หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอนเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครเจษฎาก็กดรับสายพร้อมกรอกเสียงลงไปทักทายคนที่อยู่ปลายสาย
“สวัสดีครับนายอำเภอศรัณ โทรมาหาผมดึกๆไม่ทราบว่ามีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”
เมื่อได้ยินประโยคที่เต็มไปด้วยการประชดประชัน ศรัณนายอำเภอหนุ่มหล่อแห่งผาตะวันก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ก็ไม่มีอะไรด่วนหรอก แค่จะโทรมาถามว่าเห็นอีเมลที่ฉันส่งไปให้หรือยัง”
อีเมลที่ว่าก็คือข้อความที่เร่งให้เพื่อนรักเดินทางมาสมทบที่ผาตะวันเร็วๆ ซึ่งเจษฎาเพิ่งจะได้รับเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะช่วงนี้เขากำลังยุ่งกับการเร่งเคลียร์งานทางนี้อยู่
“เห็นแล้ว ฉันกำลังรีบเคลียร์งานอยู่ ไว้เสร็จทางนี้เมื่อไหร่จะเดินทางไปผาตะวันทันที”
“เอ่อ…รีบๆมาได้แล้ว ตอนนี้ไอ้อิทกับไอ้ภูกำลังรอชนแก้วอยู่”
คนที่ศรัณพูดถึงก็คือ อิทธิฤทธิ์ผู้กองหนุ่มหล่อจอมเย็นชา กับภูมินทร์หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการเสือไฟจอมกวนที่ประจำการอยู่ที่อำเภอผาตะวัน ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากที่เรียนจบสี่หนุ่มก็ต่างแยกย้ายเลือกเส้นทางเดินตามอาชีพที่ตัวเองรัก โดยที่ศรัณ อิทธิฤทธิ์ และภูมินทร์ได้ไปประจำการอยู่ที่อำเภอผาตะวัน อำเภอเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขาติดกับชายแดนไทย-เมียนมาร์ จะมีก็แต่เจษฎาที่อยู่แต่กรุงเทพฯเนื่องจากต้องสารต่อธุรกิจต่อจากครอบครัว ถ้าไม่ได้เดินทางไปเป็นอาสาสมัครอยู่ที่นั่นในช่วงหน้าไฟป่า ก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย
“รู้แล้วๆ ไปคราวนี้จะไปอยู่ยาวเลย เอาให้พวกนายเบื่อขี้หน้าฉันไปข้างหนึ่งเลย”
ศรัณหัวเราะชอบใจกับประโยคของเพื่อน แต่กระนั้นก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่นายแพทย์หนุ่มพูดได้ทั้งหมด เนื่องจากอีกฝ่ายมีงานรับผิดชอบอย่างล้นมืออยู่ที่กรุงเทพฯ ถึงจะอาสามาช่วยงานหลายเดือนก็คงต้องไปๆมาๆอยู่ดี
“ดีมากไอ้หมอ แล้วเจอกันที่ผาตะวัน”
“อืม…แล้วเจอกัน”
เจษฎากดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ร่างสูงใหญ่ทอดกายนอนลงบนเตียงหนานุ่มพลางปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนเพลีย
…………………………….
“อลินจะทำยังไงดีคะคุณแม่ ถ้าพี่หมอคบกับนางดารานั่นจริงๆอลินจะเอาอะไรไปสู้เขา แค่ลำพังการเงินทางบ้านเราก็ไม่ใช่จะดี ไหนจะรูปร่างหน้าตาอีก แค่คิดก็แพ้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว มันไม่ยุติธรรมสำหรับอลินเลยนะคะคุณแม่”
อลินบ่นกับมารดาด้วยอาการหงุดหงิดหัวเสียเมื่อนึกถึงอุปสรรคความรักระหว่างเธอกับเจษฎาที่ดูเหมือนจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
“ลูกก็อย่าเพิ่งถอดใจสิคะ เขาสองคนอาจจะไม่ได้คบกันจริงๆก็ได้ ถ้าลูกรักคุณหมอก็ต้องพยายามทำให้เขาเห็นความรักของหนูให้ได้สิ”
กรองแก้วคนไข้ประจำของนายแพทย์หนุ่มที่ลูกสาวกำลังกล่าวถึงเอ่ยให้คำแนะนำ เพราะหากลูกสาวได้เป็นแฟนและแต่งงานกับเจษฎาจริงนางก็จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากนายแพทย์หนุ่มและไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนเช่นทุกวันนี้
หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปสภาพทางการเงินของกรองแก้วก็เริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ เพราะต้องรักษาอาการโรคหัวใจของตัวเองที่ค่อนข้างจะมีค่าใช้จ่ายสูง เรียกได้ว่าอีกไม่นานคงต้องนำสมบัติเก่าที่เคยมีนำออกมาขายแล้ว
“อลินจะต้องพยายามขนาดไหนพี่หมอถึงจะเห็นความรักของอลินละคะ ที่ผ่านมาอลินก็ทำเต็มที่แล้ว แต่พี่หมอก็ไม่เคยเห็นอลินเป็นมากกว่าน้องสาวสักที แววตาที่พี่หมอมองอลินกับนางดารานั่นต่างกันเป็นคนละเรื่องเลยเลยนะคะคุณแม่”
ยิ่งคิดถึงสายตาที่เจษฎามองนางเอกสาวก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ไม่เคยมีสักครั้งที่เจษฎาจะมองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม แฝงความเสน่หาปานจะกลืนกินอย่างที่มองพรชดา เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงจะได้สบตาหวานเชื่อมกับชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรในระยะประชิดแบบนั้นกันนะ
แต่กระนั้นอลินก็ยังมีความหวัง เพราะตราบใดที่ทั้งสองยังไม่ออกสื่อคู่เปิดตัวเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เธอก็จะไม่ยอมถอดใจง่ายๆ
“ถ้าเข้าทางคุณหมอยากก็ลองขอให้หนูเจนช่วยสิลูก เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”
กรองแก้วแนะนำลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่มีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงหญิงสาวเพื่อนสนิทของลูกสาว แต่แล้วอลินก็ดับฝันโดยการสวนกลับมาทันควัน
“ไม่มีทางหรอกค่ะคุณแม่ คนอย่างเจนจิราหวงพี่ชายอย่างกับอะไรดี ถ้าเกิดอลินไปเสนอตัวแบบนั้นมีหวังยายเจนได้เลิกคบอลินเป็นเพื่อนแน่ๆ”
“แบบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ แล้วลูกจะเอายังไงละคะ”
“ถ้าไม่มีใครช่วยอลิน ก็เหลือแต่คุณแม่นั่นแหละค่ะ”
“จะให้แม่ช่วยยังไงละคะ”
กรองแก้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นดวงตาเจ้าเล่ห์ของอลินประกายแสงวิบวับเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“คุณแม่จะไปงานการกุศลอีกทีเมื่อไหร่คะ”
อลินไม่ตอบ แต่กลับย้อนถามด้วยความเจ้าเล่ห์ ยังไงเสียเธอจะไม่ยอมปล่อยมือไปจากเจษฎาเป็นอันขาด!
“อาทิตย์หน้า”
เมื่อได้ยินคำตอบจากผู้เป็นแม่ ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงก็เหยียดยิ้มร้ายๆที่มุมปากราวกับนางร้ายในละครหลังข่าวไม่มีผิด
“งั้นคุณแม่ไม่ต้องไปนะคะ เพราะเดี๋ยวอลินจะไปแทนคุณแม่เองค่ะ”
“คิดอะไรถึงจะไปงานแทนแม่ ไหนบอกไม่ชอบงานการกุศลไง”
กรองแก้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะลูกสาวของตนชอบปฏิเสธเวลาที่นางขอให้ไปงานกุศลเป็นเพื่อน อลินมักจะอ้างบ่อยๆว่าไม่ชอบงานที่มีแต่คนแก่เต็มไปหมด แต่พอมาวันนี้เธอกลับอาสาไปเองอย่างไม่ต้องเอ่ยปากขอ
“ก็เพราะคิดว่าจะไปกับพี่หมอยังไงละคะ อลินถึงอยากไป”หญิงสาวไขความกระจ่างให้กับมารดา ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างคนมีแผนการ “คุณแม่จะต้องแกล้งป่วยและขอร้องให้พี่หมอไปงานกับอลินแทนแม่ หวังว่าคุณแม่จะช่วยอลินให้สมหวังได้นะคะ”
หญิงสาวเล่าแผนการของตนพร้อมกับข้อร้องแกมบังคับผู้เป็นมารดา ส่งผลให้กรองแก้วต้องคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกสาว
“ได้สิ เดี๋ยวแม่จัดการให้เอง”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
…………………………………..