ผินอินกระโดดขึ้นเปิดตะกร้าที่เต็มไปด้วยปลาออก ดูดเจ้าปลายักษ์เข้าไปทำให้ตะกร้า
“เหวอ” ร้องขึ้นด้วยน้ำหนักที่เกินพอดี
“เอาล่ะ คราวนี้เอาปลาไปขอเจ้าสาวที่หมู่บ้านชาวประมงได้เลย!”
มอนิเตอร์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เมื่อชาวประมงไปถึงหมู่บ้าน ขาทำการเทปลาออกเพื่อนับคะแนน สกอร์คะแนนบนศีรษะของชาวประมงวิ่งรัวเสียจนผินอินลุ้นตัวโก่ง
สุดท้ายเมื่อสกอร์คะแนนหยุดลง คะแนนที่เขามีกลายเป็นลูกบอลสีวิ่งวนไปตามตารางรูปหน้าของหญิงสาวที่จะถูกเลือกมาเป็นคู่แต่งงาน
พลัน... คะแนนของชาวประมงกลับทำให้ได้แต่งงานกับหญิงสาวรูปร่างบอบบาง แต่หน้าตาระดับปานกลาง
“อ้าว... ไหงงั้นได้ล่ะ”
เมื่อเกิดงานแต่งงานขึ้น สกอร์คะแนนของผินอินเพิ่มขึ้นเพียงห้าขีด นั่นหมายความว่าชาวประมงให้คะแนนความพอใจเพียงสามคะแนน
“ปัดโธ่! มาโทษกันแบบนี้ได้ไง ฝีมือตกปลาแกมันห่วยเอง อุตส่าห์ต้อนปลาตัวใหญ่ ๆ มาให้แต่กลับไปตกแต่ปลาเล็ก ๆ ตั้งแต่แรก ชิ... แล้วจะมาโทษกัน”
เสียงดนตรีคล้ายเพลงสวดศพของต่างประเทศดังขึ้น
โปรแกรมชาวประมงชายทำหน้าคอตกถูกสาวชาวบ้านหน้าตาธรรมดาลากเข้าไปในห้องหอ
“อันที่จริงก็น่าสงสารเหมือนกันนะ แต่ทำไงได้ ห่วยแตกเองนี่นา”
“เอาล่ะ เกมใหม่ต่อไปเป็นเกมอะไร ปุ่มเอฟ!”
[ มาสเตอร์ ]
“เริ่มสเตจถัดไปได้เลย ไม่อยากเสียเวลา”
[ มาสเตอร์ โปรดเลือกคู่ต่อสู้ค่ะ ]
ผินอินกดเลือกมอนสเตอร์ที่ปุ่มข้างแว่น เหลืออีกสองคน คนหนึ่งคือหญิงสาวรูปร่างบอบบาง อีกคนคือชายแก่ ผินอินสงสัยมาก
“กดเลือกคนแก่ก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อเลือกเสร็จ ปรากฏว่ารอบกายตนเองมีกล่องใสปรากฏขึ้น เป็นกล่องใสที่มีความสูงกว่าระดับศีรษะ
“เฮ้ย นี่มันอะไรกัน”
[ สเตจนี้มีชื่อว่า กวีกินใจ ]
“เฮ้ย! แต่งกลอนเหรอ”
[ ถูกรวมอยู่ในสเตจเดียวกันเป็นการแต่งกลอนเพื่อเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำ หากแต่งได้คะแนนน้อย ปลาในแม่น้ำจะตาย ทุกนาทีที่ปลาตาย คะแนนชีวิตจะลดลง ]
“เอาอีก ไม่มีหรอกที่จะเล่นง่าย ๆ”
[ เมื่อแต่งกวีเสร็จ คะแนนที่ได้ขึ้นอยู่กับระดับน้ำเป็นตัวชี้วัด เมื่อระดับน้ำขึ้นถึงระดับเดิมเท่ากับผ่านด่าน แต่หากมากเกินไปจะเกิดเป็นภัยน้ำท่วม ก็ถูกลดคะแนนอีกเช่นกัน ]
มาสเตอร์จากไปพร้อมเสียงหัวเราะของชายแก่ ปรากฏรูปร่างผอมบางในชุดนักบวช
“ไปไหนมา สองวา สามศอก”
“เหอะ! ตั้งคำถามได้ด้วย”
“บทแรก คือกวีอิงใจ ข้าเริ่ม เจ้าจบ”
“ได้... ข้าจะขอสู้ดูสักตั้ง ว่ามา...”
เวทีประลองเปลี่ยนเป็นศาลาริมน้ำ มีกลิ่นกำยาน กาน้ำชาปลอมอีกทั้งขนมก็ปลอมเช่นกัน
ผินอินจ้องมองเพราะเริ่มรู้สึกหิว
“รอบหน้าขอเป็นการประลองกินทีเถอะ หิวจัง”
รอบกายปรากฏปลาฝูงหนึ่งว่ายวนไปมา สีสันของพวกมันสวยสดราวกับอยู่ในนิทานก่อนนอน
นักพรตเฒ่าเริ่มตวัดพู่กัน
“เมื่อแรกเริ่ม ดอกท้อละลอยลิ่ว กิเลนเหิน ยวนยางร่ายรำ”
ผินอินแทบเป็นลม เธอเคยเรียนวิชากลอนเสียเมื่อไหร่ แต่ต้องสู้เพราะอย่างน้อย เธอก็เคยรับแปลหนังสือเป็นงานพิเศษ
“หลิวลอยล่อง เหมันต์โรย เหมยละกิ่ง ตะวันเลือน”
[ บวก หนึ่ง บวก หนึ่ง ]
ผินอินเลิกคิ้วสูงเมื่อฝูงปลามีมากขึ้น จึงทราบว่าตนสามารถต่อกลอนได้สำเร็จ
“ต่อไป บทที่สอง”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนะ เมื่อครู่ ข้าชนะงั้นเหรอ?”
“บุปผาเทียมฟ้า สุคนธ์เมามาย เจ้าสาวร่ายรำ”
เอาแล้วไง มันคือบทหนึ่งของกวีมีชื่อ ขึ้นด้วยการร่ำลาของสตรีที่ถูกพรากชายคนรักเพื่อไปรบ
“เคยอ่านอยู่นะ เคยอ่าน แต่มันต้องต่อว่ายังไง ยังไง?”
ระดับน้ำลดลง ตามเวลาที่เดินหน้า
ผินอินเห็นพวกปลาตัวน้อยเริ่มกระเสือกกระสน
“เดี๋ยวสิ เวลาทำไมมันเดินเร็วแบบนี้เล่า ขี้โกงหรือเปล่า?”
“บุปผาเทียมฟ้า แล้วต้องต่อแบบไหนกันเล่า โธ่!”
ผินอินมองไปรอบกาย เมื่อเห็นใบไม้ร่วงมาตามสายลม ชั่วครู่นั้นนึกถึงกลอนบทหนึ่ง ที่ตนไม่เคยแต่งได้จบเลย มันคือกลอนที่ตนเขียนขึ้นหลังจากที่อกหัก เพราะรุ่นพี่ที่หลงแอบชอบ
“บุปผาเทียมฟ้า บุปผาเทียมฟ้า เหมันต์เริงรื่น เหมยเชยชม กระเรียนพบคู่”
“กระเรียนพบคู่ โอ้... เจ้าช่างแต่งกลอนได้ไพเราะยิ่งนัก ข้ายอมแพ้!”
[ บวก สิบ บวก สิบ สเตจฟินิช! ]
“ว้าย! ชนะแล้ว ข้าชนะแล้ว ขนาดจำได้บ้าง ไม่ได้บ้างนะนี่ เราเองก็เก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะ ฮา...”
สเตจสามถูกเปลี่ยนฉากลงมาแทบจะทันที
ร่างของนักพรตเฒ่ากลายเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ใบหน้าของหล่อนไร้อารมณ์ บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปทันที
“เฮ้ย ไม่ต้องเรียกก็ออกมาเองได้ด้วย”
“ข้า คือ สเตจสุดท้ายของด่านนี้”
“แล้วกติกาคืออะไร?”
“กติกานั้นง่ายมาก ใครกินอาหารบนโต๊ะหมดก่อน ถือเป็นผู้ชนะ”
ปรากฏโต๊ะขนาดกว้างและยาวเท่าพื้นศาลาเด้งขึ้นมา
อาหารมากมายหลากชนิด สีสันงดงามกลิ่นหอมชวนกินปรากฏขึ้นละลานตา
“โอ้! เกมในฝัน”
[ Ready Go! ]
อะไรจะดีไปกว่าการใช้พลังงานที่มีอยู่เป็นแรงผลักดัน
ผินอินรูปร่างเล็กจ้อย แต่ใครจะรู้ว่าเป็นนักสวาปามชั้นหนึ่ง
“มาเลย มาเลย มาอีก กินได้เรื่อย ๆ”
แต่เมื่อหันไปมองข้างกาย เกมมาสเตอร์ที่หน้าตาจืดชืดไร้ความรู้สึก นางกับอ้าปากกว้างเสียยิ่งกว่าโต๊ะ ยกโต๊ะที่วางอยู่ขึ้นแล้วเทอาหารทั้งหมดที่อยู่บนนั้นลงปากไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นมันอะไรน่ะ แบบนั้นเขาเรียกว่ากินได้ด้วยเหรอ”
[ สเตจหนึ่ง ผู้เข้าแข่งขัน แพ้ครั้งที่หนึ่ง ]
“ปุ่มเอฟ”
[ มาสเตอร์มีข้อสงสัยสามารถกรอกข้อมูล และแจ้งในระบบได้ค่ะ ]
“แข่งกับตัวแบบนี้ ใครหน้าไหนมันจะไปชนะเล่า สามารถใช้สกิลตัวไหนได้บ้าง ช่วยบอกข้ามาหน่อย”
[ ผู้เข้าแข่งขันยังเหลืออีกสองสกิล สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม และรักษาสมดุลของคะแนนที่สะสมมาตั้งแต่แรกอีกด้วย ]
“เปิดครั้งที่สองมาเลย แบบนี้ต้องวัดกันสักตั้งแล้ว”
“ตามคำสั่ง มาสเตอร์ การแข่งขันครั้งที่สอง เริ่ม...”
โต๊ะถูกตั้งขึ้นใหม่ พร้อมอาหารมากมายปรากฏขึ้นเหมือน ๆ ครั้งแรกที่ปรากฏ
ผินอินไม่รอช้ากระโจนเข้าไปใกล้ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นโปรแกรม ก่อนใช้แตรหยุดชั่วขณะเป่าเข้าหู
ร่างของโปรแกรมหยุดนิ่ง เป็นโอกาสให้ผินอินรีบสวาปามทุกสิ่งลงท้อง พลังงานความกลัวตายเทียบเท่าพลังหิว ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสามนาที สารพัดอาหารรสชาติเยี่ยมถูกจัดการกินลงไปในท้องจนราบคาบ
เมื่อสกิลหมดฤทธิ์ โปรแกรมที่หลุดออกจากการถูกใช้สกิล ทำสีหน้ายอมแพ้ทรุดกายลงนั่งโบกธง
“อ้าว ทำไมเราถึงชนะอีกล่ะ มันต้องเสมอไม่ใช่เหรอ”
[ มาสเตอร์ มาสเตอร์ เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันกินอาหารของอีกฝ่ายไปด้วย จึงทำให้กลายเป็นคะแนนโบนัสคูณสอง เกมสุดท้ายยินดีกับผู้เข้าแข่งขันด้วยค่ะ ]
“เอ๊ะ! ชนะไปแบบงง ๆ แต่ก็สรุปว่า ชนะแบบอิ่มท้องด้วย ชนะแล้วจ้า” ผินอินดีใจสุด ๆ แถมยังอิ่มแปร้
[ Game Clear! ]