เกมเอาใจสุภาพบุรุษ

1255 คำ
“เฮ้อ ปวดหลังชะมัด!” หลังจากเกมตัดฟืนต้มน้ำ ทหารร้อยคนกลับไปรายงานความบันเทิงใจให้แก่หัวหน้าหน่วยตนเองได้รับทราบ ภายในค่ำวันเดียวกันผินอินได้รับป้ายโล่วหยง ซึ่งเป็นป้ายเข้าออกวังหลังของนางกำนัลระดับสาม ป้ายโล่วหยง ถูกหยิบขึ้นมาดู “ถ้าเป็นโลกปกติ ได้มาก็คงไม่ต้องกังวล แต่สำหรับที่นี่ได้อะไรมาก็ต้องคิดก่อนว่ามันคงต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับสเตจต่อไปแน่” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงจากนอกห้องดังขึ้นราวกับมีเรื่องร้าย ผินอินรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปดูหน้าห้อง ความโกลาหลเกิดจากไฟไหม้ แสงจากกองไฟทำให้ท้องฟ้าทั้งที่เป็นเวลากลางวันสว่างจ้า เปลวไฟสีแดงส้มลามเลียขึ้นสูงกว่ากำแพงวังหลัง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” “เจ้ามัวทำอะไรอยู่ หนีเร็วเข้า วังหลังไฟไหม้น่ะสิ” “หา! ไฟไหม้ ไฟไหม้ได้ยังไง ที่นี่มัน…” เป็นโลกของเกมนี่นา! นอกจากจำนวนคนมากมายในวังหลัง ยังมีทหารอีกจำนวนมากที่เริ่มช่วยกันดับไฟ การคุ้มกันจึงเริ่มหละหลวม ผินอินมองออกไปนอกประตูวังหลวงที่เปิดค้างไว้ เนื่องจากต้องใช้เกวียนไปตักน้ำจากแม่น้ำด้านนอกมาช่วยดับไฟ “ด้านนอกกำแพงวังหลวง ข้างนอกมีอะไรอยู่นะ” เมื่อเผลอเดินออกมานอกกำแพงวัง ด้านนอกไม่ใช่เมือง แต่กลับเป็นเพียงภาพวาดใช้เป็นฉากบังตา ผินอินใจหายเมื่อเอื้อมมือไปแตะ แต่เมื่อมือเอื้อมไปสัมผัส มันกลับกลายเป็นเพียงภาพสะท้อนและด้านหลังว่างเปล่า ผินอินด้วยความอยากรู้ อยากเห็น จึงทำท่าจะเดินเข้าไปเพื่อเปิดภาพสะท้อนนั้นออก อยากรู้ว่ามันจะมีหนทางให้กลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่ พลันแสงสีส้มม่วงปรากฏขึ้นจากบนศีรษะ [ มาสเตอร์ มาสเตอร์ ] ผินอินทำทีเป็นหน้านิ่ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มาเองทั้งที่ไม่ได้เรียก หูไวตาไวน่าดูเลยนะ” [ มาสเตอร์ มาสเตอร์ ระบบกำลังพบกับการอัพเดทแพทล่าสุด จึงจำเป็นต้องแจ้งแก่ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกท่าน ] “เรื่องอะไร?” [ ณ ช่วงเวลาที่อาเขตยังไม่สามารถกำหนดพื้นที่ได้ชัดเจน ท่านผู้เข้าแข่งขันกรุณาอย่าออกนอกอาเขต เพื่อความปลอดภัยของท่านผู้เข้าแข่งขัน ] “ฉันก็ไม่ได้จะไปไหนนี่ แค่สงสัยว่า เพราะอะไรข้างนอกถึงมีสภาพแบบนี้” [ เนื่องจากที่นี่เป็นอาเขต โลกเสมือนจริง ตัวละครและสถานที่ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงไปตามดันเจี้ยนให้สอดคล้องกับเนื้อหา ดังนั้นจึงไม่มีวัตถุถาวรให้จับต้อง ] “เมืองมายาว่างั้นเถอะ ก็ดีนะ ใช้เสร็จก็ลบ สร้างใหม่เหมือนปราสาทราย” [ มาสเตอร์ มาสเตอร์ ดันเจี้ยนที่ท่านกำลังจะต้องเข้าร่วมกำลังจะเริ่มในอีกสี่สิบแปดชั่วโมง หลังจากนี้หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการกลับไปยังอาเขตที่พักของตน สามารถใช้ป้ายที่ได้รับเดินทางเข้าออกได้ตามสะดวกค่ะ ] “ว่าแล้วเชียว คิดอะไรไว้ไม่เคยพลาด” [ อีกสี่สิบแปดชั่วโมง ดันเจี้ยนที่ท่านต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์มีทั้งหมดสามด่าน หลังจากนั้นจะเป็นเพียงด่านทดสอบทั่วไป ] “แล้วสามด่านที่เข้าไปเล่นในอาเขตที่ผ่านมาล่ะ คะแนนพวกนั้นเอาไปเก็บไว้ที่ไหน” [ มาสเตอร์ มาสเตอร์ โปรดดูทางนี้ค่ะ ] ทันทีที่ท้องฟ้าหยุดนิ่ง หลอดคะแนนชีวิตของผินอินปรากฏขึ้นกลางอากาศ เดิมทีมันมีทั้งหมดสี่หลอด แต่ตอนนี้กลับกลายเหลือเพียงสามหลอด “อีกหลอดไปไหน จำได้ว่ามันมีสี่หลอด ไม่สิห้าหลอดต่างหาก” [ อีกสองหลอดเมื่อจำนวนคะแนนเต็ม อาเขตจะทำการเก็บไว้เพื่อบันทึก ] นั่นหมายความว่าเหลืออีกเพียงสามหลอด คะแนนของผินอินจะถูกเก็บครบ “แล้วถ้าเก็บครบทั้งหมด จะเป็นยังไง” [ สามารถนำไปต่อแต้มพลังชีวิต เชื่อมระหว่างอาเขตกับโลกแห่งความจริง ] ราวกับว่านั่นทำให้ผินอินแทบจะร่ำไห้ออกมา แปลว่าที่ทำมาทั้งหมดมิใช่เพียงเพื่อกลั่นแกล้ง มันอาจมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้อาเขตจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นเชื่อมต่อ เสมือนหนึ่งเป็นขั้วแบตเตอรีของทั้งสองฝั่ง หรือตอนที่เธอกำลังเล่นเกมมันเกิดความเชื่อมโยงกันโดยคาดไม่ถึงขึ้นมา “งั้นเหรอ ฉันจะกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม?” [ กรุณาอย่าออกนอกอาเขต กรุณาอย่าออกนอกอาเขต ] มาสเตอร์เกมหายตัวไปพร้อมหลอดคะแนนชีวิตที่มันเป็นเพียงกุญแจเดียวที่จะพาผินอินกลับโลกแห่งความจริง เมื่อกลับเข้ามาด้านใน ก่อนประตูวังหลวงจะปิดลง เพราะเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้ ผินอินเหลือบไปเห็นอุโมงค์อากาศถูกเปิดขึ้น แล้วในนั้นมีใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามายังสถานนี้ “นั่น มีคนกำลังเข้ามาที่นี่ เดี๋ยวสิ นั่น นั่น...” มนุษย์ นอกจากตนเองยังมีมนุษย์คนอื่นถูกส่งมาที่นี่ แต่เพียงชั่วเสี้ยวนาที กลับมีอุโมงค์เกิดจากทางด้านหลัง แล้วสูบชายคนนั้นหายไป “ไม่นะ!” ร่างนั้นถูกดูดหายไป ผินอินสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ทรุดกายลงนั่ง ในอาเขตนี้มีเกมมาสเตอร์เป็นผู้ดูแล แล้วอาเขตอื่นเป็นเช่นไร นั่นคือปริศนา ก่อนหน้าโลกของผินอินมีเพียงการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เพราะอายุยี่สิบเอ็ด มีเพียงการแปลหนังสือหล่อเลี้ยงชีวิต สุดท้ายเมื่อเดินมาถึงเส้นทางสุดท้าย กลับยังไม่ตกไปถึงโลกหน้า ยังมีทางให้แบ่งแยก ประตูปิดลง ผินอินเดินกลับมานั่งลงยังข้างบ่อน้ำ อาเขตภายในกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง ความวุ่นวายเมื่อครู่หายไป “แปลว่า ที่นี่ยังมีคนอื่น ๆ ที่สามารถข้ามมาได้เหมือนเราสินะ เพียงแต่พวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่เดียวกันกับเรา” “เจ้านั่งบ่นอะไรของเจ้ากัน?” ผินอินเงยหน้าไปมองข้างกาย รูปร่างของเขา รอยยิ้มของรัชทายาทที่เคยทำให้นอนไม่หลับ ปรากฏว่ายืนอยู่ข้างกาย “ท่าน รัชทายาท มาที่นี่ได้ยังไง?” “ข้า ได้ยินว่าไฟไหม้วังหลัง จำได้ว่าเจ้าเพิ่งจะผ่านการคัดเลือกไม่นาน น่าจะยังต้องอยู่เขตวังหลังยังไม่ได้ถูกส่งตัวไปที่ตำหนักใด” ผินอินนิ่วคิ้ว ไม่เข้าใจความหมาย “แล้ว... ท่านมาที่นี่เพื่อมาหาใครกันเพคะ?” ดูไปทีก็ราวกับว่าสตรีผู้นี้ฉลาดปราดเปรื่อง ดั่งตอนที่แข่งโยนลูกดอก นอกจากจะมีฝีมือยอดเยี่ยมปัญญายังเฉียบแหลม แต่เมื่อได้พูดคุยนางก็ทำราวกับว่า ไม่รู้ถึงความนัยที่เขานั้นสู้อุตส่าห์มาตามหา “ข้าก็แค่มาเดินชม วังหลัง ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว” “ถ้าเช่นนั้น นั่งเล่นด้วยกันก่อนไหมเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันกำลังว่างงาน อีกอย่างก็อยากมีเพื่อนคุยด้วย” ชายหนุ่มแหงนหน้าหัวเราะ ผินอินทั้งอาย ทั้งสับสน “แล้วกัน หัวเราะขนาดนี้ ไม่กลัวคนอื่นเขาเยาะเย้ยหม่อมฉันตามหรือเพคะ” “ข้าอยู่ตรงนี้ มีใครบ้างกล้าเย้ยหยันเจ้า” ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปโดยรอบ เป็นจริงดังคำกล่าว ไม่ว่าจะเป็นนางกำนัลหรือผู้ติดตามต่างเดินหนีไปคนละทาง ไม่กล้าอยู่รับรู้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม