ผินอินโล่งอกสาวเท้าวิ่งต่อได้สักพัก กลับต้องกรีดร้อง เพราะฝูงวัวกระทิงฝูงเดิมหวน หันหน้ากลับมา วิ่งไล่หลังอีกเช่นเคย
“กรี๊ด... วัวบ้าพวกนี้มันมีเรดาร์หรือยังไงกัน ทำไมยังวิ่งกลับมาอีก”
รอบนี้ไม่มีท่าทางว่ามันจะยอมหลงกลเดิม ๆ อีกแล้ว แม้จะวิ่งสลับขาหลอกสกิลไหน แต่พวกมันยิ่งเพิ่มความดุดัน และวิ่งไล่จี้ไม่หยุดหย่อน
“แน่จริงก็ตามมาเลย อยากวิ่งตามก็ลองกันดูสักตั้ง ไม่เชื่อหรอกว่า ไอ้พวกตัวเหลี่ยม ๆ อย่างพวกแกจะวิ่งตามทัน”
คราวนี้นอกจากไม่วิ่งหลบ ผินอินยังตั้งใจดิ่งไปยังต้นแอปเปิลบนเนินข้างหน้า แม้เส้นทางจะดูไม่ไกลแต่สำหรับคนที่สาวเท้าวิ่งตลอดเวลานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไม่เหนื่อย
“สู้ ๆ สู้ ๆ สู้ ๆ ไม่สู้ก็ตาย สู้สิโว้ย! จะหยุดไม่ได้นะ ขืนหยุดพวกมันเหยียบแบนเป็นกระดาษแน่!”
แต่แม้จะพูดแบบนั้นสุดท้ายสปีดเท้ามันยังคงลดลงอยู่ดี
ผินอินมองเห็นว่าพวกมันเริ่มแบ่งกลุ่มออกจากกัน พวกมันไม่เพียงแค่แยกกลุ่ม แต่ยังระเบิดพลังกลายเป็นวัวกระทิงบ้าพลังที่มีเปลวพลังสีส้ม
“เฮ้ย! นั่นมันกระทิงหรือซุปเปอร์ไซย่าละเนี่ย”
ผินอินพยายามฝืนเร่งฝีเท้า แต่ครั้งนี้ไม่ว่าจะพยายามเร่งสักเพียงไหน กลับรู้สึกถึงความอ่อนล้าของขาทั้งสองข้าง
“ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ๆ ขาก้าวแทบไม่ออกแล้ว ทำไงดี ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังถูกเหยียบตาย”
สุดท้ายขาทั้งสองข้างกลับอ่อนแรงกระทั่งล้มลง
ผินอินเหลียวหน้าขึ้นไปมองหลอดพลังงานของตนเอง แม้จะท่องจนขึ้นใจว่าจะไม่ใช้สกิล
สุดท้ายจำต้องใช้จนได้
“อัพสกิล เพิ่มสปีด”
หลอดพลังงานแต้มสะสมลดลงทันทีหลังออกคำสั่ง แต่รองเท้าที่สวมเกิดแสงสว่างขึ้น ปีกสีขาวเล็ก ๆ งอกออกมาจากรองเท้า ทำให้เบาและวิ่งได้เร็วขึ้น
“มาแล้ว มาแล้ว พลังงานไหลเวียนแรงขนาดนี้เชียว”
ผินอินกระโดดโลดเต้นราวกับแมว ท่ามกลางสถานการณ์คับขัน ยังคงมีแสงสว่างแห่งความหวัง
“เร็วเข้า เร็วเข้า อีกไม่ถึงห้าร้อยเมตรแล้ว”
ร่างเล็กกระโจน กระโดดสุดกำลัง แต่ปีกที่อยู่บนรองเท้ากลับสลายหายไปกลางอากาศ
“เฮ้ย! มาหมดอะไรตอนนี้เล่า แล้วแบบนี้จะไปต่อยังไงกัน”
แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นถังน้ำจำนวนมากอยู่บนชั้นดาดฟ้า รีบปีนป่ายขึ้นไปถีบถังน้ำพวกนั้นลงมาขวางทาง
เหล่าวัวกระทิงที่วิ่งฝ่ามาด้วยความเร็ว ถูกถังน้ำร่วงลงมาทับใส่ล้มตายแตกกระจายกลายเป็นตัวต่อมากมายหลายตัว
ผินอินรีบถลาตัวลงมาเพื่อวิ่งต่อ แต่ก็ยังคงมีวัวกระทิงบางตัวหนีรอดมาจากการทำลายได้
“ตื้อ... ชะมัดยาด จะทำยังไงให้พวกมันหยุดวิ่งดีนะ”
ในที่สุดผินอินก็นึกออก
เมื่อวิ่งมาถึงคลองแห่งหนึ่งจึงกระโจนขึ้นไปบนเกาะกลางอย่างคล่องแคล่ว วัวกระทิงวิ่งพลาดตกลงไปในน้ำจนเหลือเพียงสองตัว
วัวกระทิงที่เหลือ เมื่อเห็นผินอินกำลังจะเข้าใกล้จุดหมาย พวกมันยิ่งรีโหลดพลังตัวของพวกมัน ไฟลุกท่วมราวกับลูกบอลเพลิง
“อัยยะ! บ้าไปแล้ว พวกมันไม่ใช่วัว แต่เป็นขนมลูกเต๋าที่เผาจนไหม้ต่างหาก”
สองตัวสุดท้ายน่าจะเป็นจ่าฝูงกับรองจ่าฝูง พวกมันดวงตาแดงก่ำ รูปร่างสูงใหญ่กว่าพวกที่โดนหลอกให้ตกน้ำ
ผินอินรู้สึกราวกับตนกำลังอยู่ในเทศกาลวิ่งวัวกระทิงที่สเปนยังไงยังงั้น
“ให้พักบ้างซิ ให้พักบ้าง”
“ปุ่มเอฟ”
[ มาสเตอร์ ]
“ขอถาม ถ้าวิ่งเข้าเส้นชัยไป ทั้งที่มีพวกมันวิ่งตามจะผิดกติกาหรือเปล่า”
[ มาสเตอร์ คำตอบมีอยู่ในคู่มือผู้เข้าแข่งขัน กรุณาเปิดอ่านหน้าที่สิบเก้า บรรทัดที่สาม วรรคหก ]
“โว้ย ไม่ได้ให้บอกแบบนั้น เอาแบบสั้น ๆ สรุปน่ะ คนวิ่งตาเหลือก จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านเล่า”
[ เยสเซอร์ มาสเตอร์ ในกติกาไม่ได้มีกำหนด ว่าต้องมีหรือไม่มี แต่หากไม่มีจะดีที่สุด ]
“ก็ที่เหลือนี่ยังไม่พอหรือยังไงกัน เอาเถอะ ๆ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
ผินอินลากพวกมันวิ่งอ้อมตีนเนินเขาอยู่สองรอบ
นอกจากจะแรงไม่ตกแล้ว ยังคงสปีดเท้าไม่ลดอีกด้วย ในเมื่อไม่มีตัวช่วยหลงเหลือ
อีกทั้งคะแนนชีวิตถูกเผาไปแล้วหนึ่งครั้ง
ผินอินต้องคิดหาวิธีอื่น เพื่อไม่ให้ตนเองถูกเผาพลังชีวิต อีกทั้งต้องกำจัดพวกมันทิ้ง เพื่อไม่ให้ตามไปถึง
“เอาละนะ ในเมื่อพวกเจ้าดื้อรั้น ก็มาเลย”
ผินอินกระชากผ้าคาดเอวออกมาแล้วสะบัด ยืนตระหง่านตั้งท่าแบบมาธาดอร์
“มาเลย เจ้าวัวบ้า”
ผินอินใช้ลำต้นของต้นแอปเปิลให้เป็นประโยชน์ เมื่อดึงผ้าสลับไปมาวัวทั้งสองตัวเกิดตาลาย แต่เมื่อดึงผ้าคั่นออก ผินอินซึ่งขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ จึงสามารถหลบตาพวกมันพ้น
“ข้าอยู่ทางนี้”
กระโดดลงไปบนพื้นอีกครั้งเพื่อหลอกล่อ พร้อมสะบัดผ้าสลับอ้อมตนเองไปมา
เมื่อเห็นวัวกระทิงกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ จึงกระโจนกลับขึ้นไปบนกิ่งไม้ แล้วตวัดโหนพาตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนกิ่งที่สูงขึ้น
ด้วยความเร็วจากฝีเท้า พวกมันทั้งสองชะลอฝีเท้าไม่ทัน ทำให้วิ่งกระแทกเข้าหากันจนร่างกายแตกหลุดออกจากกันเป็นชิ้น ๆ ชิ้นใครชิ้นมัน
“ไชโย! สำเร็จแล้ว ตายเสียที ไอ้พวกอึดทะลุนรก แบบนี้ค่อยมีเวลาพักหน่อย”
ผินอินทิ้งร่างลงนั่งพัก หอบหายใจเสียราวกับลำไส้แทบจะหลุดออกมา
“ไอ้วัวบ้า พาวิ่งซะขาแทบหลุด แถมพลังชีวิตยังลดลงตั้งสิบคะแนน ตายแบบนั้น ยังไม่สาสมด้วยซ้ำไป”
กว่าจะมาถึงโคนต้นไม้ แข็งใจกระทั่งเดินเข้าใกล้ต้นแอปเปิล แม้จะเหนื่อยจนแทบขาดใจตาย แต่ยังต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปเพื่อเก็บผลของมันกิน
แต่อุปสรรคยังคงไม่หมดไป เพราะแอปเปิลที่อยู่ใต้ต้นกลับยังคงเป็นสีเขียว
“แล้วจะกินลูกไหนได้เล่า ในเมื่อมันเขียวทั้งหมดแบบนี้”
“ปุ่มเอฟ”
[ มาสเตอร์ ]
“แอปเปิลที่ต้องกิน ต้องเป็นสีไหนกันน่ะ”
[ ผลไม้บนตนนั้น หากเป็นสีแดง สามารถกินได้ทั้งหมด แต่ต้องเลือกลูกที่ทำให้เกิดคริติคอลดาเมจ นั่นหมายถึงไม่สามารถเลือกกินแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ค่ะ ]
“จะกินก็ยังมีอุปสรรค ไหนบอกว่า... แค่เกมวิ่งแข่งง่าย ๆ ไง”
[ มาสเตอร์ ทุกอย่างย่อมมีทางเลือก หากเลือกที่จะไม่วิ่งก็ย่อมทำได้ แต่ก็เช่นนั้น สุดท้ายก็จะไม่ถึงเส้นชัย ]
ปล่อยแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อสู้อุตส่าห์วิ่งสู้ฟัดมาจนถึงจุดนี้
“จะปีนล่ะนะ สุดท้ายลูกไหนก็ต้องกินสินะ”
ผินอินไม่รีรอปีนขึ้นไปแทบทุกกิ่ง สำรวจทุกลูกด้วยความระมัดระวัง
สุดท้ายก็มองเห็นลูกสุกบนยอด รีบปีนขึ้นไปคว้าเพื่อกัด แต่ดันเหยียบกิ่งพลาด ถึงอย่างนั้นยังกดแอปเปิลเข้าปากกัดเพื่อทำแต้มสำเร็จ
[ Stage Clear! ]