ตอนที่7

1412 คำ
-7- อย่าให้กูต้องดุ (มินิมาร์ท) “อื้อ ออกไป” เป็นเช้าอีกวันที่ฉันต้องตื่นเพราะโดนคนร่วมเตียงชั่วคราวก่อกวน ฌอนยังคงยุกยิกอยู่ที่คอฉันไม่เลิกจนสุดท้ายฉันต้องลุกขึ้นมานั่งส่งสายตาจิกกัดเขา “อะไร เธอขี้เซาเอง” ฌอนพูดลอยหน้าลอยตาก่อนจะก้มลงกัดแก้มฉันแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป ฟิ้วว~ “โอ๊ย” มือฉันเร็วกว่าสมองเพราะฉันหยิบขวดน้ำตรงหัวเตียงขว้างใส่ฌอนและดันโดนหัวเขาเต็มๆ “ขว้างมาทำไมวะมิน” สายตาฌอนดูเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา เวร เขาจะฆ่าฉันมั๊ยวะ “เอ่อคือ...” ปัง! ตัวฉันสะดุ้งตามเสียงปิดประตูห้องน้ำของฌอน นอกจากเขาจะไม่ฟังฉันแล้วเขายังปิดประตูเสียงดังใส่อีก ประมาณ10นาที เจ้าพ่อคาสิโนสุดหล่อก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันพยายามส่งยิ้มเป็นมิตรให้เขาแต่เขากลับเมินหน้าหนีเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าทีวี เปิดทีวีดูไม่สนใจฉันเลย “นี่ฌอน” เอาวะ ยังไงฉันก็ผิดลองเรียกดูหน่อยล่ะกัน ฌอนค่อยๆหันหน้ามาหาฉันก่อนจะ พรึบ! ลุกเดินออกจากห้องไปเลยโดยไม่พูดไม่จา หน้านิ่งสนิทเดาไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่อย่าบอกนะว่าเขาโกรธฉันจริงจังอะ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งวิตกเรื่องฌอนอยู่ทั้งเช้าเขาเล่นไม่พูดกับฉันเลยแม้แต่หน้ายังไม่มองด้วยซ้ำ “เฮ้อทำไมฉันต้องมานั่งคิดหาวิธีง้อคนอย่างเขาด้วยนะ” ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเองสายตามองไปยังร่างสูงซึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงสวนหน้าบังกะโล “พี่มิน พี่ฌอนคร๊าบบบ” เสียงมอเตอร์ขับมาจอดหน้าบ้านตามด้วยเสียงเรียกของจ้อยหลานป้าเจ้าของรีสอร์ทฉันจึงรีบวิ่งออกไปดู “เอ่อ ขอทางหน่อยได้มั้ย” ระหว่างที่ฉันกำลังวิ่งออกไปก็ป๊ะเข้ากับฌอนพอดีเขาเหมือนกำลังเข้าไปหยิบอะไรสักอย่างในห้อง ฌอนเหล่หางตามองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะขยับหลบให้ “มีอะไรจ้อย” “อ๋อผมเอามอไซต์มาให้เมื่อวานพี่ฌอนเขาไปเช่าไว้ครับ” “อ๋อ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพียงครู่เดียวฌอนก็เดินออกมาจากห้องยื่นแบงค์ร้อยให้จ้อย “ขอบคุณครับ” จ้อยรับเงินก่อนจะวิ่งออกไป “วันนี้เราจะไปไหนกันหรอ” “...” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก... “ฌอนถามไม่ได้ยินรึไง” เขายังคงยืนมองหน้าฉันนิ่ง ฉันเริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกันนะจะอะไรกันนักหนาแค่ปาขวดน้ำโดนหัวเนี่ย “ดีไม่พูดก็ไม่ต้องพูด” พูดจบฉันเลยหันหลังให้เขาเตรียมจะเดินเข้าบ้านก่อนจะแอบหันมองฌอนนิดนึงว่าเขาทำยังไง เขายังยืนนิ่งอะแถมหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบหน้าตาเฉยอีก “จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยฌอน!!” หมดแล้วความอดทนฉัน ฉันเดินกลับไปยืนหน้าฌอนก่อนจะตวาดเสียงดัง “...” เมื่อเห็นเขายังนิ่งไม่พูดอะไร ฉันก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงนี้ทำไมเหมือนกัน บรื้น บรื้น ฉันเดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ก่อนจะสตาร์ทคือไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนใจมันบอกไม่ให้อยู่ตรงนี้แล้วอะ ไม่รู้เรียกว่าน้องใจรึเปล่าแต่แมร่งจะร้องไห้ TT “ขี่เป็นรึไง” ฌอนพูดขึ้นเสียงเรียบจนยากจะเดาออกว่าเขารู้สึกยังไง “เรื่องของฉัน” อันที่จริงฉันขี่ไม่เป็นหรอกไอแมงกะไซเนี่ยแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอทำให้ฉันบิดพุ่งไปข้างหน้าและสิ่งไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้น โครม!! ด้วยความที่ฉันทรงตัวอยู่บนมอเตอร์ไซไม่ได้เลยทำให้รถพุ่งชนกำแพงไม้ก่อนจะล้มลงดีที่ล้มไม่แรงเลยไม่เป็นอะไรมาก “ทำไมดื้อแบบนี้วะ” ฌอนวิ่งมาหา มองฉันตาเขียวปัดไม่รู้ทำไมท่าทางและน้ำเสียงของเขาทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น “ลุกขึ้นมา” เขายืนเท้าสะเอวสั่งเสียงเข้ม “ไม่ต้องมายุ่ง” “อย่างี่เง่าได้มั้ยมิน” เสียงและท่าทางเขายังคงดุครั้งนี้น้ำตาฉันเลยไหลลงมาจริงๆแล้ว “ใครกันแน่ที่งี่เง่า ฮรึกๆ ทำไมต้องเมินกันด้วยก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ ฮรือ” “อย่าร้องมิน” “เพราะใครล่ะ ฮรือ ไม่ต้องมายุ่งเลยจะไปไหนก็ไปฌอนไม่อยากพูดกับมินอยู่แล้วหนิ จะไปไหนก็ไปเลยทิ้งมินไว้ตรงนี้แหละ ฮรึกๆ” ฉันพูดไปร้องไห้ไปด้วยความอัดอั้น รู้สึกเกลียดตัวเองจังทำไมถึงได้งอแงขนาดนี้ พรึบ! ขณะที่ฉันกำลังนั่งปาดน้ำตาตัวเองอยู่ๆฌอนก็อุ้มฉันขึ้นเดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซ “ปล่อยนะ” “อยู่นิ่งๆอย่าให้กูต้องดุนะมิน” ตอนนี้ไม่เรียกว่าดุรึไง ฌอนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซโดยให้ฉันนั่งด้านหน้าและเขานั่งซ้อนหลังอยู่ ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร ฉันได้แต่แอบลอบมองหน้านิ่งๆของฌอน “หันมามากเดี๋ยวคอก็เคล็ดหรอก” ฌอนก้มลงกระซิบข้างหูฉันก่อนจะหอมแก้มเบาๆแปลกเขาทำเพียงแค่นี้ฉันกลับยิ้มกว้างออกมาความรู้สึกอึดอัดในตอนแรกหายไปหมด “หายโกรธแล้วหรอ” “ยัง” “จะให้ทำยังไงล่ะ” “มาเป็นเมียกูสิ” “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญโกรธต่อไปเถอะ” หนอย เจ้าเล่ห์นักนะคิดว่าแค่โกรธแล้วฉันจะยอมเป็นเมียเขาง่ายๆรึไง “เรื่องปาขวดใส่อะไม่ได้โกรธจริงหรอกแค่อยากให้สำนึกถ้าเป็นคนอื่นกูถลกหนังโยนบ่อจระเข้ไปแล้ว” ฌอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่กับให้ฉันขนลุกซู่ ถลกหนังหรอโหดร้ายเกินไปแล้ว0.0 “นะ...นายคงไม่ทำใช่มั้ย” “หึ ใครจะกล้าทำอะไรว่าที่เมียวะ” แงะ เขินทำไมฌอนชอบพูดอะไรทำนองนี้อยู่เรื่อยเลย เขาไม่รู้รึไงว่าคนได้ยินมันเขินอะ “แต่เรื่องดื้อขับมอเตอร์ไซค์ทั้งที่ขับไม่เป็นอะโกรธ คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน” นี่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนฌอนจะจอดรถหน้าห้องฉุกเฉินและอุ้มฉันนั่งวิวแชร์ให้พยาบาลเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน คิดถึงคนเป็นห่วงบ้างนะมิน โอ๊ย ตอนนี้ประโยคนี้วนเวียนอยู่แต่ในหัวฉัน ไอบ้าเอ้ย งื้อ คิดถึงหน้าเขาแล้วก็ อร๊ายย(ไรท์ว่านางเอกอาการหนัก55) “สวัสดีครับขอโทษที่ให้รอนะครับ วันนี้คนไข้เป็นอะไรมาเอ๋ย” เสียงนุ่มของหมอดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตู ลองจินตนาการเป็นภาพช้าหมอหนุ่มเปิดประตูเข้ามาออร่าแผ่ออกมารอบตัวเขา คนอะไรทำไมยิ้มน่ารักขนาดนี้ ~ยิ้มค่อยๆแค่เธอยิ้มค่อยๆหัวใจก็ลอยไปแสนไกล~ “เอ่อคนไข้โอเคนะครับ” ไม่ ไม่โอเคเลยสักนิดอยากโดนหมอฉีดยาจังเลย จิ้มเลย จิ้มเลย ฮ่าๆฉันไม่ได้ตอบไปอย่างนั้นนะต้องรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีไว้ก่อน “เจ็บข้อเท้าค่ะหมอ พอดีขับมอเตอร์ไซค์ชนกำแพงหนะคะะ” บีบน้ำตาเข้าไว้เพื่อเรียกร้องความสงสารจากคุณหมอสุดหล่อ “ท่าทางเอ็นจะอักเสบนะครับเดี๋ยวหมอจะพันเท้าให้พร้อมให้ยาไปทานนะครับ ช่วงนี้คนไข้พยายามอย่าพึ่งใช้เท้านะครับและห้ามนวดเท่าเด็ดขาดเดี๋ยวมันจะยิ่งอักเสบ” น่ารัก ทุกกิริยาท่าทางของหมอมันช่างน่ารักไปเสียหมด “โอเคครับเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมทานยานะครับ” “ได้ค่ะ” ฉันตอบเสียงล่องลอยก่อนพยาบาลจะเข็นวิวเเชร์ออกไป อ๋อยน่ารักจัง “เป็นบ้ารึไงนั่งยิ้มคนเดียว” หมดเลยบรรยากาศแสนสดใสเมื่อกี๋หายไปในพริบตาเมื่อฌอนเดินเข้ามาพูดขึ้น “ไปจ่ายตังเลยไป” โป๊ก “อย่ามาสั่งกูทั้งที่เรื่องนี้ตัวเองผิด” ฉันลูบหน้าผากตัวเองปอยๆเมื่อโดนฌอนเขกเข้าเต็มๆ หนอย อย่าให้เผลอนะ “รู้นะว่าคิดไม่ดีอยู่ในใจ” ชะอุ้ย-.-! ดันรู้ดีพ่อคนแสนรู้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม