ตอนที่ 10 แผนคิดสั้น
โจวหย่งเล่อเข้ามาในห้องของภรรยา เขานั่งลงเคียงข้าง เอ่ยถามด้วยความกังวลใจว่า “ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าคิดมาก”
“เจ้าค่ะ” นางเองก็แปลกใจนัก เพราะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตามอารมณ์เขาไม่ทัน อีกทั้งยังระแวงว่าสิ่งที่เขากล่าวพูดก่อนหน้านี้นั้น เป็นจริงใช่หรือไม่ ว่าจะไม่มีวันยินดีหย่ากับนาง ประโยคนี้ทำให้ใจนางฟูฟ่องขึ้นมามากโข แอบดีใจจนเนื้อเต้นทีเดียว
“แค่สั้น ๆ เท่านั้นหรือ มีอันใดอยากพูดกับข้าอย่าง...พวกเรามาเปิดใจคุยกันดีหรือไม่” ชายหนุ่มตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับนางแล้ว
วันนั้นเห็นนางร้องไห้ จิตใจเขาไม่สงบเอาเสียเลย ครุ่นคิดมากมาย ว่าจะทำอย่างไรดีไม่ให้นางเสียใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นเขาเอ่ยบอกว่าเป็นภรรยาเพียงในนาม แต่ยามนี้กลับอยากครอบครองนางแทบขาดใจ
“สิ่งที่ข้าได้พูดไปนั้น คือความจริงที่ข้าได้บอกท่านไปตั้งแต่ต้น ข้าคือภรรยาของท่าน แม้ว่าท่านจะทอดทิ้งข้า สนใจหวังเพ่ยอิงมากกว่า ข้าล้วนเข้าใจดี ว่าความรักมักหักห้ามกันไม่ได้ ข้ายืนอยู่ตรงนี้ ขอแค่ได้มองท่าน ได้เห็นเงาของข้าเคียงข้างท่านก็ยังดี ข้าเจ็บปวด เจ็บตรงนี้”
นางยังเอ่ยไม่จบประโยค จู่ ๆ หยาดน้ำตาที่อัดอั้นตันใจเอาไว้ก็หล่นลงมาแล้ว โจวหย่งเล่อรีบรวบร่างบอบบางเข้ามาสวมกอด ปลอบประโลมให้นางนั้นหายโศกเศร้า “ข้าขอโทษ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะทำดีกับเจ้าให้มาก”
“แค่ทำดีไม่อาจชดใช้ความผิด เช่นนั้น” นางยกมือขึ้นสวมเข้ากับลำคอแกร่งของเขา สบสายตาคมกริบด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ชายหนุ่มเองก็ไม่ต่างกัน มองริมฝีปากนุ่มนิ่มสีแดงเรื่อ รู้สึกคอแห้งผากเสียเหลือเกิน เหม่อมองคล้ายสติหลุดลอย ที่เห็นริมฝีปากใกล้ ๆ เยี่ยงนี้ ก็ยิ่งอดใจไม่ไหว
โจวหย่งเล่อ ดันร่างบอบบางให้นอนราบ จากนั้นจึงคร่อมร่างกักขังนางเอาไว้บนเตียง สายตาอันปรือหวาน จ้องมองดวงหน้าสะสวยขึ้นสีแดงด้วยความเขินอาย “วันนี้เจ้ากับข้า พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ พวกเราเข้าหอกันนะ”
เขากระซิบกระซาบแล้วค่อย ๆ ประกบริมฝีปากลงทาบทับกลีบปากนุ่มนิ่ม กำลังจะสอดลิ้นร้ายเข้าไปในโพรงปากของนาง จู่ ๆ ด้านนอกก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นเสียก่อน ทำให้โจวหย่งเล่อหงุดหงิดยิ่งนัก จึงลุกพรวดแล้วเดินออกมา ก็พบว่าเป็นสาวใช้ของหวังเพ่ยอิง
“ท่านราชครู คุณหนูคิดสั้นเจ้าคะ นางใช้ผ้าขาว...” สาวใช้ร้องไห้ฟูมฟาย รีบเร่งเดินทางออกจากจวนแล้วมายังจวนตระกูลโจว หวังว่าจะช่วยเหลือคุณหนูให้สมหวังได้ดั่งใจปรารถนา
ถังเหมยหลินนั่งสงบเสงี่ยม อยู่บนเตียง ด้วยความคิดมากมาย อีกฝ่ายช่วงชิงความสนใจกระทั่งเอาชีวิตมาข่มขู่ เช่นนั้นแล้ว นางมีอันใดจะเอาไปรั้งสามีเอาไว้เล่า
“นางเป็นอะไรมากหรือไม่” ด้วยความเป็นห่วงสิ่งแรกที่ต้องการรู้คือนางปลอดภัยหรือไม่
“คุณชายใหญ่ช่วยเอาไว้ได้ทันเจ้าค่ะ คุณหนูเสียใจที่จะต้องแต่งเข้ามาเป็นเพียงอนุจึงเสียใจมากแล้วก็เลยคิดสั้นเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบร้อนเอ่ยกล่าว ถ้อยคำนี้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้ฟังเข้าให้
ชายหนุ่มหนักใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ขวาก็ภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามา ซ้ายก็คนรักที่ได้ที่คิดสั้นเพราะความเสียใจอกเสียใจ เขาคือคนกลางล้วนหนักใจยิ่งนัก
ยังไม่ทันเข้าจวนมา หวังเพ่ยอิงก็รีบร้อนลงมือเสียแล้ว เรียกร้องความสนใจเช่นนี้ ถังเหมยหลินจะเอาอันใดไปสู้กับนางกันเล่า หญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องนอน แล้วมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ สามี เงยหน้าแล้วสบตาเขา จ้องมองดวงตาคู่นี้อย่างเลื่อนลอย ไร้ถ้อยคำใด ๆ ออกมาจากปากของนาง
อาชิงที่ตระเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารมื้อค่ำก็เดินเข้ามาหานายสาว นางมิรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น อีกทั้งยังคิดว่าไม่ว่าจะหนักหนาสักเพียงใด คุณหนูของนางก็จัดการได้ ไม่ยากนัก อาชิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูเจ้าคะ วัตถุดิบเตรียมพร้อมสำหรับอาหารมื้อค่ำแล้วเจ้าค่ะ”
ถังเหมยหลินหลุบตาแล้วยกมือขึ้นให้อาชิงรีบเข้ามาประคอง ทั้งสองเดินจากไปยังบริเวณนี้ ไร้ถ้อยคำตำหนิหรือตัดพ้อเหมือนเคยอีกแล้ว ก้อนเนื้อของชายหนุ่มซึ่งเป็นสามีนาง เห็นท่าทีเย็นชาและเหินห่างรู้สึกราวกับมีมดตัวเล็ก ๆ ค่อย ๆ กัดกินก้อนเนื้อเขา เจ็บแปลบขึ้นมาอีกด้วย
ลู่จินสาวใช้เห็นว่าท่านราชครูมองฮูหยิน แล้วไม่พูดอันใด สายตานี้เหมือนสายตาที่กำลังอาลัยอาวรณ์ เช่นนั้นแล้ว สาวใช้จึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านราชครู ไม่คิดจะไปพบคุณหนูหรือเจ้าคะ นางรักท่านราชครูมากเหตุใด”
“เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะตามไป” ลู่จินยังพูดไม่จบ แต่ฝ่ายโจวหย่งเล่อกลับชิงพูดขึ้นเสียก่อน ด้วยเพราะตัดความรำคาญใจออกไป อีกทั้งเขาต้องไปง้อภรรยาเสียก่อน
ดูเหมือนว่านางกำลังโกรธมากจึงเลือกที่จะพูดอะไร หรือไม่ก็กำลังประท้วงเขาแน่ จะทำอย่างไรดีให้นางหายโกรธกันเล่า แล้วยังเป็นห่วงหวังเพ่ยอิง เกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของนางมาก จึงเป็นเหตุให้นางคิดสั้น แม้ว่าร้อนอกร้อนใจเพียงใด ก็ยังไม่สามารถไปเยี่ยมคนรักในขณะนี้ได้
เขาจึงมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก คิดว่าหากปล่อยให้ภรรยาที่แต่งงานอย่างถูกต้องโกรธอีกครั้งจะเป็นเช่นไร นางคงไม่มองหน้า ไม่พูดคุยกับเขาเป็นแน่ แววตาของโจวหย่งเล่อมองตามแผ่นหลังของถังเหมยหลินที่ค่อย ๆ ลาลับสายตาไปอย่างช้า ๆ
“หากข้ากลับไปเพียงคนเดียว แล้วคุณหนูคิดสั้นขึ้นมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ” ลู่จิน คุกเข่าลงบนพื้นแข็งกระด้าง แล้วสวมกอดขาของท่านราชครูเอาไว้แน่น อีกทั้งยังบีบน้ำตาร้องไห้โฮขึ้นมา เพื่อเรียกร้องความสนใจ ไม่ให้เขาลังเลใจอีกครา
“ได้ ๆ ข้าจะตามเจ้าไปเดี๋ยวนี้” สาวใช้ผู้นี้อ้อนวอนถึงขั้นคุกเข่าแล้วเกาะขาเขาเอาไว้อีก แล้วเช่นนี้จะใจดำไม่สนใจหวังเพ่ยอิงได้หรือ โจวหย่งเล่อรับคำแล้วพยุงลู่จินให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินทางไปยังจวนหวังตามที่สาวใช้ผู้นี้อ้อนวอนขอร้อง
ส่วนฮูหยินน้อย มองเครื่องปรุงที่จัดเรียกเอาไว้ มีแผ่นเกี๊ยวสำรับทำอาหารมื้อค่ำ ด้านข้างมีเนื้อหมูที่เมื่อครู่ใช้ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่มีต่อสามี สับมันจนเป็นชิ้นเล็ก ๆ ละเอียดยิบทีเดียว
แม้กระทั่งเจ้าตัวแสบเสี่ยวเปายืนมองท่านป้าสะใภ้พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดกลัว เขาเอ่ยปากคอสั่นว่า “ท่านป้าหายโกรธท่านลุงหรือไม่ เมื่อครู่ข้าอุตส่าห์ไม่วุ่นวายพวกท่าน แต่เหตุใดกันสาวใช้จวนนั้นจึงเข้ามาขัดจังหวะกันเล่า”
อาชิงคันปากยุบยิบ อาจเพราะในจวนนี้มีหนอนตัวใหญ่กระมัง จึงเหมือนนกสู่รู้ยิ่งนัก จวนหวังเองก็เช่นเดียวกัน ช่างส่งสาวใช้มาวุ่นวาย นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งเข้ามาด้วยซ้ำ หากแต่งเข้ามาแล้วเกรงว่า คุณหนูของนางก็คงถูกท่านเขยเมินเฉยเป็นแน่
ทางด้านหย่งเล่อ เดินทางถึงจวนหวังแล้ว เขาเดินผ่านประตูเข้าไปก็พบกับบิดาและมารดาของหวังเพ่ยอิง “คารวะท่านลุง ท่านป้าขอรับ” ท่าทีอ่อนน้อมนี้ทำให้ชายชราเผยสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาอย่างเบาใจ
“ท่านราชครู บุตรสาวข้าอับอายเยี่ยงนี้ ท่านจะรับผิดชอบนางอย่างไร” ชายชราหวังว่าอย่างน้อย ๆ ต้องมีเกียรติ อีกทั้งยังต้องมีสินสอดอีกมากมายเพื่อล้างความอับอายที่บุตรสาวต้องเผชิญ
“ข้าขอเข้าไปดูนางก่อน” ความใจร้อนอยากพบว่ายามนี้เป็นเช่นไร จึงไม่ได้สนทนากับผู้อาวุโสทั้งสอง
ลู่จินควรอยู่กับคุณหนูในห้อง แต่กลับถูกนายสาวกำชับสั่งการเรื่องบางอย่าง ดังนั้นจึงได้วางแผนการ ให้ท่านราชครูมายังจวนหวังให้ได้ นั่นก็เพราะว่า เวลาของหวังเพ่ยอิงเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
หากยังปล่อยให้เขาใกล้ชิดกับถังเหมยหลินต่อไปแล้วละก็ เกรงว่า...เขาอาจตกหลุมรักภรรยาตนเองโดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุผลนี้ หวังเพ่ยอิงคำนวณนับวันเวลา และพรุ่งนี้คู่แต่งงานใหม่ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านของภรรยา
เช่นนี้แล้วหวังเพ่ยอิงจึงต้องเรียกร้องความสนใจ โดยเอาชีวิตของนางเป็นเดิมพัน นับว่าสวรรค์เมตตานางมากที่สุด ทำให้พี่ชายและท่านพ่อท่านแม่หลงเชื่อว่านางกำลังคิดสั้น หวังปลิดชีวิตตนเองหลีกหนีความอัปยศอดสูในครานี้
ยามนี้ลู่จินกับหวังเพ่ยอิงกำลังตระเตรียมแผนการให้รัดกุม วันนี้อย่างไรก็ต้องไปจวนโจวให้ได้ ในฐานะอันใด ภรรยารองของเขา หากมิใช่ตำแหน่งนี้ เป็นอนุนะหรือ มันจะคุ้มค่ากับแผนการที่วางมาเนิ่นนานหรืออย่างไรกัน
ด้วยความอิจฉาริษยา ที่บรรดาฮูหยินทั้งหลายชื่นชมถังเหมยหลินไม่หยุดปาก ว่าเหมาะสมที่จะเป็นฮูหยินน้อยยิ่งนัก ชาติตระกูลสูงส่ง ช่วยเกื้อหนุนท่านราชครูได้บ้างล่ะ
หรือไม่ก็เป็นสตรีที่เพียบพร้อม มักเข้าครัวทำอาหาร คำเยินยอเหล่านี้ นางได้สดับรับฟังจนเบื่อหน่ายแล้ว เช่นนั้น หวังเพ่ยอิงจึงมีจิตใจริษยาชิงชังถังเหมยหลิน เพราะคำสรรเสริญพวกนั้น
ขณะนี้หวังเพ่ยอิงนอนอยู่บนเตียง ข้างกายมีลู่จินคอยดูแล สำรวจอาภรณ์ และดูรอยบอบช้ำที่ลำคอ “คุณหนูรอยนี้ช้ำเกินไปหรือไม่เจ้าคะ” ผงชาดนี้ออกม่วงไปเล็กน้อย ไม่เหมือนกับรอยช้ำ ๆ ที่เกิดจากเชือก
“เอาน่า เหมือนสิ หากข้าปิดเอาไว้ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ มีหรือเขาจะไม่สนใจ ออกไปแล้วก็บอกว่าข้าร้องไห้หนัก อยากฆ่าตัวตายล้างความอับอาย ลู่จินอย่าทำพลาดเชียวนะ”
“รับรองเจ้าคะ ท่านราชครูไม่มีทางไม่สนใจคุณหนู ไม่แน่วันนี้อาจเฝ้าท่านทั้งคืนก็เป็นได้นะเจ้าคะ”