Stage 4
ผินอินลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่ริมแม่น้ำ
“เฮ้ย นี่รอดมาจากทะเลมาโผล่อยู่ริมแม่น้ำเลยเหรอนี่ แล้วนี่เราอยู่ที่ไหนกันน่ะ”
ผินอินลุกขึ้นยืนเดินไปรอบ ๆ ก่อนจะสลบเพราะจำได้ว่าเสียงเคลียร์สเตจมันดังจนแก้วหูแทบแตก
“นี่มันกำแพงเมืองอะไรน่ะ ทำไมถึงได้สูงขนาดนี้”
ผินอินเกิดความอยากรู้ จึงคิดปีนต้นไม้เพื่ออยากดูว่าอีกฝั่งของกำแพงมีสิ่งใดถูกบดบังอยู่
พลันเสียงจากเกมมาสเตอร์ดังมาจากทางด้านหลัง ทำผินอินตกใจจนแทบร่วงจากต้นไม้
[ สเตจต่อไป มีชื่อว่า ต่อแถวเข้าวัง ]
“ต่อแถวเข้าวัง อย่าบอกนะว่า สเตจต่อไปคือการเข้าถวายตัวน่ะ”
[ ท่านผู้เข้าแข่งขัน เริ่มจากจุดสตาร์ท ต้องไปให้ถึงจุดลงทะเบียนหน้าประตูวังหลวงให้ได้ภายในเวลาสิบนาที ]
“อะไรกัน ด่านนี้ง่ายอย่างนี้เชียวเหรอ ระยะทางแค่นี้เดินไปก็ถึง ไม่ต้องเสียเวลาถึงสิบนาทีหรอกน่า”
[ ท่านผู้เข้าแข่งขัน ต้องใช้ตะกร้าที่มีโอ่งน้ำวางเทินไว้บนศีรษะ หากทำน้ำในโอ่งที่เทินไว้หกลดไปกว่าขีดระดับที่กำหนด จะถูกปรับแพ้ทันที ]
“เฮ้ย ถ้ากติกาแบบนี้ ต่อให้สิบนาทีก็ไม่มีทางพอหรอกน่า แบบนี้มันเท่ากับบีบให้แพ้ตั้งแต่เริ่มเลยนะ”
[ สกิลช่วยเหลือที่มี มีทั้งหมดสามระดับ เมื่อกดใช้สกิลในแต่ละระดับ สกอร์ชีวิตและคะแนนสะสมจะถูกลดลงตามลำดับ ]
“เออ จริงด้วย เมื่อครู่ที่เอาชนะมังกรในทะเลได้ ดันสลบไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคะแนนของตัวเองได้เท่าไหร่”
ผินอินรีบแหงนหน้าขึ้นมองสกอร์บนศีรษะ แท่งสกอร์ด้านบนค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ลำแสงสีเหลืองอ่อนแสดงให้เห็นถึงแถบสกอร์ที่ต่ำจนเกือบเป็นแดง ค่อย ๆ ไล่สีขึ้นไปจนกระทั่งเป็นสีเขียว
เมื่อลำแสงสกอร์ขึ้นจนครบ จึงเห็นว่าที่แท้แล้วสกอร์ของตนเองทะลุแถบค่าแสดงพลัง
“โอ้โห นี่แปลว่าเราได้โบนัสคะแนนเยอะขนาดนี้เชียวหรือนี่ งั้นด่านต่อไปก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”
ทว่าเพียงแค่ผินอินขยับกายแรงขึ้นเล็กน้อย โถน้ำที่อยู่ในอุ้งมือเกิดการกระเซ็นออกมานอกโถ
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ทันทีที่เสียงจบลง คะแนนที่มีอยู่จนล้นปรอท มีอันต้องลดลง แต่แม้แทบไม่สะเทือนจำนวนคะแนนที่มีอยู่จนแน่นล้นปรอท ทว่านั่นกลับทำให้ผินอินกังวล
“แล้วกัน นี่ขนาดยังไม่ยกขึ้นบนหัว แค่กระเด็นออกมาแค่นี้ คะแนนยังลด แล้วถ้ามันขึ้นไปอยู่บนหัว มีหรือที่มันจะไม่หกออกมาจนหมดเหรอ”
เรื่องการทรงตัวเป็นสกิลการทรงตัวระดับนางงาม แน่นอนว่าสกิลช่วยเหลือรอบนี้ คือ
1 วายุพยุงร่าง
2 วารีประทาน
3 อัคคีโชติ
[ ท่านผู้เข้าแข่งขัน สามารถกดใช้สกิลช่วยเหลือได้ 2 ครั้ง ต่อหนึ่งปุ่ม คะแนนรอบก่อนจะถูกนำมาหัก เพื่อลดทอนการหักพลังชีวิต ]
“โอ้ แบบนี้ก็ยอดเยี่ยมสิ ไม่เสียแรงเลยที่พยายามถีบเหยื่อเข้าปากเจ้ามังกรนั่น”
[ คะแนนด่านนี้นับตามระดับน้ำที่เหลือในโถ หมายถึงสเตจต่อไปความยากง่ายขึ้นอยู่กับระดับน้ำที่สามารถพาไปจนถึงจุดหมาย ขอให้ท่านผู้เข้าแข่งขันโชคดี ]
“ชิ... สุดท้ายก็ยังบีบคั้นกันอยู่ดี ตอนที่เล่นอยู่ที่โลกเดิมไม่เห็นว่ามันจะกติกายุ่งยากขนาดนี้”
[ ท่านผู้เข้าแข่งขัน โปรดอย่าลืมว่านี่คือเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต หากสเตจแต่ละสเตจง่ายดาย ย่อมมิคุ้มค่ากับการที่เราดึงท่านมายังโลกนี้ ]
“เข้าใจแล้วละน่า เอาล่ะ แล้วนี่ต้องไปเริ่มจากที่ไหนกันละนี่”
พลันแสงจากช่องอิฐที่ขวางหน้าปรากฏเรืองรองขึ้น อิฐก้อนสลับตัวพลิกไปด้านข้าง ทับก้อนอิฐก้อนต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเปิดเป็นช่องว่างขนาดกว้างกว่าลำตัวสองเท่า
“โอ้โห อย่างกับอาละดินในตะเกียงวิเศษ แบบนี้เดินเข้าไปแล้วมีแต่แค่ต้องระวังตัวไม่ให้น้ำหกเท่านั้นสินะ”
[ 5 4 3 2 1 …Ready Go! ]
ไม่รอช้าแม้จะเทินโอ่งไว้บนศีรษะ
มิหนำซ้ำสเต็ปการก้าวเท้าต้องเน้นการทรงตัวให้พอเหมาะ ภายในสิบนาทีหากเดินไปถึงประตูทางเข้า จะเท่ากับเป็นการเข้าสู่ทางเข้าวังหลวง
“หนึ่ง สอง สาม สี่ สูดลมหายใจ เข้า ออก เข้า ออก”
ผินอินทำทีประหนึ่งนางงามเดินบนแคทวอล์คเพราะเคยเห็นวิธีการเดินทรงตัวที่ทำให้เดินเฉิดฉายงดงาม
ระยะทางบนถนนอิฐเรียงตัวทอดตรงเข้าสู่ประตูวัง ด้านหน้าประตูวังมองไปเห็นทหารยืนเรียงรายตั้งเป็นแถว
“ถ้าเราระวัง ไม่ให้น้ำหกได้ ทางเรียบ ๆ แบบนี้สิบนาทีก็น่าจะไปถึง”
[ Stage 1 ]
ชั่วพริบตาทางที่เห็นว่าเรียบเริ่มยกตัวสูงแล้วตกลงเหมือนลูกระนาดคลื่น
ผินอินเกร็งร่างเมื่อเห็นระลอกคลื่นอิฐกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
“เฮ้ย เล่นกันแบบนี้ก็มีแต่ต้องกระโดดน่ะสิ”
เมื่อลูกคลื่นเข้ามาใกล้ ผินอินเพื่อต้องการรักษาการทรงตัว จึงกระโดดขึ้นเพื่อหลบลูกคลื่น ทว่าเมื่อทันทีที่กระโดดขึ้นน้ำที่อยู่ในโอ่งด้านบน ก็มีอันต้องกระฉอกออกมา
ต๊อด... ลบหนึ่ง
“อัยยะ แต้มโดนหักแล้ว”
เนื่องจากไม่สามารถจะหาหนทางหลบหลีกลูกคลื่นได้ ผินอินมีแต่จำใจต้องกระโดด แต่แม้จะกระโดดหลบอย่างระมัดระวังเท่าใด น้ำในโอ่งยังคงกระฉอกออกอย่างต่อเนื่อง
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ผินอินไม่ทราบต้องทำเช่นไรจึงตั้งสมาธิให้ดี ตั้งจังหวะรอเมื่อลูกระนาดเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จึงค่อยยกขาขึ้นสูงแบบไม่ยอมกระโดด
“โอ้ แบบนี้นี่เองน้ำถึงไม่กระฉอก ดีล่ะ รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร!”
เมื่อจับจังหวะได้ระลอกคลื่นจึงไม่เป็นเรื่องน่ากลัวอย่างที่เคย ผินอินเริ่มเดินได้เร็วขึ้นเมื่อระลอกคลื่นเข้ามา ก็เพียงหยุดแล้วยกขารอ ทำเช่นนี้แม้จะช้าลงแต่น้ำไม่หกเสียหายแม้แต่น้อย
[ Stage 2 ]
“เสียงประกาศแบบนี้ทีไรมีอันต้องแกล้งหนักขึ้นทุกทีสิน่า แล้วรอบนี้แถมมาสูงกว่าหนก่อนด้วย ต้องระวัง ระวัง ระวัง... กรี๊ด!”
ระลอกคลื่น
เมื่อเลเวลสูงขึ้นก็ปรับเพิ่มระดับตาม
คราวนี้ผินอินไม่สามารถยกขารอข้ามได้ดังเดิม ต้องกระโดดขึ้น เพราะคลื่นลูกใหม่สูงขึ้นเกือบถึงหัวเข่า มิได้สูงเพียงครึ่งแข้งอย่างรอบแรก อีกทั้งยังมีความเร็วเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“กรี๊ด... นี่คิดจะเอากันให้น้ำหมดโอ่งเลยรึยังไง”
ด้วยความเคยชินตามสัญชาตญาณ ผินอินกระโดดลอยตัวเพื่อไม่ให้ตนเองถูกคลื่นเกี่ยวขาล้ม ผลก็คือน้ำในโอ่งกระฉอกออกจนถึงสามขีด
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ต๊อด... ลบหนึ่ง
ต๊อด... ลบหนึ่ง
--------------------------
โอ้ย! จะลบอะไรกันนักกันหนาเนี่ย
แง ๆ ร้องไห้แล้ว
เป็นกำลังใจให้ หลิวอี๋เหวิน ด้วยนะคะ
ฝากกดไลค์ กดแชร์ และให้หัวใจกันแบบรัว ๆ ด้วยนะ
กราบรอบทิศ สาธุ ภารกิจนี้ เพื่อพิชิตอันดับหนึ่งของ #ดรีม
#การประกวดนิยายภาษาไทยครั้งแรก