นอกจากไม่ให้น้ำกระฉอก ยังมีมารผจญอีก

1345 คำ
ต๊อด... ลบหนึ่ง ต๊อด... ลบหนึ่ง น้ำที่กระฉอกออกแม้ไม่ต้องแหงนคอมองสกอร์ยังทราบดีว่าหกมากเพียงใด เพราะเปียกลงมาจนถึงอกเสื้อตนเอง “หมดกัน ถึงคะแนนจะมีสะสมไว้มาก แต่ถ้าหากยังไปไม่ถึงไหน แล้วยังต้องเจอคลื่นสูงแบบนี้เรื่อย ๆ มีหวังคะแนนอาจติดลบเหมือนสเตจก่อน” [ Warning! Warning! Warning! ] [ Chock Wave! ] ผินอินตาค้างเมื่อเห็นขนาดคลื่นสูงขึ้นเกือบถึงศีรษะ อย่างที่ทราบเมื่อมีคะแนนสะสมมากขึ้น ความยากของแต่ละด่านย่อมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว “นี่คิดจะหักคะแนนสะสมกันให้หมดให้ได้เลยใช่ไหม ดีล่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องลองเสี่ยงกันดูหน่อยแล้วกัน” ผินอินแหงนหน้าขึ้นไปมองปุ่มตัวช่วย ตอนนี้บนสกอร์สะสมเหลือแต้มอยู่เก้าสิบคะแนน ส่วนสกอร์ชีวิตเหลืออยู่ที่ระดับแปดสิบ หากใช้ปุ่มช่วยเหลือหนึ่งครั้ง แน่นอนว่าต้องลดระดับคะแนนสะสม ซึ่งแม้จะเสียดายเพียงใดที่กว่าจะสู้อุตส่าห์สะสมมาได้ แต่มันก็ถึงคราวจำเป็น “ปุ่มนี่ละกัน วายุพยุงร่าง” แสดงสีเขียวเข้มพวยพุ่งขึ้นจากทางด้านล่างของพื้นที่เหยียบ สายลมอัดรวมตัวกันกลายเป็นปีกสีเขียวขนาดมหึมา จากทางด้านหลังของร่าง “กรี๊ด นี่ฉันกำลังบิน!” มันเป็นเพียงการพยุงร่างให้มีความสูงมากกว่าระดับคลื่นอิฐที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เมื่อคลื่นผ่านใต้เท้าไปแล้วปีกนั้นจึงค่อยพยุงพาร่างของผินอินบินไปอีกสิบก้าว “อ้อ แต่ละครั้งที่ใช้ไปไกลได้สิบก้าว แล้วต้องทำยังไงถึงจะสามารถใช้ได้บ่อยขึ้น พร้อมอัพเลเวลนะ” ผินอินนึกขึ้นมาได้คิดจะเรียกกดปุ่มเอฟ แต่คลื่นตรงหน้ากำลังเริ่มใกล้เข้ามาอีกครั้ง “มัวแต่มาเรียกจีเอ็ม ท่าทางจะไม่ทันการณ์ คงต้องวางแผนเพื่อค่อยใช้วารีประทานตอนก่อนจะถึงเส้นชัย” เมื่อคลื่นลูกใหม่กำลังจะใกล้เข้ามา ผินอินตัดสินใจเลิกเดินแต่เปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าหามันแทนอย่างบ้าคลั่ง ใช้สองมือประคองโอ่งบนศีรษะเกร็งจนคอเป็นเอ็น “เข้ามาเลย เจ้าคลื่นบ้า” ร่างเล็ก ๆ ของผินอินกระโจนเข้าหาคลื่นก่อนที่มันจะทันได้ก่อตัวสูงขึ้น เป็นครั้งแรกที่กระโดดข้ามได้ทันก่อนที่มันจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ กระนั้นน้ำในโอ่งยังคงกระฉอกจนเสียงถูกตัดคะแนนร้องติดต่อกันไม่หยุด ต๊อด... ลบหนึ่ง ต๊อด... ลบหนึ่ง ต๊อด... ลบหนึ่ง “หนวกหู หนวกหู หนวกหู ไว้ให้ใกล้ถึงเส้นชัยก่อนเถอะ จะเติมให้เต็มถังเลยคอยดู” ช่วงสุดท้ายอุปสรรคยังคงไม่หมด ปรากฏร่างของผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นขึ้น “นั่นใครน่ะ ทำไมถึงมาวิ่งแข่งกับเรา แต่บนหัวพวกเขาไม่มีโอ่งแบบเรานี่นา” ทันทีที่มองไปแผ่นหลังและเสี้ยวหน้าคุ้นตา ทำให้ผินอินถึงกับร้องตกใจ “นั่นมันบุตรสาวร้านถังเนี้ยมิใช่หรือนั่น ทำไมนางมาเข้าแข่งขันครั้งนี้ด้วยเล่า” [ อีกสามนาที ประตูวังกำลังจะปิดลง ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านรักษาเวลา ] “โธ่ จีเอ็มบ้าบอ แข่งกับลูกคลื่นยังไม่พอ ยังต้องมาแข่งกับคนอื่น ๆ อีก แบบนี้มันกดดันกันเกินไปแล้วนะ” “โอ้ นั่นนางบ้านนอกขายไข่ เบ๊... เถ้าแก่เนี้ยร้านผ้านี่นา” “เรียกใครเป็นเบ๊กันน่ะ นางบุตรสาวบ้านไข่เน่า” “วิ่งช้าเป็นเต่าคลานเช่นนั้น เจ้าคงมิมีทางเข้าทันประตูวังหลวงที่กำลังจะปิดลงเป็นแน่ หน้าอย่างเจ้าพยายามให้ตายก็เป็นได้แค่แม่ค้าขายไข่ เป็นนางข้าหลวงไม่ได้หรอก เชอะ!” “นั่นปากรึนั่น ปากแบบนั้นมันน่าสั่งสอนนักเชียว” [ เหลือเวลาอีกสองนาที ] “โธ่ นี่ก็เร่งจริงเชียว” “ว้าย... ว้าย...” “ว้าย... คลื่นกำลังจะมาอีกแล้ว” น้ำที่มีอยู่ในโอ่งเริ่มลดลงจนแตะระดับอันตราย บนศีรษะของผินอินโอ่งใบนั้นเจิดจ้าเป็นสีแดงหมุนวนไปรอบทิศ ราวกับหวอของรถพยาบาลฉุกเฉิน “โธ่ ๆ ๆ นี่ระดับน้ำลดจนถึงขีดอันตรายแล้วเหรอ ทำยังไงดี ฉันต้องทำยังไง?” “หมดทางเลี่ยงแล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่ก้าว จะถึงประตูวังแล้ว ต้องลองเสี่ยงใช้วายุพยุงร่างอีกครั้ง แล้วค่อยไปใช้วารีประทานเติมไปในตัวขณะที่บินกระโดดไปถึงประตู” แต่ระยะทางช่างไกลเหลือเกิน ความเสี่ยงสูงเพียงนี้ ผินอินเริ่มไม่มั่นใจ [ Warning เหลืออีกหนึ่งนาที เหลืออีกหนึ่งนาที ] “ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว วายุพยุงร่างอีกครั้งเลยแล้วกัน” กดปุ่มสกิลช่วยเหลืออีกครั้ง พร้อมระดับสกอร์คะแนนที่ลดต่ำ ผินอินตัดสินใจกระโจนตัวเข้าไปหาลูกคลื่นที่กำลังโถมเข้ามา เมื่อปีกโผล่ออกมาพยุงร่างผินอินไม่คิดห่วงไยสิ่งใดทั้งสิ้น สัญญาณเตือนจากโอ่งบนศรีษะบ่งบอกถึงระดับน้ำที่ลดลงจนถึงระดับอันตรายสุดขีด “กดปุ่มสอง วารีประทาน” ปุ่มวารีประทานคือน้ำที่ถูกเติมลงมาจากสรวงสวรรค์ เติมครั้งแรกในขณะที่บินข้ามลูกคลื่น ทดแทนน้ำที่หกออกมาตั้งแต่ครั้งแรก “กดครั้งที่สอง” กดครั้งที่สองอย่างต่อเนื่องพอดีกับปลายเท้ากระแทกลงพื้น แรงสะเทือนย่อมทำให้น้ำกระเด็นออกจากโอ่งไปจำนวนไม่น้อย เพื่อเป็นการเติมให้เต็มจึงต้องทำการเติมครั้งที่สอง ระดับสกอร์คะแนนชีวิตเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อน้ำถูกเติมเต็มจำนวน อีกทั้งระดับคะแนนสะสมที่เคยลดลงก็เพิ่มขึ้นด้วย “เยี่ยม อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู ต่อให้ต้องมีหกไปบ้างก็คงไม่มากเท่าใดนัก” “อย่าฝันเลยว่าเจ้าจะมาถึงประตูวัง หนก่อนเจ้าแกล้งข้า ทำให้ไข่ในร้านข้าเน่าเสียหายจนหมด” บุตรสาวร้านถังเนี้ยถอดรองเท้าออกมาแล้วปาเข้าใส่ผินอิน “โอ้ะ! นี่... เล่นสกปรกน่ะ นี่เจ้า เฮ้ย! อย่าขว้างมาสิ แบบนี้น้ำที่เติมเข้ามามันจะกระฉอกออกหมด ว้าก... น้ำข้าหกก็เพราะเจ้านะ!” “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรอง เจ้าแกล้งข้าก่อน ข้าย่อมมีสิทธิ์เอาคืน” ผินอินโกรธจัดเพราะต้องคอยหลบรองเท้าที่บุตรสาวร้านขายไข่ขว้างปามา ทำให้น้ำในโอ่งเริ่มทำท่าจะหกออกมาอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งเสียการใช้สกิลไปหมาด ๆ แต่กลับต้องมาพบกับเรื่องชวนปวดหัว ผินอินโกรธมากที่อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงเส้นชัย เส้นชัยอยู่ตรงหน้า “เจ้าไม่หยุดมือ ถ้าเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจดำก็แล้วกัน กดปุ่มอัคคีโชติ” ทันทีที่กดปุ่มอัคคีโชติ เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากร่างของผินอินพุ่งตรงเข้าหาร่างบุตรสาวร้านขายไข่ ด้วยเปลวเพลิงที่เปี่ยมด้วยความร้อน อีกทั้งเป็นสกิลพิเศษ จึงทำให้ร่างของบุตรสาวร้านขายไข่ดำเป็นถ่าน ผินอินทั้งกลั้นขำ ทั้งวิ่ง ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ผ่านหน้านางไป “นางงูพิษ นางแพศยา ข้าจะจองเวรเจ้า” “แบร๊... ทำได้ก็ลองดู แน่จริงก็ตามมา แบร๊...” ผินอินเข้าสู่เส้นชัยได้อย่างงดงาม กระดิ่งสีทองลูกใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ พร้อมระเบิดออกปล่อยเศษกระดาษหลากสีลงมาเป็นสัญญาณจบสิ้นการแข่งขัน “ชนะแล้ว ชนะแล้ว ด่านนี้ชนะแล้ว” [ Stage Clear! ] ---------------- 5555++ สมน้ำหน้า อยากแกล้งดีนัก แล้วยายร้านไข่เน่าจะตามไปถึงไหนเนี่ย เป็นกำลังใจให้ หลิวอี๋เหวิน ด้วยนะคะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และให้หัวใจกันแบบรัว ๆ ด้วยนะ กราบรอบทิศ สาธุ ภารกิจนี้ เพื่อพิชิตอันดับหนึ่งของ #ดรีม #การประกวดนิยายภาษาไทยครั้งแรก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม