ตอนที่ 9 คำยุแยงของน้องชาย

2209 คำ
ตอนที่ 9 คำยุแยงของน้องชาย เสี่ยวเปาถูกท่านลุงตะคอกจนหน้าเสีย เขายืนหงอยแทบจะร้องไห้โฮจริง ๆ แล้ว หากไม่ใช่ท่านป้าสะใภ้รีบเปิดประตูแล้วรวบเขาเอาไว้ในอ้อมกอด ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมสำรวจว่าท่านลุงทำร้ายท่านป้าหรือไม่ กลับเห็นว่ามีรอยช้ำ ๆ อยู่ตรงลำคอ ด้วยความไร้เดียงสา เขาจึงพูดขึ้นว่า “ท่านลุงกัดคอท่านป้าทำไมกัน เห็นหรือไม่มีรอยตรงนี้” ถังเหมยหลินหน้าร้อนผ่าว ชายหนุ่มจ้องหลานด้วยสายตาเขียวเข้มอย่างไม่พอใจ แล้วดื่มน้ำชาเพื่อดับความร้อนรุ่ม และยังหงุดหงิดงุ่นง่านที่ถูกเจ้าตัวแสบขัดจังหวะเสียก่อน ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดหูของภรรยา เกรงว่านางจะได้ยินถ้อยคำไม่น่าฟังจากเจ้าหลานชายตัวแสบ “ท่านลุง ปิดหูท่านป้าทำไมกัน ข้าพูดไม่ถูกตรงไหนหรือขอรับ” เขาก็ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่ดี แต่เห็นว่าท่านลุงใกล้ชิดกับท่านป้าเยี่ยงนี้เขาก็ฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับกอดอกช้อนสายตามองทั้งคู่ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์พลางสงสัยใคร่รู้นัก เมื่อคิดได้จึงยิ้มจนแก้มพอง “ยิ้มเช่นนี้หมายความว่าอันใด” เสี่ยวเปายิ้มเยี่ยงนี้ ผู้เป็นลุงรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียแล้ว ในอ้อมกอดของเขายังคงมีภรรยาสาวซุกใบหน้าซ่อนความเขินอายที่ถูกหลานชายจับได้ ด้วยท่าทางไร้เดียงสานี้ถังเหมยหลินกระดากอายนักจนไม่กล้าสู้หน้าเสี่ยวเปาในยามนี้ “ท่านป้ากับท่านลุงกำลังมีความรัก” ในที่สุดเสี่ยวเปาก็รู้ความจริง เขาวิ่งพรวดออกจากเรือน พร้อมกับตะโกนป่าวประกาศเสียงดังกึกก้องทีเดียว “ท่านลุงมีความรัก ท่านลุงรักท่านป้า ข้ากำลังจะมีน้องแล้วเย้ ๆ ๆ ๆ” เจ้าตัวแสบวิ่งตะโกนไม่หยุด โจวหย่งเล่อคลายอ้อมกอดออก แล้วจึงรีบวิ่งตามหลานชายแล้วรีบปิดปากทันที แต่...ก็ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองมา เหล่าสาวใช้ในละแวกนั้นต่างก็พากันยกมือปิดปากอำพรางว่ากำลังหัวเราะเบา ๆ เจ้าตัวดีสุดยอดหลานชายตัวแสบดิ้นหนีเงื้อมมือของท่านลุงไปในที่สุด แต่กลับสะดุดก้อนหินจนเกือบหกล้ม แต่ท่านลุงดึงเสื้อเอาไว้ได้ทันพอดิบพอดี มิเช่นนั้นคงได้เลือดตกยางออกเสียแล้ว แต่ทว่าเบื้องหน้ากลับมีรองเท้าคู่หนึ่ง แสนคุ้นเคยยิ่ง เสี่ยวเปาเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาให้กับชายผู้หนึ่งที่ยืนกอดอกมองด้วยแววตาห่วงใย ชายผู้นี้ละสายตาจากบุตรชาย พร้อมกับยื่นมือประสานอย่างนอบน้อม เอ่ยเสียงทุ้มและสุภาพยิ่ง แต่กลับแฝงไปด้วยความดุดัน “ยินดีด้วยพี่ใหญ่ ท่านมีความรักอีกแล้ว” ถ้อยคำนี้แม้ออกจะสุภาพไม่น้อย แต่กลับแฝงไปด้วยความประชดประชันในตัวพี่ชายฝาแฝด เหลือบมองบุตรชายแล้วอดรู้สึกมันเขี้ยวไม่ไหวจึงบิดหูเบา ๆ ไปหนึ่งครั้งด้วยความเอ็นดู “โอ๊ยท่านพ่อข้าเจ็บนะ” โจวสือเฉิงค้อนบิดาเข้าให้ พร้อมกับต่อว่าอีกหนึ่งคำรบถูกบิดหูเช่นนี้ไม่เจ็บก็แปลกแล้ว และเหตุใดท่านพ่อจึงมาได้เวลาอันเหมาะสมราวกับจับวางเอาไว้ด้วยนะ “เจ็บสิดี จะได้รู้ว่าอันใดควรไม่ควร ขอโทษท่านลุงเดี๋ยวนี้” โจวหย่งอันกล่าวน้ำเสียงเรียบ ๆ ไร้ทีท่าดุร้าย รู้สึกผิดจับใจ เพราะตนเองมิมีเวลาสอนสั่งบุตรชาย จึงมักเกเรเอาแต่ใจไปบ้าง ยังโชคดีนักมีพี่สะใภ้เข้ามา และก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับเสี่ยวเปาของเขาอีกด้วย “ลูกทำผิดคิดร้ายอันใดกัน จึงต้องขอโทษท่านลุงด้วยเล่าขอรับ” เขายังไม่เข้าใจ จู่ ๆ ท่านพ่อก็โผล่มา แล้วยังพูดจาไร้เหตุผลสิ้นดี เขามิยินยอมฟัง หากไร้เหตุผลเช่นนี้อย่าพูดเสียดีกว่า “อันเอ๋อร์กลับมาแล้ว เร็วเข้ารีบเข้าเรือนก่อน หิวหรือไม่ แม่ให้คนจัดสำรับให้ดีไหม” หญิงชราแสนดีใจนักหนา ไม่พบหน้าบุตรชายสิบกว่าวันแล้ว วันนี้ได้ยินเสียงเอะอะของหลานชายจึงรีบลุกออกมาดู แต่กลับดีใจอย่างยิ่งยวดเมื่อบุตรชายคนรองกลับบ้านเสียที “ลูกเพียงแวะมาเอาของสำคัญขอรับ อีกเดี๋ยวต้องกลับแล้ว” เขาทำใจพักอยู่ในจวนนี้ไม่ได้ มิใช่เพราะมีพี่สะใภ้ แต่เพราะเขาทำใจไม่ได้ที่อนุอันเป็นที่รักยิ่งจากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงแค่ของขวัญอันล้ำค่าก็คือสายเลือดของเขาและนางอันเป็นที่รักเท่านั้น ด้วยฐานะอันต้อยต่ำของนาง แม้ยามที่ตายจากก็ไม่ได้ฝังในสุสานตระกูลโจว ยามที่พบหน้าบุตรชายมักคิดหวนนึกถึงนางที่ได้ลาลับไป นางทอดทิ้งให้เขาอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว ดังนั้นเขามักทำงานหามรุ่งหามค่ำ มิค่อยกลับจวนสักเท่าไร อีกทั้งตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์มักปลีกตัวได้ยากยิ่งนัก จึงจำเป็นต้องฝากฝังบุตรชายให้มารดาได้ดูแลอุ้มชู สอนสั่งแทนเขา และยังดีที่มีพี่ใหญ่อยู่ที่จวนคอยสอนสั่งอบรมแทน เขาซึ่งเป็นบิดาที่ไม่ได้ความ ยามนี้รู้สึกปลื้มใจยิ่ง ที่พบว่าลูกชายของตนมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ “เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าท่านพ่อไม่รักไม่สนใจข้า” ถ้อยคำนี้ทำให้คนฟังหดหู่ใจนัก โดยเฉพาะถังเหมยหลิน เข้าใจจิตใจของหลานชายผู้นี้ดี ภายนอกดูสดใส แต่ภายในกลับมีแต่ความเหงาโศกเศร้าซ่อนอยู่ ดังนั้นนางจึงเดินมาใกล้ ๆ หลานชาย มิใช่ทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน แต่เป็นเพราะโจวสือเฉิงเป็นเด็กดี และน่ารักและยังรู้จักปกป้องคนรักอีกด้วย “เด็กดี อย่าเสียใจไปเลยนะ ท่านพ่อมีหรือจะไม่รักบุตรชายเช่นเจ้า ท่านป้าผู้นี้ยังรักเจ้าเลย ท่านพ่อมีภารกิจมากมาย ต้องดูแลปกป้องวังหลวงหากมีขโมยเข้าวัง แล้วทำร้ายท่านย่าโม่ฮองเฮา เจ้าจะยิ้มออกหรือร้องไห้เล่า” ถังเหมยหลินค่อย ๆ ใช่เหตุและผลอธิบายเด็กน้อยผู้นี้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงตะคอกใส่เขา เพียงแค่พูดจาดี ๆ มีเหตุผลมีหรือที่จะไม่ยอมฟัง อีกทั้งนางยังเคยสอนหนังสือที่สถานศึกษาของเด็กกำพร้า เด็ก ๆ เหล่านั้น มีนิสัยเยี่ยงไร นางล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี โจวสือเฉิงเองก็เช่นเดียวกัน มิได้ต้องการอะไรมาก เพียงแค่ต้องการให้ตนเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่นเท่านั้น อีกทั้งเขาเพียงแค่ต้องการกอดบิดา รับอาหารด้วยกัน พูดคุยกันเท่านี้ เพียงเท่านี้เขาก็มีความสุขแล้ว “เสี่ยวเปาไม่เสียใจใช่หรือไม่ เอาไว้พ่อจะหาเวลาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ” โจวหย่งอันเห็นบุตรชายเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย ยกมือหนาขึ้นมาลูบไล้เส้นผมเบา ๆ พร้อมกับช้อนร่างของเขาขึ้นมาอุ้มแทน ผู้ถูกถามยิ้มออก หายเศร้าเสียใจแล้ว “ขอรับท่านพ่อ ลูกจะรอท่านพ่อกลับบ้านนะขอรับ” ในที่สุดรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าแสนน่ารักน่าชังของเสี่ยวเปาแล้ว “พี่สะใภ้ ข้าฝากเสี่ยวเปาด้วยนะ” เห็นบุตรชายยิ้มออกเขาก็เบาใจนัก จึงฝากฝังพี่สะใภ้ให้ช่วยดูแลลูกชายเขาอีกคน เดิมที มีท่านแม่ดูแลอยู่แล้ว และมีสาวใช้ในจวนนี้ดูแลเช่นเดียวกัน ทว่ามิมีผู้ใดใกล้ชิดบุตรชายเขาได้ขนาดนี้ นับว่าพี่สะใภ้ผู้นี้คือคนที่บุตรชายเลือก และให้ความไว้วางใจ เช่นนั้นเขาจึงเบาใจยิ่งนัก “คุณชายรองวางใจเถิดเจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับคำมิได้คิดอันใดมาก เพราะหลานชายผู้นี้น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก แล้วยังออดอ้อนเก่งอีกด้วย “นางคือภรรยาข้า เจ้าจะฝากก็ฝากอย่างนั้นรึไง” จู่ ๆ ชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็เกิดอาการหึงหวงขึ้นมาอย่างกะทันหัน รีบร้อนเอ่ยตักเตือนน้องชายเข้าให้ สีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาไม่ใคร่พอใจนัก “พี่ใหญ่ ข้าได้ยินว่าท่านจะรับคุณหนูหวังเข้ามาแล้วไม่ใช่รึไง เช่นนั้นพี่สะใภ้ผู้นี้คงหดหู่น่าดู ข้าฝากเสี่ยวเปาเอาไว้จะได้มีเพื่อนพูดคุยไม่ดีหรือ ใช่หรือไม่เล่า” น้องชายฝาแฝดเอ่ยกระทบกระทั่ง ปกติแล้วทั้งสองมิใคร่ลงรอยกันเท่าไรนัก ก็เพราะความหล่อเหลานั้นทำให้สตรีมากมาย คิดว่าคุณชายรองคือท่านราชครู โปรยผ้าเช็ดหน้าบ้าง ยั่วยวนบ้าง เขาแทบเสียสติเมื่อพบเจอสตรีเหล่านั้น แล้วส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์อีกด้วย “ใช่เจ้าค่ะ เพราะข้าคือคนนอกสายตา ท่านพี่จึงมิได้สนใจไยดีข้านัก มีเสี่ยวเปาอยู่เป็นเพื่อนให้คลายเหงาก็ดีไม่น้อย” ความจริงย่อมหนีไม่พ้น เพราะนางมิได้อยู่ในสายตาของเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นนางก็ทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว ในใจลึก ๆ ก็แอบน้อยใจ เสียใจบ้างเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อสามีหมางเมิน ภรรยาที่ไหนจะยิ้มออกกัน หากไม่ใช่สตรีที่เสียสติวิปลาสไปแล้ว “หากว่าง ๆ พี่สะใภ้ก็ไปเยี่ยมชมตลาด หรือพาเสี่ยวเปาเข้าวังได้เสมอ” เขายื่นป้ายหยกให้แก่พี่สะใภ้ แต่กลับถูกพี่ชายผลักไสส่งคืนทันใด “หากนางจะเข้าวัง ข้าจะพานางไปเอง ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วยเหลือ” ผู้เป็นพี่ชายรู้สึกไม่พอใจนัก ทำไมน้องชายที่ไม่ค่อยเข้าใกล้สตรี นอกจากมารดาของเสี่ยวเปาแล้ว ก็ไม่มีสตรีใดที่เขาเปิดปากพูดคุยนางเช่นนี้ “เอาละพวกเจ้านี่นะ ยังไม่เลิกโต้เถียงเอาชนะกันอีก อันเอ๋อร์แม่สั่งให้สาวใช้นำขนมใส่กล่องให้แล้ว” ขนมที่ลูกสะใภ้ทำเอาไว้ยังเหลืออยู่หลายสิบชิ้น เห็นว่าขนมนี้อร่อยมากนัก ทำให้ชุ่มคอเมื่อเคี้ยวแล้วก็นุ่มนิ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก แม้ว่าในวังหลวงจะมีอาหารมากมาย แต่ขนมนี้เชื่อว่าในวังหลวงก็คงไม่มีแน่ “ข้ายังไม่ได้กินเลย ไหนบอกว่าเทให้สุนัขกินไปแล้ว” เขาเสียหน้ายิ่งนัก ออดอ้อนจะกินขนม แต่นางกลับตอบแบบส่ง ๆ ไป ที่ไหนได้ยังมีเหลืออีกหรือ เขาเป็นสามียังไม่ได้ลิ้มลอง แต่น้องรองมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ท่านแม่ก็รีบจัดแจงให้สาวใช้ใส่กล่องให้น้องรองเสียแล้ว มันน่านัก! ถังเหมยหลินยิ้มร้าย พร้อมกับจูงมือหลานชาย เอ่ยวาจากระทบกระแทกเขาอย่างจงใจ “ที่จวนนี้มีเลี้ยงเอาไว้ด้วยหรือเจ้าคะ ข้าก็เห็นว่ามีแต่ท่านพี่เท่านั้น” “เจ้ากล่าวหาว่าข้าเป็นสุนัขรึไง” เขาไม่โกรธไม่เกลียด แต่กลับชื่นชอบที่เห็นนางดุร้ายเยี่ยงนี้ หากเขาเป็นสุนัข นางก็เป็นภรรยาสุนัขแล้วล่ะ...คืนนี้...เขาจะทำให้รู้ว่า สุนัขตัวนี้ดุดันดุร้ายยิ่งนัก รอให้ค่ำมืดเสียก่อน เสร็จแน่คืนนี้ แววตาของพี่ใหญ่ช่างน่ากลัวเสียจริง เห็นทีว่าคงมีแผนร้ายเป็นแน่ ทว่าผู้เป็นน้องชายฝาแฝดจึงแสร้งพูดประชดและแดกดันพี่ชายอย่างจงใจว่า.... “น่าสงสารพี่ใหญ่เหลือเกิน พี่สะใภ้ก็น่าสงสารนัก มีสามีใจร้ายใจดำเยี่ยงนี้ ปากคอก็เราะรายยิ่งนัก พี่สะใภ้ไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน เห็นทีว่า...อีกหน่อยนางคงต้องขอหย่ากับท่านแล้วกระมัง” “ไม่มีทาง ฟังให้ดีนะ นางไม่มีวันจะออกจากจวนนี้ได้ นอกเสียจากข้าจะยินยอม แล้วเรื่องหย่าร้างก็ฝันไปเถิด...เจ้ารองช่างปากสุนัขเหลือเกิน มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปเสีย” มาไม่ทันไรพูดจายุแยงให้สามีภรรยาเขาแตกคอเสียแล้ว ช่างพูดจาพล่อย ๆ ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย แต่เหตุใดเขาจึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเยี่ยงนี้ด้วย หรือว่า...เขาชอบนางให้แล้ว คงไม่ใช่กระมัง อาจคงเพราะอยากเอาชนะนางเช่นนั้น ใช่...ย่อมเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวแสบยังไม่หายสงสัย “ท่านป้าขอรับ เมื่อครู่ท่านลุงทำร้ายใช่หรือไม่ ตรงคอของท่าน...” “เสี่ยวเปาอยากตายนักใช่หรือไม่” โจวหย่งเล่อเดินตามแผ่นหลังของนางมา คิดจะสานต่ออีกเล็กน้อย ทว่า...เจ้าหลานตัวแสบกลับพูดจาอยากรู้อยากเห็นเช่นนี้ มันน่าจับหักคอดีหรือไม่ “หากเจ้ายังถามอีก คืนนี้ข้าจะหักคอเจ้า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม