“มานพ นายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”
เจษฎาเอ่ยถามเลขาที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขาพร้อมแฟ้มเอกสารกองโตในมือ ใบหน้าทะเล้นที่มักจะปรากฏบนใบหน้าของเลขาหนุ่ม วันนี้ดูเคร่งขรึมผิดสังเกต
มานพวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตรงหน้าของเจ้านาย จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ผมว่าคุณพรชดาเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเก่ง แถมยังเป็นภรรยาในอุดมคติของผู้ชายหลายๆคน แต่ยังไงเธอก็ไม่เหมาะกับผอ.หรอกครับ”
ด้วยความที่ร่วมงานกันมานานจนสนิทกันมากเมื่อคิดอย่างไรมานพก็มักจะพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้เจษฎาชินชาจนไม่ถือสาคำพูดของเลขาหนุ่มสักเท่าไหร่
“อะไรที่ทำให้นายคิดว่าเธอไม่เหมาะกับฉันล่ะ”
เจษฎาเอ่ยถามเสียงเรียบ มือใหญ่ดึงแฟ้มเอกสารมาเปิดดูระหว่างรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย
“คุณพรชดาเป็นคนสวยและโดดเด่น เป็นดวงดาวของวงการมายา เวลาจะไปไหนหรือทำอะไรก็มักจะเป็นที่สนใจของนักข่าวเสมอ เธออยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายและแสงแฟลช์ตลอดเวลา แตกต่างจากผอ.ที่ชอบความความเงียบสงบ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตมากนัก ด้วยไลฟ์สไตน์ที่แตกต่างกันสุดขั้วผมเลยคิดว่าเรื่องระหว่างเธอกับผอ.เป็นไปได้ยากครับ”
มานพพูดตามความจริงตามที่เห็น พร้อมแสดงความคิดเห็นของตัวเองลงไป เพราะมองเห็นเส้นทางความรักของเจ้านายกับหญิงสาวเป็นคู่ขนานมากกว่าที่จะมาบรรจบกันได้
“แล้วถ้าฉันมีความเห็นตรงข้ามกับนาย นายจะมีปัญหาอะไร”
“ใครจะกล้ามีปัญหากับท่านผอ.ละครับ ถ้าหากท่านจะลองเปิดใจให้เธอจริงๆ ผมก็ยินดีเอาใจช่วยครับ”
เลขาหนุ่มบอกเสียงหนัก เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเจ้านาย ลองได้พูดมาขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาทบทวนให้วุ่นวาย เพราะนั่นบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้านายไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะคบกับนาเอกสาวคนนี้แน่ๆ
“ดีแล้วที่ไม่มีปัญหา เพราะถ้าขืนนายมีปัญหาจะเปลี่ยนตำแหน่งให้ไปเป็นหัวหน้ารปภ.แทน”
เสียงทุ้มเรียบทรงพลังเอ่ยโดยไม่เงยหน้ามองเลขาหนุ่มเพราะนัยน์ตาหวานคมกำลังจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้าที่ต้องเร่งศึกษาก่อนที่จะเข้าประชุมในอีกสิบนาทีข้างหน้านี้ แต่กระนั้นก็วิวายส่งผลให้เลขาหนุ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“อย่าดีกว่าครับผอ. ตำแหน่งเลขาอย่างเดิมดีแล้วครับ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์กรุ่นๆของเจ้านายนิ่งขรึมนั้น ทำให้เลขาหนุ่มผู้รู้ใจอย่างมานพต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“นี่เป็นประวัติของคุณพรชดาครับ”
มานพบอกพร้อมส่งเอกสารอีกชุดในมือให้กับเจ้านาย เจษฎาเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“ฉันไม่ได้สั่งให้นายไปสืบประวัติของเธอสักหน่อย”
“ครับ ท่านไม่ได้สั่ง แต่คุณพรชดาเธอส่งมาให้ผมเองครับ เธอยังบอกอีกนะครับว่าให้ผมเป็นคนอ่านประวัติของเธอให้ผอ.ฟัง เพราะเธอทราบว่าท่านงานยุ่งไม่มีเวลาอ่านด้วยตัวเองครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันอ่านเอง”
เจษฎาบอกพร้อมคว้าเอกสารในมือเลขามาดูและก็ได้เห็นตัวหนังสือขนาดใหญ่บนปกแฟ้ม
‘ประวัติส่วนตัว พรชดา’
“ผู้หญิงคนนี้ชอบทำอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เรื่อยเลย”
เจษฎาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางพลิกเอกสารดูทีละหน้าอย่างใจเย็น ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธว่าการเข้าหาที่ไม่เหมือนใครของพรชดาทำให้เขาเองก็อยากรู้เรื่องราวของเธอเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
“ขอโทษครับผอ. ผมขอถามอะไรท่านสักอย่างได้ไหมครับ”
“ว่ามาสิ”
“ถ้าหากผอ.คบกับคุณพรชดาจริงๆ ท่านจะเตรียมตัวรับมือกับกองทัพนักข่าวยังไงครับ”
เจษฎานิ่วหน้าเล็กน้อยหลังจากฟังคำถามจบ ชายหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตากับเลขา เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่มานพพูดนั้นเป็นสิ่งที่ต้องพบเจอในอนาคตอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่รู้สิ ก็คงต้องปล่อยไปตามนั้น แต่ถ้ามีนักข่าวมาวุ่นวายเกินไป นายก็ช่วยจัดการให้หน่อยแล้วกัน”
“ครับผอ. ผมจะพยายามวางแผนรับมือกับกองทัพนักข่าวเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้ท่านมากที่สุดครับ”
“ขอบใจ”
เจษฎากล่าวขอบคุณเลขาก่อนจะก้มลงให้ความสนใจกับเอกสารในมือของตัวเองต่อ
………………………..……………
‘ถ้าคุณหมอว่างแล้ว รบกวนติดต่อชดากลับทีนะคะ มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ’
เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่เจษฎาก้าวออกมาจากห้องประชุมผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลในเวลาเกือบจะสี่ทุ่ม ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อด้านในสูทแล้วเปิดดู เมื่ออ่านทุกตัวอักษรจบลง นิ้วเรียวยาวก็รีบกดติดต่อกลับเจ้าของข้อความทันที
“สวัสดีครับคุณพรชดา”
เจษฎาทักทายปลายสายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ทำให้คนที่กำลังคิดถึงต้องระบายยิ้มกว้างด้วยความดีใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดุอีกฝ่าย
“บอกให้เรียกชดาไงคะ ทำไมคุณหมอต้องเรียกชื่อเต็มอยู่เรื่อยเลย”
“ก็ผมติดเรียกแบบนี้นี่”
เจษฎาบอกแล้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ใบหน้างามกำลังบูดบึ้งอยู่
“แล้วไม่คิดจะเปลี่ยนเรียกชดาบ้างเลยเหรอคะ”
หญิงสาวถามเสียงใส ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายแล้วทำให้อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
“ตอนนี้ยังไม่คิด”
ชายหนุ่มตอบไปตามตรง อย่างไม่คิดจะเอาใจคนถาม ส่งผลให้รอยยิ้มบนใบหน้างามของคนฟังเลือนหายไปแทบจะทันที อยากจะกดตัดสายให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน
“ว่าแต่คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผมงั้นเหรอ”
“คุณหมอสนใจเรื่องที่ชดาจะคุยด้วยเหรอคะ”
พรชดาแกล้งทำน้ำเสียงงอน และความเงียบจากปลายสายก็ทำให้หญิงสาวเผลอระบายยิ้มออกมาอีกครั้งเพราะเดาว่า อีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดและไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาง้อเธอดี
“ชดาอยากจะถามว่าพรุ่งนี้คุณหมอว่างไหมคะ จากตารางงานของคุณหมอบอกว่าคุณหมอว่างเกือบทั้งวัน”
“ครับ พรุ่งนี้ผมว่าง”
“งั้นดีเลยค่ะ พรุ่งนี้คุณหมออย่าเพิ่งนัดใครนะคะ เพราะชดาจะไปหาที่โรงพยาบาล อยากให้คุณหมอช่วยสอนการผ่าตัดที่จะใช้ในการแสดงในอีกสองสามวันนี้”
“ได้สิ มาเลย”เจษฎาตอบตกลงอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ค่ะ งั้นวันนี้ชดารบกวนคุณหมอแค่นี้นะคะ ทำงานหนักก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆนะคะคุณหมอ ให้รู้ไว้ว่ามีคนเป็นห่วงทางนี้หนึ่งอัตรา”
แม้จะยังไม่อยากวางสายแต่ก็ต้องตัดใจ เพราะไม่อยากรบกวนเวลาของเขามากจนเกินไป แต่กระนั้นก็วิวายเอ่ยลาด้วยประโยคชวนใจสั่นอีกตามเคย
“คุณก็ควรพักผ่อนเหมือนกัน นี่ก็ดึกมากแล้วหลับเถอะ”
ประโยคสุดเรียบเหมือนไม่จะไม่มีอะไร แต่แอบแฝงไปด้วยความห่วงใย ส่งผลให้คนฟังหัวใจอุ่นวาบ พรชดาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่ว่าจะจากพ่อแม่ หรือแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวที่คอยให้ความรักความหวงใยไม่ขาด
คำพูดเพียงเท่านี้ของเจษฎาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแล้ว
‘คุณหมอกำลังห่วงใยเราหรือเปล่าเนี่ย’หญิงสาวถามตัวเองในใจด้วยความดีใจ
“คุณหมอพูดแบบนี้ แสดงว่าเป็นห่วงชดาใช่ไหมคะ”
เสียงหวานถามด้วยความตื่นเต้น แต่ประโยคตอบกลับก็ทำให้รอยยิ้มแทบหุบลงทันที
“จะวางสายแล้วไม่ใช่เหรอ”
นอกจากจะไม่ตอบแล้วชายหนุ่มยังย้อนถามด้วยประโยคที่ดูจะดับฝันเมื่อกี้ของเธอไปเสียสนิท
“คุณหมอใจร้าย! แค่ตอบว่าห่วงใยคำเดียวก็ไม่ได้”
หญิงสาวต่อว่าเสียงเคือง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจจนคนฟังรู้สึกผิดขึ้นมากะทันหัน
“ทำเสียงแบบนี้งอนอยู่หรือเปล่า”
เจษฎาย้อนถามเสียงเรียบ แม้ในใจจะรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก็จะให้บอกว่าห่วงใยมันก็ดูจะตรงเกินไป พูดขนาดนั้นแล้วเธอก็น่าจะรู้แล้ว
“ชดามีสิทธิ์งอนคุณหมอด้วยเหรอคะ แล้วถ้าชดางอนคุณหมอจริงๆ คุณหมอจะง้อชดาหรือเปล่าล่ะ”
“ผมไม่เคยง้อใคร แม้แต่น้องสาวของตัวเอง”
เจษฎาพูดความจริง เพราะนอกจากจะไม่เคยง้อสาวแล้ว น้องสาวของเขาก็ไม่เคยงอนจนถึงขั้นต้องง้อเลยสักครั้งเดียว
“เอาเป็นว่าถ้างอนอยู่ก็หายงอนได้แล้วนะจะได้หลับฝันดี”
เพียงแค่นี้ใบหน้างามที่บูดบึ้งเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคทุ้มนุ่มนั้น
“ค่ะ ชดาหายงอนคุณหมอแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
พูดจบหญิงสาวก็กดวางสาย ก่อนที่จะฝังใบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่แล้วเปล่งเสียงกรี๊ดออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจปนอิ่มอกอิ่มใจ
“ผู้หญิงอะไรหายงอนง่ายจริงๆ”
เจษฎาว่าพลางส่ายหัวไปมาอย่างโล่งอก ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูในความงอนง่ายหายเร็วของเจ้าหล่อน แต่แล้วก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อเลขาหนุ่มเดินตรงมาหา
“มานพ นายช่วยเช็คห้องผ่าตัดพิเศษที พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปใช้ห้อง”
“ผอ.มีเคสฉุกเฉินเหรอครับ”
เลขาหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะห้องผ่าตัดพิเศษที่เจ้านายหมายถึงเป็นห้องต้องห้ามสำหรับหมอและพยาบาลทุกคน หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านผู้อำนวยการเสียก่อน และนานทีปีหนห้องนี้จะถูกเปิดใช้งาน สำหรับกรณีฉุดเฉินจริงๆเท่านั้น
“อืม…ฉุดเฉินมาก”
เจษฎาตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินเลี่ยงร่างสูงของเลขาไปโดยไม่แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม ปล่อยให้มานพมองตามร่างสูงสง่าของเจ้านายด้วยความมึนงง เพราะปกติเจ้านายจะแจ้งรายละเอียดทั้งประวัติคนไข้และอุปกรณ์พิเศษที่ต้องเตรียมไว้เพิ่มเติม เวลาที่จะทำการรักษา รวมทั้งจำนวนคนในทีมผ่าตัดด้วย แต่ครั้งนี้ไม่มีเลย นอกจากเช็คห้องให้หน่อย เท่านั้นเอง
…………………………….…………….