-7-
อย่าให้กูต้องดุ
(มินิมาร์ท)
“อื้อ ออกไป”
เป็นเช้าอีกวันที่ฉันต้องตื่นเพราะโดนคนร่วมเตียงชั่วคราวก่อกวน ฌอนยังคงยุกยิกอยู่ที่คอฉันไม่เลิกจนสุดท้ายฉันต้องลุกขึ้นมานั่งส่งสายตาจิกกัดเขา
“อะไร เธอขี้เซาเอง”
ฌอนพูดลอยหน้าลอยตาก่อนจะก้มลงกัดแก้มฉันแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ฟิ้วว~
“โอ๊ย”
มือฉันเร็วกว่าสมองเพราะฉันหยิบขวดน้ำตรงหัวเตียงขว้างใส่ฌอนและดันโดนหัวเขาเต็มๆ
“ขว้างมาทำไมวะมิน”
สายตาฌอนดูเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา เวร เขาจะฆ่าฉันมั๊ยวะ
“เอ่อคือ...”
ปัง!
ตัวฉันสะดุ้งตามเสียงปิดประตูห้องน้ำของฌอน นอกจากเขาจะไม่ฟังฉันแล้วเขายังปิดประตูเสียงดังใส่อีก
ประมาณ10นาที เจ้าพ่อคาสิโนสุดหล่อก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันพยายามส่งยิ้มเป็นมิตรให้เขาแต่เขากลับเมินหน้าหนีเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าทีวี เปิดทีวีดูไม่สนใจฉันเลย
“นี่ฌอน”
เอาวะ ยังไงฉันก็ผิดลองเรียกดูหน่อยล่ะกัน
ฌอนค่อยๆหันหน้ามาหาฉันก่อนจะ
พรึบ!
ลุกเดินออกจากห้องไปเลยโดยไม่พูดไม่จา หน้านิ่งสนิทเดาไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่อย่าบอกนะว่าเขาโกรธฉันจริงจังอะ
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งวิตกเรื่องฌอนอยู่ทั้งเช้าเขาเล่นไม่พูดกับฉันเลยแม้แต่หน้ายังไม่มองด้วยซ้ำ
“เฮ้อทำไมฉันต้องมานั่งคิดหาวิธีง้อคนอย่างเขาด้วยนะ”
ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเองสายตามองไปยังร่างสูงซึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงสวนหน้าบังกะโล
“พี่มิน พี่ฌอนคร๊าบบบ”
เสียงมอเตอร์ขับมาจอดหน้าบ้านตามด้วยเสียงเรียกของจ้อยหลานป้าเจ้าของรีสอร์ทฉันจึงรีบวิ่งออกไปดู
“เอ่อ ขอทางหน่อยได้มั้ย”
ระหว่างที่ฉันกำลังวิ่งออกไปก็ป๊ะเข้ากับฌอนพอดีเขาเหมือนกำลังเข้าไปหยิบอะไรสักอย่างในห้อง ฌอนเหล่หางตามองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะขยับหลบให้
“มีอะไรจ้อย”
“อ๋อผมเอามอไซต์มาให้เมื่อวานพี่ฌอนเขาไปเช่าไว้ครับ”
“อ๋อ”
ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพียงครู่เดียวฌอนก็เดินออกมาจากห้องยื่นแบงค์ร้อยให้จ้อย
“ขอบคุณครับ”
จ้อยรับเงินก่อนจะวิ่งออกไป
“วันนี้เราจะไปไหนกันหรอ”
“...”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
“ฌอนถามไม่ได้ยินรึไง”
เขายังคงยืนมองหน้าฉันนิ่ง ฉันเริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกันนะจะอะไรกันนักหนาแค่ปาขวดน้ำโดนหัวเนี่ย
“ดีไม่พูดก็ไม่ต้องพูด”
พูดจบฉันเลยหันหลังให้เขาเตรียมจะเดินเข้าบ้านก่อนจะแอบหันมองฌอนนิดนึงว่าเขาทำยังไง เขายังยืนนิ่งอะแถมหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบหน้าตาเฉยอีก
“จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยฌอน!!”
หมดแล้วความอดทนฉัน ฉันเดินกลับไปยืนหน้าฌอนก่อนจะตวาดเสียงดัง
“...”
เมื่อเห็นเขายังนิ่งไม่พูดอะไร ฉันก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงนี้ทำไมเหมือนกัน
บรื้น บรื้น
ฉันเดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ก่อนจะสตาร์ทคือไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนใจมันบอกไม่ให้อยู่ตรงนี้แล้วอะ ไม่รู้เรียกว่าน้องใจรึเปล่าแต่แมร่งจะร้องไห้ TT
“ขี่เป็นรึไง”
ฌอนพูดขึ้นเสียงเรียบจนยากจะเดาออกว่าเขารู้สึกยังไง
“เรื่องของฉัน”
อันที่จริงฉันขี่ไม่เป็นหรอกไอแมงกะไซเนี่ยแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอทำให้ฉันบิดพุ่งไปข้างหน้าและสิ่งไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้น
โครม!!
ด้วยความที่ฉันทรงตัวอยู่บนมอเตอร์ไซไม่ได้เลยทำให้รถพุ่งชนกำแพงไม้ก่อนจะล้มลงดีที่ล้มไม่แรงเลยไม่เป็นอะไรมาก
“ทำไมดื้อแบบนี้วะ”
ฌอนวิ่งมาหา มองฉันตาเขียวปัดไม่รู้ทำไมท่าทางและน้ำเสียงของเขาทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น
“ลุกขึ้นมา”
เขายืนเท้าสะเอวสั่งเสียงเข้ม
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“อย่างี่เง่าได้มั้ยมิน”
เสียงและท่าทางเขายังคงดุครั้งนี้น้ำตาฉันเลยไหลลงมาจริงๆแล้ว
“ใครกันแน่ที่งี่เง่า ฮรึกๆ ทำไมต้องเมินกันด้วยก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ ฮรือ”
“อย่าร้องมิน”
“เพราะใครล่ะ ฮรือ ไม่ต้องมายุ่งเลยจะไปไหนก็ไปฌอนไม่อยากพูดกับมินอยู่แล้วหนิ จะไปไหนก็ไปเลยทิ้งมินไว้ตรงนี้แหละ ฮรึกๆ”
ฉันพูดไปร้องไห้ไปด้วยความอัดอั้น รู้สึกเกลียดตัวเองจังทำไมถึงได้งอแงขนาดนี้
พรึบ!
ขณะที่ฉันกำลังนั่งปาดน้ำตาตัวเองอยู่ๆฌอนก็อุ้มฉันขึ้นเดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซ
“ปล่อยนะ”
“อยู่นิ่งๆอย่าให้กูต้องดุนะมิน”
ตอนนี้ไม่เรียกว่าดุรึไง ฌอนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซโดยให้ฉันนั่งด้านหน้าและเขานั่งซ้อนหลังอยู่
ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร ฉันได้แต่แอบลอบมองหน้านิ่งๆของฌอน
“หันมามากเดี๋ยวคอก็เคล็ดหรอก”
ฌอนก้มลงกระซิบข้างหูฉันก่อนจะหอมแก้มเบาๆแปลกเขาทำเพียงแค่นี้ฉันกลับยิ้มกว้างออกมาความรู้สึกอึดอัดในตอนแรกหายไปหมด
“หายโกรธแล้วหรอ”
“ยัง”
“จะให้ทำยังไงล่ะ”
“มาเป็นเมียกูสิ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญโกรธต่อไปเถอะ”
หนอย เจ้าเล่ห์นักนะคิดว่าแค่โกรธแล้วฉันจะยอมเป็นเมียเขาง่ายๆรึไง
“เรื่องปาขวดใส่อะไม่ได้โกรธจริงหรอกแค่อยากให้สำนึกถ้าเป็นคนอื่นกูถลกหนังโยนบ่อจระเข้ไปแล้ว”
ฌอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่กับให้ฉันขนลุกซู่ ถลกหนังหรอโหดร้ายเกินไปแล้ว0.0
“นะ...นายคงไม่ทำใช่มั้ย”
“หึ ใครจะกล้าทำอะไรว่าที่เมียวะ”
แงะ เขินทำไมฌอนชอบพูดอะไรทำนองนี้อยู่เรื่อยเลย เขาไม่รู้รึไงว่าคนได้ยินมันเขินอะ
“แต่เรื่องดื้อขับมอเตอร์ไซค์ทั้งที่ขับไม่เป็นอะโกรธ คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน”
นี่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนฌอนจะจอดรถหน้าห้องฉุกเฉินและอุ้มฉันนั่งวิวแชร์ให้พยาบาลเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน
คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน
โอ๊ย ตอนนี้ประโยคนี้วนเวียนอยู่แต่ในหัวฉัน ไอบ้าเอ้ย งื้อ คิดถึงหน้าเขาแล้วก็ อร๊ายย(ไรท์ว่านางเอกอาการหนัก55)
“สวัสดีครับขอโทษที่ให้รอนะครับ วันนี้คนไข้เป็นอะไรมาเอ๋ย”
เสียงนุ่มของหมอดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตู ลองจินตนาการเป็นภาพช้าหมอหนุ่มเปิดประตูเข้ามาออร่าแผ่ออกมารอบตัวเขา คนอะไรทำไมยิ้มน่ารักขนาดนี้
~ยิ้มค่อยๆแค่เธอยิ้มค่อยๆหัวใจก็ลอยไปแสนไกล~
“เอ่อคนไข้โอเคนะครับ”
ไม่ ไม่โอเคเลยสักนิดอยากโดนหมอฉีดยาจังเลย จิ้มเลย จิ้มเลย ฮ่าๆฉันไม่ได้ตอบไปอย่างนั้นนะต้องรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีไว้ก่อน
“เจ็บข้อเท้าค่ะหมอ พอดีขับมอเตอร์ไซค์ชนกำแพงหนะคะะ”
บีบน้ำตาเข้าไว้เพื่อเรียกร้องความสงสารจากคุณหมอสุดหล่อ
“ท่าทางเอ็นจะอักเสบนะครับเดี๋ยวหมอจะพันเท้าให้พร้อมให้ยาไปทานนะครับ ช่วงนี้คนไข้พยายามอย่าพึ่งใช้เท้านะครับและห้ามนวดเท่าเด็ดขาดเดี๋ยวมันจะยิ่งอักเสบ”
น่ารัก ทุกกิริยาท่าทางของหมอมันช่างน่ารักไปเสียหมด
“โอเคครับเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมทานยานะครับ”
“ได้ค่ะ”
ฉันตอบเสียงล่องลอยก่อนพยาบาลจะเข็นวิวเเชร์ออกไป อ๋อยน่ารักจัง
“เป็นบ้ารึไงนั่งยิ้มคนเดียว”
หมดเลยบรรยากาศแสนสดใสเมื่อกี๋หายไปในพริบตาเมื่อฌอนเดินเข้ามาพูดขึ้น
“ไปจ่ายตังเลยไป”
โป๊ก
“อย่ามาสั่งกูทั้งที่เรื่องนี้ตัวเองผิด”
ฉันลูบหน้าผากตัวเองปอยๆเมื่อโดนฌอนเขกเข้าเต็มๆ หนอย อย่าให้เผลอนะ
“รู้นะว่าคิดไม่ดีอยู่ในใจ”
ชะอุ้ย-.-! ดันรู้ดีพ่อคนแสนรู้