ปุณณ์ป่วยเข้าโรงพยาบาล #1

1199 คำ
แสงจากหลอดไฟสีขาวบนเพดานสาดเข้ามารบกวนดวงตาของคนที่นอนหลับอยู่ ปุณณ์ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นด้วยความอ่อนแรง เมื่อขยับแขนเล็กน้อยก็พบว่าบริเวณหลังมือของตนเองมีอะไรเหนี่ยวรั้งอยู่ ความเจ็บจี๊ดทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้น “ไงปุณณ์ ทำไมครั้งนี้อาถึงได้เจอเราที่โรงพยาบาลล่ะ” ทรงพลถามขึ้นขณะที่รับเอาชาร์ตผู้ป่วยมาจากนางพยาบาลใกล้ตัว ก่อนจะพยักหน้า พยาบาลสาวจึงจำใจต้องเดินหลบไปยืนอยู่ที่มุมห้องแม้จะรู้สึกถูกอกถูกใจในตัวของคนไข้หนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงก็ตาม ปุณณ์เห็นสายตาที่ปิดความปรารถนาไม่มิดจากพยาบาลสาวชัดเจน หน้าตาและผิวพรรณของเธอก็ไม่ได้ดูแย่ แต่น่าแปลกที่ตัวเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย หากเป็นเช่นทุกครั้ง เขาคงมีการแลกช่องทางการติดต่อกับเธอไปแล้ว “ผมก็ไม่ทราบครับอาหมอ แต่ผมสาบานได้ ตั้งแต่วันนั้นที่อาหมอไปดูอาการผม ผมก็ไม่ได้ไปกินเหล้าหรือว่าเที่ยวกลางคืนที่ไหนอีกเลย กินยาตามที่อาหมอสั่งทุกครั้งด้วยครับ” ปุณณ์รีบบอก เพราะคิดว่าผู้เป็นอาจะหาว่าเขาไปเที่ยวกลางคืนจนทำให้ทรุดหนักถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาล “อาพยายามตรวจแล้วนะปุณณ์ แต่ผลออกมาร่างกายของเราปกติทุกอย่าง จะว่าแพ้น้ำแพ้อากาศ อาก็จัดยาให้กินกันไว้หมดแล้วนะ” ชายวัยกลางคนว่าด้วยใบหน้าเคร่งเครียด พลางดันแว่นตาขึ้นเล็กน้อย “อาจะจัดยาให้เพิ่ม หมดน้ำเกลือถุงนี้ก็กลับบ้านได้…น่าแปลกจริง ๆ” “แปลกยังไงเหรอครับ” ปุณณ์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณอาหมอเหมือนมีบางอย่างอยากพูดแต่ก็ไม่พูดมันออกมา “คงไม่ได้เป็นอย่างที่อาคิดหรอก ช่วงนี้ก็กินยาตามที่อาสั่ง พยายามฝืนกินอาหารให้ครบห้าหมู่ด้วยนะ อย่าทำงานหนักมาก หวังว่าอาจะไม่ได้เจอเราโดนหามส่งโรงพยาบาลอีกนะปุณณ์” ทรงพลยิ้มให้เพื่อคลี่คลายบทสนทนา ปุณณ์พยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน “ครับคุณอา ขอบคุณมากครับ” เมื่ออยู่เพียงลำพังเขาก็หลับตาลงครู่หนึ่ง พยายามคิดหาวิธีร้อยแปดที่จะทำให้ตนเองกลับมามีเรี่ยวมีแรงเหมือนเดิม ครั้นจะให้ออกไปดมดอกมะลิกับกุหลาบทุกครั้งที่รู้สึกเวียนหัวก็คงจะเกิดปัญหา เพราะเขาพกสวนดอกไม้ไปที่บริษัทด้วยไม่ได้ มือข้างที่ไม่ถูกเจาะน้ำเกลือพยายามเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางนิ่งอยู่บนหัวเตียง ก่อนจะกดเบอร์แรกที่ขึ้นอยู่ในรายชื่อแล้ววางเครื่องมือสื่อสารบางเฉียบนั้นไว้แนบหู ใช้เวลาเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ “มีงานด่วน จองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสวันนี้เลย” ปุณณ์กรอกเสียงลงไป (ครับ? เอ่อ หมายถึง เจ้านายจะไปไหนเหรอครับ) วาทิตถามกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่ใช่ฉัน สภาพแบบนี้ลุกไปฉี่เองได้ก็บุญแล้ว ฉันจะให้นายไปฝรั่งเศส ไปทำเรื่องสำคัญให้ที” เขาพูดทั้งที่หลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อนจากพิษไข้ในร่างกาย (เรื่องอะไรครับเจ้านาย สั่งมาได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้) น้ำเสียงของลูกน้องคนสนิทแทบจะกักเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ที่ได้รับใช้ผู้เป็นนาย การไปฝรั่งเศสครั้งนี้จะต้องมีภารกิจที่สำคัญรออยู่แน่ ๆ “ไปซื้อน้ำหอม Chanel No.5 มาให้ฉันที หลาย ๆ ขวดเลย หวังว่าจะได้รับน้ำหอมไวที่สุดนะวาทิต” พูดจบปุณณ์ก็กดวางสาย ก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน ทิ้งให้วาทิตที่อยู่ปลายสายถือโทรศัพท์นิ่งค้างด้วยความอึ้งอยู่แบบนั้น … การกลับมาพักฟื้นที่บ้านครั้งนี้ของปุณณ์เป็นไปด้วยดีมากยิ่งขึ้น อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนเริ่มลดลงเมื่อเขาได้สูดดมกลิ่นหอม ๆ ของ Chanel No.5 ที่ลูกน้องสนิทอุตส่าห์ดั้นด้นไปขนจากเคาน์เตอร์ที่เมืองน้ำหอมมาให้หลายขวด ปุณณ์ฉีดลงบนผ้าห่มและหมอนภายในห้องนอนของตน ก่อนทิ้งตัวลงไปกอดผ้าห่มและหมอนอย่างมีความสุข กลิ่นสัมผัสที่คุ้นเคยนั้นทำให้อาการแพ้อะไรบางอย่างของเขาดีขึ้นอย่างน่าประหลาดในทันที “ถึงขั้นซื้อน้ำหอมเขามาฉีดแล้วอาการดีขึ้นแบบนี้เรียกป่วยใจแล้วละไอ้ปุณณ์” หัสดินทร์ที่แวะมาเยี่ยมเอ่ยแซว ก่อนโคลงแก้วไวน์ในมือแล้วยกมันขึ้นดื่ม “ป่วยใจบ้าบออะไร ก็แค่กลิ่นมันหอมดี ที่ฉันยังตามหาเธออยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากคุยด้วยแล้วก็จะทำข้อตกลงให้เธอมาเป็นเด็กในสต็อกของฉัน เก็บไว้เป็นคู่ควงเล่น ๆ เหมือนคนที่ผ่านมาแหละน่า” เป็นอีกครั้งที่ผู้ร้ายปากแข็งปั้นน้ำเป็นตัว ทั้งที่ในใจของปุณณ์นั้นมีคำตอบให้กับเรื่องนี้อยู่แล้ว “คงเป็นคู่ควงที่พิเศษน่าดูเลยเนอะ มีสวนดอกไม้กลิ่นเดียวกับน้ำหอมเขาขนาดนี้” หัสดินทร์ยังคงแซวไม่เลิก “เอาหน่อยไหม” “ไม่ละ เอาไปไกล ๆ เลย ฉันดื่มไม่ไหวหรอกช่วงนี้ ขืนฝืนกินเข้าไปมีหวังได้โอ้กอ้ากทั้งคืนจนไม่ได้นอนแน่” สีหน้าของคนโดนชวนเหยเกทันที “พูดถึงคู่นอนของนาย ช่วงนี้ติดต่อปานดาวหน่อยก็ดี ยัยนั่นมาตามหานายที่ร้านบ่อยจนฉันเบื่อจะตายชัก” สีหน้าของหัสดินทร์บ่งบอกถึงความรู้สึกภายในได้อย่างชัดเจน “ปานดาว?” ปุณณ์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “ไปดักรอฉันถึงร้านนายเลยเหรอ” “ก็ใช่น่ะสิ สงสัยจะอยากกลับมาควงนายอีกครั้ง ไอ้ฉันก็ได้แต่บอกปัดไปว่าไม่ได้เจอหน้านายนานแล้ว แต่ดูทรงเธอคงไม่เชื่อหรอก มาดักรอทุกวันหยุดเลย อีกคนก็ด้วย ชื่ออะไรนะ เคท ๆ แคท ๆ อะไรนี่แหละ ฉันก็จำไม่แม่น” ปุณณ์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งที่ปกติเขาควรจะกะปรี้กะเปร่าเวลาพูดถึงสาว ๆ “ไว้มีเวลาค่อยคุยแล้วกัน ตอนนี้ฉันขอใส่ใจสังขารตัวเองอย่างเดียวก่อน เมียก็ยังไม่มี อยู่ ๆ จะมาป่วยตายก็คงเสียดายชีวิตแย่” “เออ ๆ ยังไงก็ขอให้อาการดีขึ้นในเร็ววันแล้วกันเว้ยเพื่อน” ปุณณ์พยักหน้ารับคำอวยพรของเพื่อนสนิท คิดในใจว่าตัวเองนั้นเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกายในตอนนี้ หรือแม้กระทั่งจิตใจที่ไม่ได้ฝักใฝ่กับผู้หญิงคนไหนเลย เวลานี้พื้นที่หัวใจของเขาถูกแม่นางฟ้าสามพันเข้ายึดครองไปมากแค่ไหนแล้วนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม