เช้าวันต่อมา…
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”
เสียงหวานใสมาพร้อมร่างเพรียวระหงในชุดเดรสลูกไม้สีหวานเข้ากับบุคลิกอ่อนหวาน ราวกับตั้งใจสวมบทนางเอกในละครที่กำลังออนแอร์อยู่ในตอนนี้อย่างจงใจ
เจษฎาเงยขึ้นหน้าจากกองเอกสารมองใบหน้างดงามของหญิงสาวที่ทำตัวหายเงียบออกไปจากชีวิตของเขานานเกือบสามวันเต็ม หลังจากที่เขาปฏิเสธดินเนอร์กับเธอไปคราวก่อน
ชายหนุ่มตั้งใจไว้แล้วว่าจะเป็นฝ่ายติดต่อเธอกลับไปเอง หากเธอยังทำตัวเงียบหายไปแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจคิดสาวเจ้าก็มาปรากฏตัวให้เห็นเสียก่อน
“สวัสดีครับ คุณพรชดา”
นายแพทย์หนุ่มทักทายตอบเสียงเรียบ เก็บซ่อนความดีใจไว้ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม เขาคิดว่าเธอโกรธจนถอดใจจากเขาไปแล้วเสียอีก
“เรียกชดาเฉยๆก็ได้ค่ะ เรียกชื่อเต็มฟังดูห่างเหินแปลกๆ”
หญิงสาวบอกพร้อมกับเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
“ก็เรายังไม่สนิทกันจริงๆนี่ครับ”
เจษฎาย้อนตามความจริง เพราะการรู้จักและเจอหน้ากันเพียงครั้งสองครั้งจะถือว่าสนิทก็คงไม่ใช่ แม้ลึกๆจะรู้สึกถูกชะตาราวกับรู้จักกันมานานแล้วก็ตาม
“ว่าแต่คุณเถอะ วันนี้มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม ขณะจ้องใบหน้างามนิ่ง ในใจลุ้นตามว่าวันนี้สาวเจ้าจะมาไม้ไหน
“ค่ะ ธุระสำคัญ ชดาอยากจะได้ตารางเวลางานของคุณหมอค่ะ”
หญิงสาวแจ้งความประสงค์ที่มาวันนี้พร้อมระบายยิ้มรอคำตอบกลับจากชายหนุ่ม ส่งผลให้คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“จะเอาตารางงานของผมไปทำอะไร”
เจษฎาถามด้วยความสงสัย และก็ได้รับความกระจ่างในเวลาต่อมา
“เอาไปวางแผนเวลาจีบคุณหมอไงละคะ เพราะถ้านัดคุณหมอผิดเวลาก็จะได้รับคำปฏิเสธกลับมา ชดาเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครปฏิเสธก็เลยต้องการรายละเอียดตารางเวลางานคุณหมอ จะได้วางแผนเวลานัดหมายคุณหมอได้ถูก”
น้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นบ่งบอกชัดว่าเธอไม่ได้พูดเล่น แต่คำขอของเธอทำให้ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด
“คุณหมอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอคะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน คนที่ไม่ค่อยจะมีความอดทนในการรอคอยใครนานๆอย่างพรชดาก็เอ่ยถาม
“ถึงผมจะมีตารางงานที่ชัดเจน แต่เวลาของผมก็ไม่แน่นอนอยู่ดี เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีคนไข้ฉุกเฉินเข้ามารักษาตัวเมื่อไหร่ ฉะนั้นถึงผมจะให้ตารางงานกับคุณไป ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่ถูกปฏิเสธ”
“แต่อย่างน้อยก็ลดโอกาสที่จะถูกปฏิเสธมากกว่า 90% ”
หญิงสาวไม่ยอมลดละความพยายาม ยังคงความตั้งใจแน่วแน่ไว้อย่างเต็มเปรี่ยม จนอีกฝ่ายเริ่มจะใจอ่อน
“ก็ได้ ผมจะให้เลขาเอาตารางงานมาให้คุณก็แล้วกัน”
เจษฎาตัดสินใจให้ในสิ่งที่เธอขอ ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำอะไรที่เสี่ยงกับเวลาส่วนตัวแบบนี้มาก่อน เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตของเขาสักเท่าไหร่
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ พรชดาก็ระบายยิ้มกว้างอย่างพอใจ ไหนๆวันนี้ก็มาแล้ว เธอตั้งใจไว้ว่าจะบอกความประสงค์กับชายหนุ่มให้หมด จะได้ไม่เสียเที่ยว
“ชดาจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะคะคุณหมอ”
พรชดาเริ่มเข้าเรื่อง ยืดอกนั่งตัวตรงจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง
‘ผมก็ไม่เคยเห็นว่าคุณจะอ้อมค้อมสักที’
เจษฎาเหน็บอีกฝ่ายในใจ ขณะที่ตั้งใจฟังว่าเธอจะเอ่ยอะไรที่ทำให้เขาเซอร์ไพสได้อีก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชดาจะเริ่มแผนปฏิบัติการช่วงชิงหัวใจของคุณหมอแล้วนะคะ”
“แผนปฏิบัติการช่วงชิงหัวใจงั้นเหรอ”
ชายหนุ่มผู้กำลังจะเป็นฝ่ายถูกช่วงชิงหัวใจย้อนถามด้วยน้ำเสียงขบขัน ท่าทางและสีหน้าจริงจังของนางเอกสาวกำลังทำให้เขาหลุดคุมมาดเคร่งขรึมของตัวเองไปชั่วขณะ
“ค่ะ ปฏิบัติการนี้จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ชดาจะเดินหน้าจีบคุณหมอแบบจริงจังค่ะ”
หญิงสาวยอมรับ พร้อมบอกความตั้งใจของตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกชัดว่าเธอนั้นตั้งใจทำอย่างที่ประกาศไว้จริงๆ
“อะไรที่ทำให้คุณคิดจะเดินหน้าจีบผมละครับคุณชดาพร”
“เพราะคุณหมอหล่อ ใจดี อบอุ่น เป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายๆคน และที่สำคัญคุณหมอยังโสดไงละคะ”
ตอบแบบไม่ต้องคิด เพราะเธอเห็นและเคยสัมผัสมาบ้างแล้ว ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ
“ผมเป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายคน รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่า”
อันที่จริงเจษฎาก็พอจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามพอตัว ไม่เพียงแต่พยาบาลในโรงพยาบาลจะทิ้งสายตาให้อยู่บ่อยๆ แต่ยังมีคนไข้อีกหลายรายที่เลือกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้เพียงเพราะต้องการเห็นหน้าเขาเท่านั้น แต่ไม่มีสักครั้งที่จะรู้สึกดีกับคำชมและเสน่ห์เหลือล้นของตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
“แน่นอนค่ะ”
คำตอบหนักแน่นและรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนั้นส่งผลให้เจ้าของคำถามต้องคลียิ้มออกมาบางๆ
“แล้วมั่นใจได้ยังไงละครับว่าผมยังโสด”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม พลางเอนหลังพิงกับผนังเก้าอี้ตัวใหญ่ในท่าทางสบายพร้อมรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น แอบรู้สึกดีอยู่ลึกๆที่เป็นชายในฝันของเธอด้วย
“ที่ชดามั่นใจก็เพราะประการแรกคุณหมอไม่เคยมีข่าวรักๆใคร่ๆกับใคร ประการที่สองคุณหมอควบสองตำแหน่งทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทั้งแพทย์ผ่าตัดมือหนึ่งของโรงพยาบาล แค่นี้ก็ไม่มีเวลาหาแฟนแล้วค่ะ”
“อืม…แล้วคุณไม่กลัวเหรอถ้าเกิดได้ผมเป็นแฟน แล้วผมไม่มีเวลาให้กับคุณ”
เจษฎาถามออกไปตรงๆ เพราะสิ่งที่เธอพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาตอนนี้ก็เห็นจะเป็นเรื่องของเวลาอย่างที่เธอพูดไว้จริงๆ
“ถ้าชดากลัว ชดาจะจีบคุณหมอทำไมละคะ”
หญิงสาวย้อนถามด้วยท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อน ขณะเดียวกันใบหน้างามก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆที่สามารถเขย่าหัวใจของคนตรงหน้าได้อย่างจัง แค่ได้เห็นหน้าและพูดคุยก็รู้สึกดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหวานหรือได้รับการเทคแคร์ตอบกลับมาจากชายหนุ่ม พรชดาก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถรับมือไหว
“งั้น…ผมอนุญาตให้คุณเดินหน้าจีบได้เลย”
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะคะคุณหมอ เพราะงานนี้ชดาทุ่มสุดหัวใจ และที่สำคัญชดารักจริงหวังแต่งนะคะ”
‘รักจริงหวังแต่ง!’
เจอประโยคนี้เข้าไปเจษฎาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เธอพูด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่างานนี้เขาควรจะเตรียมตัวรับมือกับเธอแบบไหนดี เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบเคยเจอผู้หญิงที่ชัดเจนขนาดนี้
“วันนี้ชดารบกวนเวลาของคุณหมอเท่านี้นะคะ คุณหมออย่าลืมเตรียมตัวเตรียมใจถูกชิงหัวใจด้วยนะ เพราะถ้าเตรียมใจไม่ดีจะตกเป็นเจ้าบ่าวของชดาแบบไม่ทันตั้งตัว”
เสียงหวานบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วหมุนตัวก้าวยาวๆออกจากห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานทิ้งท้ายลาให้อีกฝ่ายใจละลายเล่น
“อยากรู้จริงๆว่าเธอไปเอาความมั่นใจ และความขี้หลงตัวเองมาจากไหนกัน พรชดา”
เจษฎาพึมพำตามหลังร่างเพรียวระหงเบาๆ พลางระบายยิ้มเอ็นดูกับความมั่นอกมั่นใจของเจ้าหล่อนที่ดูเหมือนจะไม่มีใครเกิน