“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ได้ยินแล้ว เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวล”
“แล้วองค์รัชทายาทจะทรงทำอะไรดีล่ะเพคะ ในเมื่อตอนนี้วังหลังก็สงบลงแล้ว”
“จริงสิ ข้ามีเหล้ามาสองกา เจ้ามาดื่มเป็นเพื่อนข้าดีไหม?”
“ดื่มเหล้า หม่อมฉันนี่น่ะรึเพคะ ดื่มเหล้ากับพระองค์”
“ย่อมได้แน่นอน มาเถอะ เรามานั่งจิบสุรา ชมบุปผากลางสวน”
ผินอินถูกใช้ให้จัดสถานที่ มันน่าประหลาดตรงที่.... เมื่อผินอินเริ่มจัดสถานที่ กลับมีเสียงดังคล้ายคะแนนบวก ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ
“เสียงอะไรน่ะ?”
เงยหน้าขึ้นมองเห็นแท่งผลึกคล้ายโหล มีคะแนนเป็นรูปร่างดาวสีชมพูร่วงลงมาใส่ ด้วยความสงสัย จึงเรียกมาสเตอร์สอบถาม
“ปุ่มเอฟ”
[ มาสเตอร์ มาสเตอร์ ]
“เสียงที่ได้ยินนั่นคืออะไรน่ะ?”
[ มาสเตอร์ ด่านนี้คือด่านพิเศษ เรียกว่าด่านเก็บคะแนนคนรู้ใจ ]
“ด่านเก็บคะแนนคนรู้ใจงั้นเหรอ แล้วคะแนนมันจะเป็นแบบไหน อธิบายที”
[ เมื่อคะแนนคนรู้ใจสะสมครบร้อยคะแนน มีผลให้คำร้องขอหนึ่งคำเป็นจริง ]
“อ๋อ... แบบนี้นี่เอง สามารถร้องขอได้หนึ่งอย่าง แบบนี้สามารถเอามาใช้ในเกมปกติได้หรือเปล่า”
[ สกิลคนรู้ใจ เป็นสกิลช่วยเหลือโดยที่ไม่ต้องหักคะแนนสะสม หรือคะแนนชีวิต เมื่อคะแนนคนรู้ใจเต็มแล้วนำมาใช้ จะไม่สามารถเก็บใหม่ได้อีก เพราะถือเป็นคะแนนโบนัสชนิดหนึ่ง ]
“แสดงว่าเป็นคะแนนที่เอาไว้ใช้ตอนคับขันสินะ ก็ดี... ถือว่าวันนี้ก็ไม่ใช่หนึ่งวันที่เสียเปล่า”
สถานที่ถูกจัดเรียบร้อย ศาลากลางน้ำที่เคยมีคนนั่งอยู่ กลับกลายเป็นสถานที่จิบเหล้าชมบึงดอกบัว พร้อมมีการร่ายรำจากเหล่านางกำนัล
ผินอินนั่งอยู่ข้างกายรัชทายาท แอบลอบชำเลืองมองใบหน้าเสี้ยวข้างของชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้ง
‘ใบหน้าของรัชทายาทคล้ายกับหน้าคนที่รู้จัก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก’
“กลายเป็นว่าฉากนี้ เป็นเหมือนฉากเพิ่มสกิลธรรมดา แล้วถ้าเราไม่ทำให้คนรู้ใจสบายใจเดาว่าน่าจะเป็นการเสียเวลาเปล่า”
จึงเริ่มมองหาไปรอบกาย ว่าหากเป็นการเพิ่มสกิล ย่อมต้องมีการประลองอะไรสักอย่าง ผินอินนั้นจะเป็นคนที่ถูกใช้ให้ต้องเล่นตามกติกาที่อาเขตกำหนดขึ้น
แต่ครั้งนี้หากอยู่ในพื้นที่ที่ตนสามารถพูดคุยหรือสร้างเอง มันก็ย่อมดีกว่าหากตนสามารถเป็นผู้คุมกติกา
เสียงดนตรีฟังดูน่าเบื่อหน่าย ผินอินฟังไปแทบจะหลับไปด้วย นอกเสียจากจะต้องทำอย่างอื่นในให้มีความสนุกสนาน เพราะไม่อย่างนั้นเวลาจะผ่านไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
“เรามาหาเกมเล่นกันดีไหมเพคะองค์รัชทายาท”
“เกมงั้นรึ เจ้ามีข้อเสนออะไรดีล่ะ ไหนลองพูดมา”
“เรามาเล่นเกมที่สามารถเก็บป้ายคำสั่งเอาไว้สั่งการคนอื่นได้ดีไหมเพคะ”
“เกมสั่งคนอื่นรึ”
“เพคะ เรียกว่าเกมพระราชา”
“ดี... ชื่อนี้ข้าชอบ ว่าแต่กติกามีว่าอย่างไร”
“กติกาคือ หากคนที่ชนะสามารถทำครบตามกติกาได้ คือการเปิดแผ่นป้ายคำสั่ง จะสามารถสั่งคนที่ร่วมเล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแกล้ง หรือสั่งคนที่พ่ายแพ้ต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะเพคะ”
“ข้าเข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นว่ามาเลยเราจะเริ่มด้วยเกมอะไรดี”
“หม่อมฉันขอเสนอเกม กินมาราธอนเพคะ”
“กินมาราธอน นี่เราต้องกินแข่งกับเจ้างั้นรึ?”
“หากพระองค์ไม่สามารถกินเองได้ ก็ทรงส่งตัวแทนมาสิเพคะ แต่ต้องเป็นสตรีเหมือนกันกับหม่อมฉันนะเพคะ”
เรื่องความเจ้าเล่ห์ผินอินก็ไม่เป็นรองใคร อย่างน้อยแม้แต่โปรแกรมในอาเขตยังกินสู้ไม่ได้
นับประสาอะไรกับตัวละครด้านนอก เมื่อเริ่มเกม อาหารจากห้องเครื่องวังหลวงพร้อมมาตั้งด้านหน้า
ผินอินมองดูอาหารสารพัดอย่าง ตั้งยั่วน้ำลายสอ
“ห้องเครื่องฝีมือร้ายกาจไม่ใช่เล่น ในเวลาสั้น ๆ ก็สามารถทำทั้งกับข้าว กับแกล้ม ซ้ำยังมีขนมทานเล่นมาอีกด้วย ไม่เบาทีเดียว”
“เอาล่ะ ในเมื่ออาหารก็มาพร้อมสรรพ เรามาเริ่มเล่นเกมกันเถอะ”
“ฝ่าบาทจะทรงส่งใครมาเป็นตัวแทนเพคะ”
“ข้าขอส่งจุ้ยจวี้เข้าแข่งขันก็แล้วกัน”
“หา! จุ้ยจวี้ ทำไมนางยังมาอยู่ที่นี่ได้อีกเพคะ”
จุ้ยจวี้เดินออกมาจากทางด้านหลัง หน้าตาของนางดูสดใสไม่น้อย แต่ชุดที่สวมกลับเป็นเพียงนางกำนัลขั้นสองซึ่งระดับต่ำกว่าผินอิน
“โอ้... นี่เจ้ายังอยู่ระดับสองอีกหรือจุ้ยจวี้ อุตส่าห์ได้เป็นตัวแทนของรัชทายาทแต่ทำไมยังเป็นแค่ขั้นสองอยู่อีก”
จุ้ยจวี้ทำท่านิ่วคิ้วกัดเม้มริมฝีปาก ที่นางได้มาเป็นตัวแทนก็ใช่ว่าเพราะความเต็มใจ แต่เป็นเพราะเมื่อครั้งที่มีการประลองโยนลูกดอกเข้าแจกัน นางได้คะแนนตามหลังของผินอิน
หลังจากนั้นเมื่อถูกส่งตัวคัดแยก ยังสามารถตามไปเอาชนะให้กับตำหนักขององค์รัชทายาทได้
เป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำของเวลา ที่ผินอินไปเก็บคะแนนในอาเขตอื่น จุ้ยจวี้จึงมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในวัง
“เอาล่ะ ข้าจะให้สัญญาณแล้วเริ่ม”
“เตรียมตัว”
“เพคะ!”
“เริ่มได้!”
เสียงสั่งการทำให้ผินอินไม่รอช้า นางคว้าจานไก่ทอดมาส่งเข้าปากตนเองก่อน การกินแข่งแม้ดูเป็นเรื่องยาก แต่มันเทคนิคง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเรียนรู้ได้ เริ่มจากไม่กิน หรือดื่มอาหารที่เป็นของเหลวก่อน เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้อิ่มก่อน
ส่วนอาหารที่เป็นของแห้งต้องบดเคี้ยวอย่างช้า ๆ เพื่อให้ละเอียดให้มากที่สุด เพื่อไม่ทำให้กะเพราะย่อยลำบาก และจะทำให้อิ่มเร็ว ทางที่ดีที่สุด สมควรกินอาหารจำพวกแป้งที่มีความยืดหยุ่นสูงก่อน เพื่อช่วยกระเพาะให้ย่อยได้อย่างรวดเร็ว
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ผินอินสามารถเอาชนะด้วยการกินอาหารบนโต๊ะหมดก่อนจุ้ยจวี้
ส่วนผู้ท้าชิงตัวแทนของรัชทายาท กลับหงายท้องช็อกไปเพราะกินอาหารเกินปริมาณที่รับได้
รัชทายาทถึงกับมองผินอินด้วยความรู้สึกสับสน
ไม่ทราบว่าจะควรยินดี หรือหวาดกลัวที่มีอิสตรีรูปร่างผอมบางแต่สามารถกวาดกินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและเนื้อสัตว์ได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป
“เอาล่ะ หม่อมฉันเป็นฝ่ายชนะแล้ว หม่อมฉันขอเริ่มเกมพระราชากับพระองค์นะเพคะ”
“ย่อมได้ ข้าแพ้เกมของเจ้า ต้องทำตามกฎ ตอนนี้เชิญเจ้าเป็นคนเดินเกมได้”
ผินอินนิ่งคิดในใจ หากเกมนี้เป็นเกมสะสมคะแนนคนรู้ใจ การเอาชนะเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ใช่ทางที่ถูก เรื่องที่ควรต้องทำคือการซื้อใจเพิ่มคะแนนความผูกพันถึงจะถูก
“ในเมื่อข้าชนะเกมแล้ว จะขอถวายการร่ายรำเพื่อเป็นความทรงจำระหว่างเราให้ทรงทอดพระเนตรเพคะ”
องค์รัชทายาทรู้สึกตกใจ แต่ก็ดูคล้ายจะถูกใจในการตัดสินใจพลิกแพลงเกมของผินอิน
“ได้... ข้าจะเป็นคนบรรเลงขลุ่ย เจ้าจงฟ้อนรำ เรามามีความสุขกันเถอะ”
เสียงคะแนนไหลร่วงลงสู่โปลเก็บคะแนนบนศีรษะของผินอินอย่างไม่ขาดสาย
สุดท้ายสามารถเก็บเต็มสกอร์ไปได้อย่างสวยงาม