพียะ ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าถ้าปากแบบนี้อีกไม่นานจะเจ็บตัว แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
“มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปอย่าพูดมาก!”
“ตัวแค่นี้ทำไมมือหนักจังวะ” ลูบแขนตัวเองปอย ๆ เจ้าตัวกัดฟันเข่นเขี้ยวคนด้านหลังบอกว่า ‘ฝากไว้ก่อน’
ใช้เวลาไม่นานเราก็กลับเข้ามอกันอีกครั้ง ธนนเลือกเข้าประตูสองไม่ได้เข้าประตูใหญ่เหมือนทุกครั้งเพราะว่าทางนี้จะถึงบึงเย็นได้เร็วกว่า แล้วเส้นทางที่เรามาก็จำเป็นต้องขับผ่านสนามบอลที่ตอนนี้ดูคึกคัก
“นั่นรถเฮียนินนี่” ธนนลดความเร็วเมื่อเห็นรถของพี่ชายจอดอยู่ข้างสนาม “มาเตะบอลไม่ชวนน้องอีกแล้วนะ” เป็นอีกครั้งที่ธนนทำหน้าน้อยอกน้อยใจจนฉันอดยิ้มด้วยความเอ็นดูเขาไม่ได้ เป็นลูกคนเล็กที่ขี้น้อยใจตามตำราแบบเป๊ะ ๆ
“ถ้าเราจะขอแวะสนามบอลก่อนได้ไหม”
“ได้สิ” ฉันน่ะไม่มีปัญหาหรอก “ฝนว่าไง หรือจะให้ธนนแวะไปส่งที่บึงก่อน” ต้องถามคนด้านหลังเพราะรายนี้ยิก ๆ อยากรีบไปส่องผู้
“แวะก็แวะ แต่เร็ว ๆ นะแสงหมดเดี๋ยวส่องผู้ไม่ถนัด” ธนนกลอกตามองบนแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เจ้าตัวเปิดประตูลงจากรถเมื่อหาที่จอดได้ ฉันกับฝนก็เลยต้องตามลงไปด้วย
เราสามคนยืนเกาะรั้วของสนาม ด้วยความที่คุยกันว่าจะอยู่แค่แป๊บเดียวเลยไม่ได้เดินเข้าไปนั่งบนอัฒจันทร์
“ทำไมเฮียนินเหงื่อซกขนาดนั้นแล้วยังหล่อ” นั่นสิ ทำไมเหงื่อท่วมตัวขนาดนั้นแล้วถึงดูดีได้ เสยผมทีสาว ๆ บนอัฒจันทร์กรี๊ดกันคอแทบแตก ทั้งที่พึ่งย้ายมาแต่ดูเหมือนจะมีแฟนคลับเป็นของตัวเองแล้ว “หยีล่ะว่ายังไง”
“อะไร” เอียงคอไม่เข้าใจในคำถาม
“เฮียนินน่ะ หล่อไหม” สายตาสองคู่มองตรงมายังฉันอย่างใส่ใจ ธนนมองด้วยสายตาล้อเลียนกันนิด ๆ ส่วนฝนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่ฉันดูออกว่าเจ้าตัวก็อยากรู้ว่าฉันจะตอบว่ายังไง
“ก็... หล่อ” ถึงจะรู้สึกเขินกับคำตอบของตัวเองแต่ฉันก็เลือกที่จะพูดความจริง ในเมื่อพี่เขาหล่อจริงแค่พูดออกไปตามที่เห็นก็คงไม่เสียหายอะไร
แต่ใครจะคิดว่าคำตอบที่ฉันพูดเมื่อสักครู่ธนนจะตะโกนจนดังลั่นให้คนทั้งสนามได้ยินด้วย
“เฮียนิน เมื่อกี้ยาหยีบอกว่าเฮียหล่อมาก มากแบบมากที่สุด!”
“ธนน!” ฉันแค่บอกว่าหล่อไม่ได้บอกว่าหล่อมากสักหน่อยไอ้หมอนี่
“หยี พี่ธนินกำลังมา” คำพูดของฝนทำให้ฉันตาตื่น มองเข้าไปในสนามก็เห็นพี่ธนินคุยอะไรไม่รู้กับพี่ฝุ่นก่อนที่พี่เขาจะวิ่งตรงมาทางนี้ สายตาคู่นั้นจ้องมองมายังฉันพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“โชคดีนะยาหยี” ฉันไม่เข้าใจว่าธนนอวยพรทำไมจนกระทั่งได้ยินเสียงสตาร์ตรถ “สวีตกันให้เต็มที่นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องวิ่งเดี๋ยวเรากับฝนวิ่งเผื่อเอง” พูดจบก็โบกมือให้ฉันแล้วขับรถออกไปเลย
“ไอ้เพื่อนบ้า!” กล้าทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวท่ามกลางสายตาคนนับร้อยแบบนี้ได้ยังไง
“หยี” เสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกจากด้านหลัง ฉันหลับตาผ่อนลมหายใจอย่างปลงตก คงไม่สามารถทำอะไรได้แล้วสินะนอกจากหันกลับไปเผชิญหน้า “ที่ธนนพูดเมื่อกี้จริงรึเปล่า”
“พี่ธนิน...” ฉันเรียกชื่อพี่เขาอย่างอ้อนวอน ตอนนี้ฉันหน้าร้อนไปหมดแล้ว ทั้งเขินทั้งอายจนอยากจะร้องไห้ให้มันจบ
“โอเคครับ ถือว่าพี่ได้คำตอบแล้ว” พูดจบก็ค้ำมือกับราวรั้วแล้วกระโดดออกจากสนามมายืนตรงหน้าฉัน
พี่ธนินเช็ดมือตัวเองกับกางเกงบอลที่ใส่อยู่ก่อนที่พี่เขาจะเอื้อมมาดึงมือฉันไปจับ
“พี่ธนินจะทำอะไรคะ” ขืนตัวไว้เมื่อพี่เขาดึงมือเหมือนจะพาฉันไปไหน
“พี่ต้องไปเอากระเป๋าครับ”
“แล้วจะพาหยีไปด้วยทำไมคะ” ตอนเรายืนคุยกันเฉย ๆ คนก็สนใจเยอะอยู่แล้ว พอมาจับมือกันแบบนี้คนยิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่
“พี่ไม่กล้าไปคนเดียว หยีไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” สายตาออดอ้อนถูกส่งมาทำให้ฉันไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่เดินตามการจับจูงของอีกฝ่ายต้อย ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ร้อนฉ่าขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพี่ธนินเปลี่ยนจากการกุมมือธรรมดาเป็นการสอดมือมาประสาน
เดินมาถึงด้านในเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น นักกีฬาที่วิ่งวุ่นเมื่อสักครู่ทยอยเดินออกจากสนาม ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพี่ฝุ่นรวมอยู่ด้วย
“อย่าเยอะไอ้สัส ปล่อยมือน้องกูเดี๋ยวนี้” เดินมาถึงพี่ฝุ่นก็มองมือที่จับกันเป็นอันดับแรก
“เดี๋ยวกูจะไปส่งหยี มึงหาคนลงครึ่งหลังแทนกูด้วยแล้วกัน” พี่ธนินไม่สนใจสีหน้าเอาเรื่องของพี่ฝุ่น หยิบกระเป๋าได้ก็พาฉันเดินออกจากสนามหน้าตาเฉย “พี่ขอเปลี่ยนชุดแป๊บหนึ่งนะแล้วเราค่อยไปเดินเล่นกัน ฝากกุญแจรถด้วยครับ” มือที่ประสานกันถูกคลายออก แทนที่ด้วยกุญแจรถที่อีกฝ่ายยัดมันใส่มือฉัน
“ทำไมพี่ธนิน…” ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ เขาเป็นคนพูดเองเออเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มเอาแต่ใจอยากทำอะไรก็ทำขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน แสดงว่าสี่ปีที่ไม่ได้เจอกันมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับพี่เขาเยอะเลยงั้นสินะ